เมื่อต้นเดือนตุลาคมปี 2019 ที่ผ่านมา Martin Scorsese ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังที่มีผลงานกำกับระดับ “ตำนาน” ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Empire เขาถูกถามเกี่ยวกับภาพยนตร์ของจักรวาล Marvel ที่กำลังเป็นที่นิยมและถูกพูดถึงเยอะในสุดในช่วงเวลานี้ว่าเขามาความคิดเห็นอย่างไร
“ผมพยายามดูหนังของ Marvel สองสามเรื่องแล้วแต่ว่ามันไม่เหมาะกับผมจริงๆ มันเหมือนกับสวนสนุกมากกว่าที่จะเป็นภาพยนตร์ที่ผมรู้จัก และรักมาตลอดทั้งชีวิต
ซึ่งท้ายที่สุด ผมไม่คิดว่ามันเป็นภาพยนตร์”
ความคิดเห็นท่อนสุดท้ายของ Martin เป็นประเด็นขึ้นมาทันทีว่าเป็นการดูหมิ่น
ไม่เปิดใจ หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยถกเถียงกันทั้งคนในวงการภาพยนตร์ แฟนบอย หรือแม้กระทั้งผู้ชมธรรมดา เสียงจะแตกเป็นสองฝ่ายว่าเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งแน่นอน เสียงไม่เห็นด้วยจะเห็นได้มากกว่าอย่างขัดเจน
Martin Scorsese ก็ไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นของเขาที่เป็นประเด็นถูกซัดทอดไปไกลเกินกว่าที่เขาจะสื่อ เขาจึงได้เขียนอธิบายถึงความเห็นของเขาผ่าน New York Times จั่วหัวว่า “ผมพูดว่าหนัง Marvel ไม่ใช่ภาพยนตร์ ผมขออธิบาย โดย Martin Scorsese”
บทความนี้ของ Scorsese ทำให้ชื่อของเขาติดเทรนด์ใน Twitter เกือบทั้งวัน รวมไปถึงมีผู้ชมเข้าไปเขียนความคิดเห็นในเว็บไซต์ New York Times ถึงเกือบสองพันคน
เราได้คัดใจความสำคัญของบทความนี้เอาไว้เพื่อง่ายแก่การย่อยและทำความเข้าใจครับ
สำหรับผมนะ คนทำภาพยนตร์ที่ผมรัก เคารพและนับถือ เพื่อนๆ ของผมที่เริ่มต้นทำหนังในเวลาไล่เลี่ยกัน การทำหนังคือการ ค้นพบ ตีแผ่ในเรื่องของศิลปะความงาม อารมณ์ และเผยตัวตนกับจิตวิญญาณ มันเป็นเรื่องของตัวละครที่มีความซับซ้อนในปมของเรื่อง มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มีความขัดแย้งกันและย้อนแย้งในเวลาเดียวกันอีกด้วย วิธีที่ตัวละครทำร้ายกันและกัน รักกัน และเผชิญหน้ากับตัวเองอย่างไม่ทันตั้งตัว
นั่นแหละกุญแจสำคัญสำหรับเรา มันคือศิลปะรูปแบบหนึ่ง เคยมีการถกเถียงมาแล้วในเรื่องนี้ และเราก็ยืนหยัดว่าภาพยนตร์นั้นเทียบเท่ากับวรรณคดีหรือดนตรี นาฏศิลป์และเราก็มาเข้าใจว่าศิลปะสามารถค้นพบได้ในหลากหลายสถานที่ และ หลากหลายรูปแบบ
บางคนกล่าวว่าภาพยนตร์ของ Hitchcock มีแต่ความซ้ำซาก อาจจะจริงก็ได้ เจ้าตัวเองยังเคยสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ความซ้ำซากของหนังแฟรนไชส์ในปัจจุบันมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
องค์ประกอบที่สามารถนิยามได้ว่านี่คือภาพยนตร์ที่ผมเข้าใจนั้นมีอยู่ในตัวของหนัง Marvel แต่สิ่งที่ไม่มีก็คือ การค้นพบ ความลึกลับ ความรู้สึก อารมณ์อันตรายที่แท้จริง ไม่มีอะไรที่รู้สึกเสี่ยง ตัวภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนองความพึงพอใจของตลาด และถูกออกแบบมาให้เปลี่ยนแปลงตามธีมที่ต้องการ
