เราผ่านหนังซอมบี้มามากมาย เราเจอหนังภัยภิบัติมาก็หลาย ซีรีย์ต่างๆ มากมายที่เล่าเรื่องชีวิตหลังสงครามนิวเคลียร์บ้าง วิกฤติไวรัสคร่าชีวิตผู้คนไปกว่าครึ่งโลก การเอาตัวรอดเพื่อผ่านพ้นหายนะนั้นๆ แต่สำหรับ Daybreak แล้ว ไม่ใช่ครับ
Daybreak เป็นซีรีย์สุดเกรียนจากหนังสือการ์ตูนที่ฉายทาง Netflix ที่ได้นักแสดงวัยรุ่น Collin Ford จาก We Bought The Zoo และบทเล็กๆใน Captain Marvel มารับบทเด่นเป็น Josh Weeler นักเรียนธรรมดาๆ ในโรงเรียนมัธยมประจำเมือง Glendale ในรัฐ California สหรัฐอเมริกา ร่วมด้วย Sophie Simnett นักแสดงสาวที่มารับบท Sam แฟนสาวที่ Josh ที่เป็นจุดหมายที่ทำให้เขาต้องผ่านวิกฤติการณ์เลวร้ายต่างๆเพื่อให้ได้พบเธอให้ได้ และตัวละครที่มีสีสันอีกตัวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับ Mathew Broderick จาก The producers และ Cable Guy มารับบทครูใหญ่ ที่มีบทเด่นพอสมควรใน Season นี้
เมื่อโลกมาถึงวิกฤติ จรวดขีปนาวุธนับพันกระจาย และระเบิดทั่วโลก สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้คร่าชีวิตคนทั้งโลก แต่กลับกำจัดผู้ใหญ่ไปจนหมด เหลือเพียงแต่เด็ก และวัยรุ่นที่อยู่รอด ผู้ใหญ่บางส่วนที่รอดชีวิต กลับกลายเป็นซอมบี้ไร้สมองวิ่งหาแต่เหยื่อเพื่อมากินประทังชีวิต เหล่าวัยรุ่นแบ่งตัวเองปกครองตามส่วนต่างๆ ตามที่ตัวเองมีจุดเด่น บางกลุ่มสร้างชุมชนไฮโซใช้ชีวิตแบบไม่สนใจโลก บ้างตั้งกลุ่มแก๊งค์สนใจดูแลธรรมชาติที่เป็นอยู่ บ้างบ้าคลั่งกับกีฬาที่ตัวเองชอบไม่ต่างจากชมรมในไฮสคูล และกลายเป็นกลุ่มบ้าลัทธิชอบความรุนแรงไม่ต่างจากหนัง Mad Max มีแค่ Josh และผองเพื่อนที่มารวมตัวกันด้วยความจำเป็นบางอย่าง อย่างที่ อริสโตเติ้ลเคยกล่าวไว้ว่า “มนุษย์คือสัตว์สังคม” ต้องพึ่งพาอาศัยกันถึงจะอยู่รอด เป้าหมายของแต่ละครมีอะไร Joshไม่ได้สนใจนัก มีเพียง Sam เท่านั้น รักแรก และรักเดียวของเขาที่ต้องตามหาให้เจอให้ได้
ภายใต้พล็อตเรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดานี้ กับตอนแรกๆ ที่ดูเหมือนเป็นหนังวัยรุ่นเกรียนๆ ไม่น่าจะมีอะไร เมื่อผ่านส่วนแรกของหนังไป คุณจะค้นพบความสนุกที่โหมกระหน่ำเข้ามา ทั้งไอเดียการนำเสนอ เนื้อเรื่องแบบต่างๆ จากผู้กำกับที่สลับสับเปลี่ยนกัน (Sex Education ,Riverdale ,Lucifer) เข้ามาโชว์มุมมองภาพ แสงสีเสียง และการประชดสังคมแบบแสบสัน เทคนิคที่เอามาใช้มากๆ เลยคือ เทคนิค Break The Forth Wall คือการทำลายกำแพง ให้คนดูได้มีส่วนร่วมได้มีส่วนเข้าใจความคิดของตัวละครอย่ง Josh และอีกหลายๆ คนในเรื่อง จึงทำให้ซีรี่ย์เล่าเรื่องไปได้อย่างสนุก เทคนิคแบบนี้เราคงจะคุ้นมาจากหนัง Deadpool ที่เอามาเล่น และเทคนิคการเล่าเรื่องย้อนหลัง Flashback ที่ขนสารพัดเทคนิคมาโชว์ ทั้งขนาดเฟรมหน้าจอ จาก 16:9 แบบจอปัจจุบัน กลับไปเป็น 4:3 แบบ TV จอตู้สมัยก่อน การเอาสีมาแทนการย้อนยุค และเอาการ์ตูนสไตล์ญี่ปุ่นมาเล่าเรื่องแทน
เล่ามาแค่นี้ ซีรีย์อย่าง Daybreak ก็น่าดูแล้วใช่มั้ยครับ ยังครับยังมีอีกเยอะผมบอกเลยว่าถ้าคิดว่า เนื้อเรื่องหายนะวันสิ้นโลกได้รับอิทธิพลมาจาก Mad Max ก็ไม่ถูกทั้งหมด ส่วนตัวผมว่า การ์ตูนอย่าง “หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ” นั้น ก็มีอิทธิพลกับซีรีย์เรื่องนี้ไม่น้อย ผมใบ้ๆ ให้นะครับกับตัวละครแบบยูเรีย ที่เคนชิโร่ตามหา มันมีอะไรซ่อนอยู่ในเรื่อง ลองไปดูกันนะครับ สำหรับซีรีย์เรื่องนี้ สนุกครับ
Text – Aritouch