ประเดิมหนังไทยหัวปีด้วยค่ายขาใหญ่เจ้าของนิยาม feel good อย่าง GDH ที่รอบนี้แสดงพลังของการตลาดที่น่าสนใจ ทั้งการจับตลาดเหล่าประเทศเพื่อนบ้าน และใกล้เคียง ด้วยการคลอดเพลง “คิดมาก” เวอร์ชั่นหลายภาษา รวมทั้งยังดึงเอา “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก” กลับมาเล่นบทใสๆ แบบที่เคยดังกระหึ่มทั้งในและนอกประเทศมาแล้วจาก “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ยังไม่รวมกับการรับบทนำเต็มตัวครั้งแรกของ “นาย-ณภัทร” และการวางตัวผู้กำกับที่น่าสนใจ เพราะ “หมู-ชยนพ” เก่งหนังวัยรุ่น และถนัดดึงเสน่ห์ของตัวละครแบบหนังคอมเมดี้ ที่ให้ฟีลทั้งน่ารัก และน่าอินตามไปด้วย

“Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน” เล่าเรื่องของ “กิ๊ง” (ใบเฟิร์น) กับ “ปาล์ม” (นาย) คู่ซี้สุดๆ ซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เวลาผ่านล่วงเลยมา 10 ปีก็ยังสนิทกันที่สุดไม่เปลี่ยน แม้ตลอดระยะเวลาที่ว่า ปาล์มจะมีความรู้สึกคิดไม่ซื่อกับเพื่อนมาตลอด แต่ก็ไม่กล้าจะบอกให้กิ๊งรู้ ได้แต่ทำหน้าที่เพื่อนสนิทที่คอยดูแลใกล้ชิด แม้ทั้งคู่จะมีคนอื่นแวะเวียนเข้ามาในชีวิตแค่ไหนก็ตาม ยิ่งกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่กิ๊งมีแฟนมาดเท่ห์ชื่อ “พี่เท็ด”​ (เจสัน ยัง) และดูจะอินเลิฟมากกว่าปกติ ปาล์มที่แม้จะหมั่นไส้ แต่ก็แสดงอะไรไม่ได้ เพราะเขาตกอยู่ใน “เฟรนด์โซน”​ อย่างเต็มตัว ล้ำเส้นก็ไม่ได้ ถอยไปยิ่งทนไม่ไหวใหญ่!

จุดเด่นของ “หมู-ชยนพ”​ และเป็นจุดแข็งของ GDH ด้วยเช่นกัน หนีไม่พ้นเรื่อง “จังหวะจะโคน” ของหนังที่ยังแสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าหนังไทยเรื่องอื่นๆ (หรือค่ายอื่น) แม้เนื้อหาของหนังจะไม่ได้มีอะไรเข้มข้นให้ต้องคอยลุ้นแบบใจจดใจจ่อ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนังสามารถใช้ไอ้จังหวะจะโคนที่ว่า ทำให้ผู้ชมสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับตัวหนังซึ่งมีความยาวถึง 119 นาที ได้สบายๆ แถมยังเรียกอารมณ์ในแต่ละช่วงของหนังที่อยากจะดึงขึ้นจุดพีค อย่างความฮาครืนของมุก หรือความกรี๊ดในจังหวะการลุ้นคู่พระ-นาง ซึ่งหนังเซอร์วิสตรงนี้ได้ดีกว่าหนังร่วมค่ายอย่างแฟนเดย์ หรือพรจากฟ้า เสียอีก นอกจากนั้น ยังทำให้เราไม่ไปพาลคิดถึงจังหวะแบบหนังฝรั่ง หรือเกาหลี ซึ่งมันดีที่ผลงานแปะยี่ห้อไทยของ GDH ได้ชัดเจน

“ใบเฟิร์น”​ รับหน้าที่สวมบทกิ๊งได้อย่าง “ยอดเยี่ยม”​ และคู่ควรอย่างยิ่งจากความทุ่มเทของเธอ ที่เคยเผยว่าอยากได้บทนี้มากๆ ซึ่งแม้แกนหลักของเรื่องนี้จะเป็นคอมเมดี้ และขายความเป็นธรรมชาติของตัวละครกิ๊ง แต่ถ้าใครที่ได้ชม พนันกันได้เลยว่า คิดหาคนเล่นให้กลมกลืน และทำให้คนหลงรักในตัวละครนี้ได้ยากมากๆ เชื่อได้เลย ว่าถึงคนจะชอบหนังแค่ไหน ก็ต้องมีไม่น้อยที่คนจะรำคาญตัวละครตัวนี้ ซึ่งใบเฟิร์นสามารถส่งพลังของบทนั้นได้เยี่ยมทั้งสองฝั่ง คือถ้าใครไม่ชอบตัวละครนี้ ก็จะรำคาญสุดๆ แบบลืมไม่ลง ในทางกลับกัน หากใครก็ตามที่มีสักแว้บ ไปหลงรักตัวละครนี้ คุณจะไม่มีทางเกลียดตัวละครนี้ได้ลงเลย

