แก้วหลบไป เกิบกำลังมา : Shoey วัฒนธรรมการซดเบียร์จากรองเท้าของชาวออสซี่ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
แก้วหลบไป เกิบกำลังมา : Shoey วัฒนธรรมการซดเบียร์จากรองเท้าของชาวออสซี่

Shoey  Shoey Shoey  !

เสียงตะโกนเชียร์ดังกระหึ่มของแฟนเพลงกลายเป็นธรรมเนียมที่ไม่ว่าศิลปินคนไหนก็ตามเมื่อไปเยือนออสเตรเลียคุณจะต้องได้ยินพวกเขากู่ร้องให้ศิลปินที่ชอบแสดงออกถึงความยินดีด้วยการทำ Shoey หรือ การดื่มเบียร์ด้วยรองเท้า

Shoey เป็นวัฒนธรรมการดื่มเบียร์จากรองเท้าของชาวออสเตรเลียที่สามารถเป็นได้ทั้งการลงโทษและการเฉลิมฉลอง นิยมกันมากในงานปาร์ตี้และตามเทศกาลรวมไปถึงการแข่งขันต่างๆ โดยเครื่องดื่มที่รินใส่รองเท้ามักเป็นเบียร์ แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ชนิดอื่นก็ใช้ได้เช่นกัน

hiveminer

จริง ๆ แล้วการดื่มเบียร์จากรองเท้านั้นไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมาฮิตทำกัน  แต่การกระทำสุดติ่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลางแล้ว โดยมีความเชื่อว่าสามารถนำชนะชัยมาให้ในสงครามได้ ว่ากันว่าการใช้รองเท้าแทนแก้วเริ่มแรกเกิดจากการที่ยุคนั้นแก้วขาดแคลน เหล่าทหารที่ต้องดื่มเบียร์เพื่อฉลองชัย ก็เลยขอใช้รองเท้าแทนละกัน หลังจากนั้นไม่นานช่างทำแก้วชาวเยอรมันจึงรังสรรค์เป่าแก้วเป็นรองเท้าบู๊ท หรือ ที่เรียกกันว่า Bierstiefel แทนเพื่อให้พวกเขาไม่ต้องทนใช้รองเท้าอีกต่อไป

แต่ก็มีอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่บอกว่า Bierstiefel ถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของนายพลนามว่า  Prussian ซึ่งให้สัญญากับกองทหารของเขาว่าหากได้รับชัยชนะในการต่อสู้กลับมาเขาจะดื่มเบียร์จากรองเท้าของตัวเองเป็นการฉลอง หลังจากประกาศกร้าวออกไปก็ชนะจริง ๆ นายพลที่ลั่นวาจาไปแล้วจะคืนคำก็ไม่ได้เลยปิ๊งไอเดียสั่งให้ทำแก้วเลียนแบบแทน นับแต่นั้นมาการดื่มเบียร์จากรองเท้าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะสงครามเรื่อยมา

กระทั่งถัดมาในยุคหลังการดื่มเบียร์จากรองเท้าบู๊ทของเพื่อนทหารถือเป็นธรรมเนียมรับน้องอย่างหนึ่งในกองทัพเยอรมัน และมีธรรมเนียมที่ว่าต้องดื่มเบียร์จากรองเท้าบู๊ตของนายพลหลังจากได้รับชัยชนะด้วย นอกจากนี้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารเยอรมันเองก็ถูกสั่งให้เวียนกันดื่มเบียร์ในรองเท้าที่เทไว้จนเต็มเพื่อนำความโชคดีมาสู่ก่อนการต่อสู้

ส่วนความนิยมในยุคนี้ของ Shoey ที่อยู่ ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศออสเตรเลียนั้นคาดว่าเป็นเพราะผู้ก่อตั้ง The Mad Hueys แบรนด์เครื่องแต่งกายสำหรับเซิร์ฟบอร์ดและตกปลาได้อ้างว่างเขาเริ่มทำ Shoey ช่วงปลายปี 1990 และจากนั้นในปี 2006 ก็มีวีดีโอเขากำลังทำ Shoey อยู่จริง ๆ ในปาร์ตี้แห่งหนึ่ง เป็นผลให้แบรนด์เขาเป็นที่รู้สึกเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับวีรกรรมของเขาด้วย

