Movie Review | ไม่ว่าคุณเป็นแฟนทีมไหน ดูเถอะ! “Sunderland ‘Till I Die” - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Movie Review | ไม่ว่าคุณเป็นแฟนทีมไหน ดูเถอะ! “Sunderland ‘Till I Die”

ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ก็หาซีรีส์ใน Netflix ดูไปเรื่อยเปื่อยครับ แล้วก็มาสะดุดกับ “Sunderland ‘Till I Die” ซีรีส์ฟุตบอลเกี่ยวกับสโมสร “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ที่เคยคิดอยากจะดูนานแล้ว แต่ติดตรงที่ยังข้องใจอยู่หน่อย ว่าทีมที่ตกชั้นออกไปจากพรีเมียร์ลีกแบบหมดสภาพ จะมีอะไรน่าสนใจให้เราได้ติดตามดูจนจบหรือเปล่า?

แถม Netflix เอง ยังมีซีรีส์ฟุตบอลของทีมที่ประสบความสำเร็จอีกหลายอันที่ชวนดึงดูดกว่า ทั้งของทีมชาติฝรั่งเศส, สโมสรยูเวนตุส หรือสโมสรโบคา จูเนียร์ กว่าจะเลือกดูเรื่องราวของสโมสรอย่างซันเดอร์แลนด์ ก็เลยดีเลย์ดองไว้เสียนาน

หลังอยู่พรีเมียร์ลีกมา 10 ฤดูกาลติดต่อ “แมวดำ” มีอันต้องตกชั้นแบบหมดสภาพ

แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกดู “Sunderland ‘Till I Die” จนได้ เพราะนอกจากรีวิวที่แอบไปอ่านของฝรั่งมาผ่านๆ ยังเชื่อมั่นว่า Netflix ทำเป็น Original Series ทั้งที มันต้องมีแง่มุมอะไรที่เป็นความเข้มข้นในแบบฉบับแฟนบอลอังกฤษ ให้เราได้ดูกัน 

และตั้งแต่ดู EP แรกรวดไปยัน EP สุดท้าย ซีรีส์นี้ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว

สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ รังเหย้าของซันเดอร์แลนด์ ที่ทันสมัย และมีความจุเกือบ 50,000 ที่นั่ง

“Sunderland ‘Till I Die” เล่าเรื่องราวของสโมสรซันเดอร์แลนด์ ในฤดูกาล 2017/18 หรือฤดูกาลที่แล้ว ที่ทีมแมวดำต้องกระเด็นตกจากพรีเมียร์ลีก ด้วยการเป็นเพียงบ๊วยของลีก และต้องมาตั้งต้นนับหนึ่งกันใหม่ที่ศึกแชมเปี้ยนชิพ

นอกจากคิวเตะเกมลีกจะยุ่บยั่บ เพราะทีมเยอะถึง 24 ทีม เรื่องของการบริหารจัดการทีมให้กลับขึ้นชั้นไปให้เร็วที่สุด ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะซันเดอร์แลนด์ไม่ใช่สโมสรเล็กๆ สนามเหย้า “สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์” ของพวกเขา ก็ทันสมัย และมีความจุมากเกือบ 50,000 ที่นั่ง แฟนบอลเองก็เข้มข้น เต็มไปด้วยแพสชั่น ไม่แพ้ทีมร่วมภูมิภาคอย่างนิวคาสเซิลเลย ไอ้การอยู่ในลีกรองแบบนี้นานๆ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสโมสรแน่

มาร์ติน เบน (ซ้าย) ประธานสโมสร และไซม่อน เกรย์สัน ผุ้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งจะมีบทบาทมากในซีรีส์

ซีรีส์ความยาว 8 EP เล่าเรื่องราวตั้งแต่การอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายก่อนที่ฤดูกาล2017/18 จะรูดม่านเปิดฉาก การถ่ายทำเป็นไปในแบบสารคดีเชิงลึก ลงไปคลุกคลีตีโมงให้เห็นภาพความเป็นไปค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะการบริหารสโมสรของ “มาร์ติน เบน” CEO ผู้ทำหน้าประธานขับเคลื่อนสโมสร, การเข้ามารับงานอันท้าทายของกุนซือคนใหม่ “ไซม่อน เกรย์สัน”, การพาไปทำความรู้จักตัวนักเตะแบบใกล้ชิด และขาดไม่ได้คือแฟนบอลผู้ถือตั๋วปี ซึ่งแม้ทีมจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็พร้อมเดินหน้าสนับสนุนทีม และอยากเห็นทีมกลับมาประสบความสำเร็จ

ซันเดอร์แลนด์ สโมสร และเมืองที่มีแพสชั่นเรื่องฟุตบอลเสมอ

ไทม์ไลน์ของซีรีส์ไม่ซับซ้อน เพราะไล่แต่ EP แรกไปจน EP สุดท้าย มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในฤดูกาล 2017/18 ของซันเดอร์แลนด์ ตั้งแต่เปิดฤดูกาล,​ ตลาดซื้อขายซัมเมอร์, แมทช์แข่งขันมากมาย, ตลาดซื้อขายหน้าหนาว จวบจนถึงแมทช์สุดท้ายของฤดูกาลที่เป็นตอนจบของซีรีส์