“นาย-ณภัทร” มากับความคาดหวังที่ต่ำกว่าใบเฟิร์นสำหรับเรา และสิ่งที่เราคาดหวังตอนแรก ก็แค่เอาให้นายสามารถรับบทที่เปลี่ยนบุคลิกจากที่เขาเคยเล่นหนัง หรือละครมาแค่นั้น แต่นายสามารถทำได้เกินกว่าที่คาดไปมาก เพราะสามารถทำให้เราเชื่อว่าเขาคือปาล์มจริงๆ และเชื่อในสิ่งที่ตัวละครนี้ทำมันออกมา แม้มันจะไม่เฉียบเท่าใบเฟิร์น แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดอ่อนให้ตำหนิ เพราะอย่างว่าใบเฟิร์นเขามาเต็ม ถ้าทำได้ไม่ชัดเจน ก็ไม่มีทางเข้าบทกับกิ๊งได้รอดแน่นอน ซึ่งจุดนี้นายสอบผ่านสบาย

พูดถึงเรื่องเนื้อเรื่องซะหน่อย เดี๋ยวหาว่าเอาฟีลกู้ด ฟีลสนุกอย่างเดียว ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังที่แบ่งสัดส่วนได้ดีมากที่สุดสำหรับงานของ “หมู-ชยนพ”​ เลย เราอาจจะชอบ “Suckseed” ไม่น้อยกว่ากัน แต่เราก็ชอบในส่วนของความบันเทิง และช่วยให้ย้อนคิดถึงวัยเด็ก แต่ถ้านับเรื่องการปูตัวละคร การค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ของตัวละคร และการขมวดเรื่องให้หาทางจบทางลงได้ เรื่องนี้ทำได้ดีกว่าเลย ดังนั้นไม่ต้องถามเลยว่าคนที่ไม่เคยตกอยู่ในเฟรนด์โซน หรือไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้จะอินมั้ย? เพราะสัดส่วนของหนัง และการปูเรื่องทั้งหมด มันถือเป็นหนังที่ดีครบถ้วนระดับนึงแล้ว ดูได้ และน่าจะอินไม่ยาก

ชมมาก็เยอะ จุดไม่ชอบล่ะ มีมั้ย? มีเหมือนกันนะ.. เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าตอนกลางของหนัง ดูจะมีความเยิ่นเย้อ และโปรโมตตัวตนของตัวละครแต่ละตัวไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่ มันทำให้เรารู้สึกแหม่งๆ หรืออาจจะมีสะดุดกึ้กไปบ้าง แม้สุดท้ายแล้วความชัดเจนของตัวละครจะสามารถดึงความรู้สึกน่าติดตามของเรากลับมาได้ในไม่ช้าก็ตาม แต่มันก็ทำให้รู้สึกว่า ถ้ากระชับขึ้นบางส่วน คงจะเฉียบคมกว่านี้

สรุปจ้ะ! GDH (หรือจะเอาตั้งแต่ GTH ก็ได้) ก็คือ GDH แหละครับ หนังเขามีดีถ้าเทียบกับหนังไทยทั่วไป และ “Friend Zone” ก็มาตรฐานของเขาได้สบายบรื๋อ แถมยังมีทำดีเหลื่อมนำหน้าไปอีกนิดด้วย ทั้งๆ ที่เราก็รู้แหละว่า GDH มาจะมาแนวไหน ทรงไหน แต่เขาก็ยังมีมุมใหม่ และจังหวะจะโคนเด็ดๆ ที่ทำให้เราบันเทิงอารมณ์ แบบไม่ต้องฝืนก็สัมผัสได้ว่ามันไม่ฝืด มันสนุก และไม่ได้เปิดใช้สูตรสำเร็จจนพร่ำพรื่อน่าเบื่อ

ระดับความน่าดู : 8.5/10 (ดูเลยจ้า คุ้มค่า ไม่ผิดหวังชัวร์!)

Text : Rocketseer

Picture : MSN.com, มติชน, GDH, Pantip, Mello, MThai Movie