Daniel Ricciardo‏

ในรัฐแทสเมเนียของประเทศออสเตรเลียเองแวดวงดนตรีพังค์ก็รับวัฒนธรรมนี้มาใช้ได้เกือบทศวรรษหนึ่งแล้ว “มันกลายเป็นเรื่องที่เราต้องทำกัน”  Tyler Richardson ฟอร์นต์แมนวง Luca Brasi ในแทสเมเนียกล่าว ตอนนี้เขาอายุ 31 ปี เขาให้สัมภาษณ์ว่าเริ่มทำ shoeys บนเวทีช่วงปี 2010 หลังจากเห็นเพื่อนทำมันในผับเมื่อไม่กี่ปีก่อน

“มันดูตลกดี เรามักจะได้รับเครื่องดื่มฟรีจากมัน ทุกคนต้องการเติมเบียร์ลงรองเท้าของคุณ” เขากล่าวแม้ว่าจะไม่ได้ทำมันมานานแล้ว แต่ก็ไม่ลืมว่ามันกลิ่นตุ ๆ และความแฉะของ Shoey

ฝั่งแวดวงมอเตอร์สปอร์ตก็นิยมไม่ใช่น้อยเลยเมื่อปี 2016 Jack Miller นักแข่งรถ Formula 1 ชาวออสเตรเลียได้เทแชมเปญใส่รองเท้าตัวเองและยกขึ้นดื่มเพื่อฉลองชัยชนะของเขาขณะขึ้นไปรับรางวัล  หลังจากนั้นเพื่อนในวงการอย่าง Daniel Ricciardo ก็พลอยทำตามจนเหมือนเป็นธรรมเนียมที่เขาต้องทำ แถมไม่ทำเปล่าเปลี่ยวแค่คนเดียวเพราะเขายังเชิญเพื่อนมาร่วมชะตากรรมด้วย

เมื่อความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นภาพจำอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศออสเตรเลียไปแล้ว ศิลปินต่างชาติที่เข้ามาเยือนดินแดนแห่งนี้จึงถูกเรียกร้องให้ดื่มเบียร์จากรองเท้าซะ ไม่ว่าจะเป็น Kacey Musgraves , Hugh Grant , Post Malone , Harry Style ฯลฯ ล้วนก็โดนมาแล้วทั้งนั้น แต่จะทำไม่ทำก็อีกเรื่อง

หลายคนคงนึกสงสัยว่า ไอ้การดื่มอะไรสักอย่างจากรองเท้าของตัวเองนั้นมันไม่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคอะไรหรือ คำถามนี้ Anton Peleg ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจาก Monash University ในเมลเบิร์นมีคำตอบให้เราแล้วว่า

“ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของคนที่มีสุขภาพเท้าปกติและสุขภาพดีและรองเท้าไม่ชำรุดนั้นค่อนข้างต่ำ”

Project U

แต่ถึงรู้ว่าปลอดภัยก็อย่าเพิ่งไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าที่ไหนเพราะเรื่องชวนหัว ดูไม่น่ามีผิดมีภัยนี้เคยเกือบจะทำให้เกิดเหตุการณ์ระหว่างประเทศมาแล้วในปี 2016 เมื่อกลุ่มชาวออสซี่ที่รู้จักกันในนามว่า Budgie Nine ถูกจับกุมในมาเลเซียหลังจากที่ประชาชนลอกเลียนแบบการดื่มจากรองเท้าของพวกเขา

ฉะนั้นใครจะริลองสัมผัสวัฒนธรรมของชาวออสซี่ก็ต้องดูบริบทรอบข้างด้วยว่าเอื้อหรือไม่ เดี๋ยวจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้

Source : 1|2|3|4

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save