ซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ ปี๊ป เป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ว่าด้วยเรื่องราวของซาเอบะ เรียว นักกวาดล้างมาดเท่ฝีมือฉมังกับภารกิจที่ต้องปกป้องผู้ว่าจ้างสาวสวย ถ้าหากคุณรู้จักซาเอบะ เรียวเป็นอย่างดี เขาย่อมต้องปกป้องผู้ว่าจ้างสาวสวยด้วยทุกอย่างที่เขามีอยู่แล้ว!
ทีมงานเดิมจากซีรีส์สุดคลาสสิค
ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ Kenji Kodama แต่ยังรวมไปถึงเหล่านักพากย์ที่ให้เสียงกันมาตั้งแต่ปี 1987 โดยเฉพาะซาเอบะ เรียวต้นฉบับอย่าง Akira Kamiya ก็ยังคงให้เสียงได้ทั้งเท่และฮาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ส่วนตัวละครอื่นๆ เองก็ยังคงความเป็นต้นฉบับไว้ได้เป็นอย่างดีเพราะผู้ให้เสียงดั้งเดิมก็ตบเท้าเข้ามาพากย์เสียงเหมือนเดิม รวมไปถึงตัวละครรับเชิญสุดคลาสสิคทั้ง 3 จากอีกเรื่องของสึคาสะ โฮโจที่โผล่เข้ามาร่วมแจมกับเขาในเรื่องนี้ด้วย
เนื้อเรื่องที่คุ้นเคย
เนื้อเรื่องในซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ ปี๊ป นี้ถ้าเคยผ่านตากับ City Hunter มาก่อนจะรู้สึกได้ว่าเหมือนถูกดัดแปลงมาจากเนื้อเรื่องดั้งเดิม ทั้งการเดินเรื่องในจังหวะเดิม ความเป็นอนิเมะที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์ และการเล่าเรื่องที่เหมือนจบในตอนแต่ตัวละครก็ยังคงค่อยๆพัฒนาไปด้วย แฟนๆ ของซิตี้ฮันเตอร์จะได้พบกับทุกอย่างที่ทำให้นึกย้อนถึงความหลังในขณะที่เหล่าตัวละครก็เหมือนกระโดดมาจากยุค 80 พุ่งเข้ามาอยู่ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี แต่นั่นเป็นหนึ่งในดาบ 2 คมที่ในขณะหนึ่งสร้างความร่วมสมัยให้กับการ์ตูนระดับขึ้นหิ้ง แต่ก็ละลายความนัวร์ของตัวเองไปพอสมควร ทำให้หลงเหลือเพียงกลิ่นอายจางๆของความนัวร์จากยุคก่อนเท่านั้น ในแง่ของความทันสมัยเองก็ยังไม่ได้ทำได้ดีขนาดที่เหล่าตัวละครหลักจากยุค 80 จะสามารถกลมกลืนไปกับเทคโนโลยียุคนี้ได้อย่างกลมกลืน เหล่าตัวละครหลักนั้นก็ยังดูเหมือนอยู่ในความอนาล็อกแต่รอบๆ ตัวต่างหากที่กลายมาเป็นดิจิตอล และพวกเขาก็แฝงตัวอยู่ภายใต้เงานั้น
ชินจูกุสมัยใหม่ที่ยังคงความร่วมสมัย
อย่างที่ชื่อเรื่องเกริ่นไว้ City Hunter : Shinjuku Private Eyes นั้นถูกดำเนินเรื่องหลักๆในย่ายชินจูกุของโตเกียวที่ที่เรียวอาศัยอยู่ เหมือนกับที่ Gotham เป็นเมืองของ Batman ชินจูกุเองก็เป็นเมืองของซาเอบะ เรียว ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแสงสียังคงสว่างสไวเหมือนเดิมแต่โทนกลับต่างกันออกไป แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงความสวยของมันเอาไว้ได้ไม่ต่างกับที่เคยทำมา และยังคงมีส่วนสำคัญกับภาพยนตร์อยู่ ถึงกระนั้นแล้วการกระโดดข้ามมาจากอดีตของเรื่องนี้ก็ยังมีการกัดแซะแซวสังคมสมัยใหม่ผ่านผู้คนยุคใหม่ของชินจูกุอยู่ ที่ย้ำเตือนความอันตรายของสังคมก้มหน้าและการพึ่งพาเทคโนโลยีมากจนเกินไป
ตัวละครดีไซน์ใหม่ที่คุ้นตา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าลายเส้นของสึคาสะ โฮโจ คือหนึ่งในลายเส้นที่มีเสน่ห์มากที่สุดของยุค และเป็นหนึ่งในลายเส้นที่วาดสาวๆ ออกมาได้สวยงามสุดๆ แต่เมื่อต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ลายเส้นดั้งเดิมนั้นอาจจะคงความ 80 เอาไว้มากจนเกินไป จึงได้มีการออกแบบตัวละครใหม่ที่ให้ลายเส้นร่วมสมัยมากขึ้น ดูเหมือนตัวละครที่จะโลดแล่นอยู่ในวงการอนิเมชั่นยุคนี้ได้ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ได้อย่างดี แต่กระนั้นเหล่าตัวละครหลักที่มีสไตล์ของตัวเองกลับยังคงสไตล์ยุค 70-80 ของตัวเองเอาไว้ภายใต้บรรยากาศยุค 2010 ที่ทำให้พวกเขาดูหลุดออกจากโทนของเรื่อง แต่สำหรับแฟนๆซิตีฮันเตอร์แล้วมันกลับสร้างโทนที่ผสมกันได้อย่างกลมกล่อมระหว่างอดีตและปัจจุบัน
แฟนเซอร์วิส ที่ไม่ใช่แค่เซอร์วิสม้าพ่อพันธ์แห่งชินจูกุคนเดียว
เหล่าแฟนๆซีตี้ฮันเตอร์สามารถคาดหวังกันได้เลยว่า ถ้าเข้าไปดูภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องนี้แล้ว กลิ่นอายดั้งเดิมของซิตี้ฮันเตอร์จะลอยอบอวลเต็มไปหมด พร้อมกับตัวละครดั้งเดิม ตัวละครเสริม ตัวละครเล็กๆที่สำคัญกับเนื้อเรื่อง กระโดดข้ามเวลามากันหมด พร้อมทั้งมุขดั้งเดิมที่ยังคงความฮาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม สำหรับหนุ่มๆแล้ว แฟนเซอร์วิสในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงจัดเต็มให้เหมือนเดิม มีทั้งอาหารตาอาหารใจให้หายคิดถึงซิตี้ฮันเตอร์แน่นอน
ตัวอย่างภาพยนตร์
รีวิวเวอร์ชั่นคนแสดง
Text – Millenium Flerken