เนื้อหาของซีรีส์ และผลลัพธ์ของทีมแมวดำจะมีรายละเอียดยังไงบ้าง อันนี้คงไม่ขอเล่ามากให้เป็นการสปอยล์ แต่อยากจะพูดรวมๆ มากกว่าว่าซีรีส์ให้อะไรกับเราบ้าง

ซีรีส์มีส่วนกล่าวถึงนักเตะของทีม ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายของศึกแชมเปี้ยนชิพที่โหดหิน

อย่างแรกแน่นอน คือความผูกพัน และความรักที่มีต่อสโมสร รวมถึงความรักต่อการทำหน้าที่ของตน ในโลกของฟุตบอลที่ทุกอย่างดำเนินไปด้วยผลการแข่งขันในสนาม

จุดนี้เป็นการสื่อความหมาย 2 ทางอย่างชัดเจน อย่างแรกคือ เราจะเห็นความเป็นมืออาชีพ และแพสชั่นของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับสโมสร กับอย่างที่สอง คือการสื่อความหมายที่เป็นสากล ว่าทำไมคนบ้าบอล ถึงรัก และทุ่มเทเชียร์ทีมที่ตัวเองรักนักหนา และทำไมเราถึงชอบพูดประโยคที่ว่า “ฟุตบอลเป็นอะไรมากกว่าผลแพ้-ชนะ”

ซีรีส์ถ่ายทอดจุดนี้ได้ชัดเจนดีมาก ทำให้เราอินกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงแบบไม่เสแสร้ง มันไม่เพียงแค่ทำให้เราเข้าใจผู้คนที่เกี่ยวข้องกับซันเดอร์แลนด์ แต่มันยังทำให้เราเข้าใจความรู้สึกที่เราเกิดมารัก และเทิดทูนกีฬาฟุตบอลแบบขาดไม่ได้

คุณป้าจ๊อยซ์ ผู้ช่วยเชฟ อีกหนึ่งคนที่ทำให้เราเข้าใจถึงความรักต่องาน และสโมสร

ความคมชัดของเรื่องราวเป็นอย่างที่สองที่อยากจะชื่นชมกับซีรีส์นี้ เพราะนอกจากการสโคปเนื้อหาให้อิน และอยากดูต่อไปเรื่อยๆ แล้ว อารมณ์ร่วมที่ซีรีส์สื่อสารออกมาในแต่ละตอน ยังจัดเรียงลำดับได้ดี ผ่านบุคคลต่างๆ แบบไม่มีปกปิด

ความบันเทิงเองก็ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะการลงลึกแบบใกล้ชิดในลักษณะเป็นสารคดีถ่ายทอดความจริง บวกกับการร้อยเรียงที่ดีตลอด 8 EP ทำให้เราได้รับความสนุกในอารมณ์ต่างๆ จากการชม ไม่ว่าเราจะเป็นแฟนบอลทีมไหนก็ตาม (ใครไม่ได้อินเรื่องบอล ก็อาจจะอินได้ช้า และยากกว่า)

มันจะสนุกด้วยอารมณ์ของซีรีส์ และสนุกที่เราได้เห็นการดำเนินการต่างๆ แบบใกล้ชิด อย่างการซื้อขายตัวผู้เล่น, การประเมินสถานการณ์สโมสร หรือการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเมื่อเจอสิ่งที่เป็นอุปสรรค ดูเสร็จ เชื่อได้เลยว่าคุณจะอยากหา FM มาคุมทีมมันให้รู้แล้วรู้รอดตอนนั้นเลย

ผลลัพธ์ในฤดูกาลสุดท้าทายจะจบยังไง Sunderland ‘Til I Die มีคำตอบที่ทำไว้อย่างดี

อ่านรีวิวมา ก็คงรู้ว่าผมประทับใจซีรีส์นี้มากขนาดไหน มันก็อดไม่ได้ที่อยากจะขอบอกต่อให้ได้ดูกัน โดยเฉพาะแฟนบอล หรือคนที่ชอบดูฟุตบอล เพราะเชื่อว่ามันจะมีหลายช่วงหลายตอน ที่มันจะไปสะกิดความรู้สึกดีๆ ของคุณขึ้นมา ส่วนจะมากหรือน้อย จะอินถึงขั้น “Till I Die” หรือเปล่า อันนั้นคุณต้องลองชม และตัดสินดูเอาเองครับ

ระดับความน่าดู : 9/10 สำหรับแฟนบอล หรือคนรักฟุตบอล | 7.5/10 สำหรับคนที่ไม่ค่อยอินกับฟุตบอล เพราะถ้าไม่เก็ทอารมณ์ร่วม มันอาจจะอินยากหน่อย ^^

Picture : Popsugar, The Mag, Roker Report, ITV.com, Chronicle Live, FourFourTwo, Radio Times, These Football Times 

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save