ชื่อเรื่องอาจจะเป็นหนังภาคต่อแต่เนื้อแท้ของมันคือการรีเมก (They are sequels in name but they are remakes in spirit) และทุกอย่างในหนังต้องได้รับการอนุมัติก่อนเพราะว่ามันจะเป็นไปในทางอื่นไม่ได้ นี่แหละธรรมชาติของภาพยนตร์แฟรนไชส์สมัยใหม่ ต้องมีการวิจัยทางตลาด ทดสอบโดยกลุ่มผู้ชม ปรับแต่ง แก้ไข ตรวจทานใหม่ แก้ไขใหม่จนกว่าจะพร้อมให้บริโภค
พวกคุณอาจจะถามว่า แล้วคุณมีปัญหาอะไรล่ะ? ทำไมไม่ปล่อยให้หนังซุปเปอร์ฮีโร่หรือหนังแฟรนไชส์เรื่องอื่นเป็นของมันไปอย่างนั้น? เหตุผลนั้นง่ายมาก ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก หนังแฟรนไชส์เป็นตัวเลือกหลักที่คุณจะเลือกดูในโรงภาพยนตร์จอใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อันตรายของการจัดแสดงภาพยนตร์แถมมีโรงหนังอิสระน้อยลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับแต่ก่อน สมการนี้กลับหัวกลับหางแล้วแถมการสตรีมมิ่งกลายเป็นระบบหลักที่จะฉายภาพยนตร์ให้ได้ชมกัน ถึงอย่างนั้น ผมยังไม่รู้จักคนทำหนังซักคนที่ไม่อยากทำหนังให้ออกฉายในโรงภาพยนตร์จอใหญ่ ที่มีผู้ชมนั่งดู
นั่นรวมถึงตัวผมด้วยนะ ผมพูดในฐานะคนที่เพิ่งจะทำหนังให้ Netflix เสร็จ มีเพียง Netflix เพียงผู้เดียวที่อนุญาตให้ทำหนัง “The Irishman” ในแบบที่ผมอยากจะนำเสนอ และผมต้องขอบคุณพวกเขาจริง ๆ เรามีการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในจอใหญ่ด้วย ถึงจะจำกัดโรงก็เถอะ ถ้าถามผมว่าอยากให้หนังได้ฉายลงจอใหญ่เยอะกว่านี้ไหม มันแน่นอนอยู่แล้วว่าอยาก แต่ไม่ว่าคุณจะสร้างหนังให้ใคร จอใหญ่เกือบทั้งหมดก็ลงเอยไปกับหนังแฟรนไชส์อยู่ดี
หรือถ้าคุณจะบอกว่านี่ก็มันเป็นเรื่องของ อุปสงค์ อุปทาน มันคือการมอบสิ่งที่คนอยากชม… ผมไม่เห็นด้วย ไม่ต่างกับคำถามไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน ถ้ามีการยื่นของให้เพียงชิ้นเดียว ขายของเพียงชิ้นเดียวตลอดไป ผู้บริโภคก็จะต้องการของชิ้นเดียวต่อไปเรื่อย ๆ
สำหรับใครก็ตามที่ฝันจะสร้างภาพยนตร์ หรือกำลังเริ่มต้นทำหนัง สถานการณ์ในปัจจุบันนี้นั้นโหดร้ายและไม่เป็นมิตรกับศิลปะเสียเลย
และการที่ลงมือเขียนคำเหล่านี้ทำให้ผมเศร้าใจอย่างมากที่สุด
ถ้าท่านผู้อ่านได้มีเวลาอ่านบทความทั้งหมดจะเข้าใจได้ว่าภาพยนตร์นั้นมีความหมายอย่างไรสำหรับเขา ถึงแม้ธุรกิจจะเปลี่ยนวิธีการทำหนังไปอย่างไร ภาพยนตร์ก็ยังเป็นศิลปะที่อสำคัญอยู่ดี
Martin Scorsese ไม่ได้เกลียดภาพยนตร์ Marvel แต่อย่างใด เพียงแค่เขาเข้าใจภาพยนตร์ในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นรูปแบบที่เขาเติบโตมาในยุคนั้นและได้หล่อหลอมเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีความเป็นศิลปินในตัว จุดสำคัญก็คือเขาพยายามปกป้องศิลปินในวงการภาพยนตร์ที่ยึดถือในรูปแบบของตัวเองอย่างมาก
Martin Scorsese, ผู้กำกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์ รวมไปถึงนักเขียนบทและผู้ผลิตภาพยนตร์ กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา “The Irishman”
Text – winwog