“10 ปีหลังจากที่มนุษย์ต่างดาวรุกรานโลก พลเมืองของชิคาโก้แตกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่สวามิภักดิ์ต่อเอเลี่ยน และกลุ่มกบฏต่อต้านที่ยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกราน หลังจากถูกรุกรานมาเกือบหนึ่งทศวรรษ หน่วยกองกำลังต่อต้านใต้ดินที่นำโดยชายลึกลับนามว่า ‘ฟีนิกซ์’ ได้โอกาสที่จะทวงสันติคืนให้กับโลก วิลเลียม มัลลิแกน (John Goodman) นายตำรวจมากประสบการณ์ต้องออกตามล่าฟินิกซ์ เพื่อรักษาความสงบสุขเอาไว้ให้ได้”
Captive State เป็นภาพยนตร์แอคชั่นทริลเลอร์ที่มีกลิ่นอายของการเมืองคลุ้งอยู่เต็มไปหมด
โทนสีของมันสามารถสื่อถึงบรรยากาศของ Dystopia ได้เป็นอย่างดีในอีกส่วนหนึ่งก็ยังสามารถซ่อนความเสื่อมโทรมไว้ในฉากร่วมสมัยที่มีรากฐานอยู่ใต้การปกครองของมนุษย์ต่างดาว
ความน่ากลัวที่ถูกใส่ลงไปในภาพยนตร์เรื่องนี้หลักๆแล้วกลับไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวหรือภัยจากนอกโลก แต่กลับเป็นมนุษย์ จิตใจ กิเลส และผลประโยชน์ ในขณะที่ความสงบสุขเกิดขึ้นจากการยอมสิโรราบแก่ผู้รุกรานต่างดาว ความรุนแรงกลับเกิดขึ้นในที่ลับกับความพยายามที่จะปลดแอกมนุษยชาติ
ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเล่าเรื่องได้อย่างมีสไตล์ และแยบยล มีการใช้สัญญะที่สามารถเข้าใจได้ไม่ยากแต่มีสไตล์ จังหวะการเล่าเรื่องมีหยุดพักแค่ไม่กี่ที่ และเร่งเครื่องอย่างเต็มที่เพื่อจัดเอาเนื้อหาที่แน่นเต็มไปหมดให้อยู่ในเวลาให้ได้ ทำให้คนดูต้องคอยติดตามอยู่ตลอด
หากพลาดส่วนใดไปอาจไม่เข้าใจส่วนต่อๆ มาได้ ในขณะเดียวกันฉากแอคชั่นก็สามารถทำได้ดีน่าสนใจ ถึงจะมีน้อยไปหน่อยก็ตาม
การแสดงของนักแสดงแต่ละคนสามารถถ่ายทอดความชอกช้ำ และความแค้นเคืองออกมาได้เต็มที่ ในขณะที่อีกฝั่งก็สามารถแสดงเป็นนักการเมืองที่มุ่งหาผลประโยชน์ได้อย่างแนบเนียน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ ID4 หรือ Independence Day ที่มนุษย์ลุกขึ้นมาปกป้องโลกจากภัยร้าย มันไม่ใช่ District 9 ที่บอกว่ามนุษย์ต่างดาวก็มีชีวิต แต่มันแสดงถึงเส้นแบ่งกั้นแบ่งของผู้คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก และผู้คนที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมโดยไม่คิดถึงสิ่งใด
ถ้าคุณต้องตกอยู่ใต้การปกครองของมนุษย์ต่างดาวที่พร้อมจะกำจัดทุกคนที่ขวางทาง แต่อีกในขณะหนึ่งก็พร้อมที่จะมอบความสงบสุขให้หากยอมก้มหัวน้อมรับคำสั่งโดยไม่ปริปาก คุณจะเลือกสิ่งไหน สันติสุขจอมปลอม หรือ ความจริงอันโหดร้าย
คะแนน – B
Captive State สงครามปฏิวัติทวงโลก เข้าฉายในวันที่ 21 มีนาคม 2562
Text – Millenium Flerken