ผ่านพ้นศึกโหมโรงฤดูกาลใหม่ของพรีเมียร์ลีก อย่างศึกโล่การกุศล “คอมมูนิตี้ ชิลล์” ไปเรียบร้อย โดยชัยชนะ “ยกแรก” ตกเป็นของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งโงนไปเงนมา แต่ก็สามารถรักษาสกอร์ 1-1 กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ก่อนจะเผด็จศึกด้วยจุดโทษ 5-4 ซึ่งเป็นจุดแข็งโป๊กของแชมป์เก่า ที่ชนะ 7 ครั้งรวดในทุกรายการที่พวกเขาต้องดวลจุดโทษตัดสินแบบนี้

ย้อนกลับไปก่อน ศึกคอมมูนิตี้ ชิลล์ จะโม่แข้งกัน หลายคนออกอาการห่วง “หงส์แดง” ว่าจะต่อกรกับ “เรือใบสีฟ้า” ได้ดีแค่ไหน เพราะนอกจากจะไม่มีการเสริมทัพนักเตะซีเนียร์, นักเตะตัวหลักหลายคนก็กลับมารายงานตัวช้า แถมผลงานอุ่นเครื่องก็กระท่อนกระแท่น มาโดยตลอด

แต่ “หงส์แดง” ก็ได้พิสูจน์ให้เห็น โดยเฉพาะใน 45 นาทีครึ่งหลัง ว่าพวกเขามีดีพอจะต่อกรกับ “เรือใบสีฟ้า” ได้สนุก แถมยังดูมีความคึกคัก และความฟิตที่เหนือกว่า หากเฉียบคมอีกนิด เชื่อว่าพวกเขาก็มีสิทธิ์ไม่น้อย ที่จะน็อคแชมป์เก่าในเวลาได้เช่นกัน

แน่นอนว่าเรื่องความฟิต สำหรับนัดเปิดฤดูกาลในวันศุกร์ที่ 9 ส.ค. กับ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ น่ะน่าจะพร้อมแล้ว แต่กับการยืนระยะ ลุ้นแชมป์ไปจนจบฤดูกาล “หงส์แดง” พร้อมแค่ไหน? และมันไม่ต้องซื้อนักเตะชั้นนำ เข้ามาเสริมซักรายจริงเหรอ?

เสริมอะไรมา ปล่อยอะไรไป

เลือกมองกันเฉพาะที่เกี่ยวพันกับทีมชุดใหญ่ “หงส์แดง” เสริมทัพเข้ามาทั้งหมด 3 ราย สองรายแรกเป็นเด็กละอ่อน “เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก” เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดัทช์ อายุแค่ 17 ปี กับ “ฮาร์วี่ เอลเลียตต์” ไอ้หนูตัวคึก อายุแค่ 16 ปี เจ้าของสถิตินักเตะเด็กที่สุดที่ได้เล่นพรีเมียร์ลีก กับฟูแล่ม

อีกรายที่คอนเฟิร์มสดๆ ร้อนๆ คือ “อาเดรียน” ผู้รักษาประตูสแปนิช วัย 32 ปี ซึ่งหงส์แดง เซ็นฟรีมาเสริมทีม หลัง “ซิมง มินโญเล่ต์” มุ่งหน้าย้ายกลับบ้านกับ คลับ บรูช หลังตกเป็นตัวสำรองถาวร มากว่าฤดูกาลครึ่ง

นักเตะที่ปล่อยออกจากทีมไป ก็มี “แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์” และ “อัลเบร์โต้ โมเรโน่” ที่หมดสัญญา และก็มีปล่อยนักเตะดาวรุ่งออกไปหาประสบการณ์ ทั้ง “มาร์โก้ กรูยิช” กับ “เชยี่ โอโจ” รวมทั้งอาจจะเหมารวมถึง “ไรอัน เคนต์” ปีกวัย 22 ปี ซึ่งน่าจะย้ายออกจากทีมไปเร็วๆ นี้ ส่วน “นาธาเนียล ไคลน์” ที่ว่าจะย้ายๆ ก็ดันมาปิดเทอมยาวไปเสียก่อน

โดยภาพรวม ก็เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทีมชุดใหญ่”

ทำไม “หงส์แดง” ถึงไม่ซื้อ?

เบื้องลึกเบื้องหลังในการซื้อขาย เราไม่อาจทราบได้ แต่ชื่อของนักเตะระดับของแรงที่หงส์แดงมีข่าวมากมาย เช่น “นิโคลัส เปเป้”,​ “มาไธส์ เด ลิกต์”, “บรูโน่ แฟร์นันเดซ” หรือ “ฟิลิปเป้ คูตินโญ่” ต่างก็เป็นแค่ข่าวลือของสื่อ ไม่มีรายไหนที่ใกล้ความจริงเลย จากแคมป์แอนฟิลด์

ซึ่งสอดคล้องกับที่ “เจอร์เก้น คลอปป์” ย้ำมาตลอด ว่าทีมก็เล็งเสริมทีมอยู่แหละ แต่ต้องเป็นนักเตะที่เข้าใจบทบาทเป็น “ตัวเลือก” ภายในทีม ไม่มีการซื้อเอามาถมกัน หรือทุ่มทุนก้อนใหญ่ เหมือนในซีซั่นก่อนแน่

ปัจจัยสำคัญ ที่คลอปป์ยกมาอธิบาย คือพวกนักเตะ “ตัวเจ็บ” เมื่อซีซั่นก่อน ต่างกลับมาฟิตพร้อมลงเล่นกันถ้วนหน้า ทั้ง “อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน”, “อดัม ลัลลาน่า”, “นาบี้ เกอิต้า” และรวมถึง “เรียน บริวสเตอร์” ที่คลอปป์ ประเมินไว้ในระดับสูง

งั้นลองมามองตามตำแหน่งที่หงส์แดงชอบเล่นกัน แบบ 4-3-3 ดูกันว่าขุมกำลังเป็นยังไงบ้าง

ผู้รักษาประตู : อลิสซง (มือ 1) / อาเดรียน (มือ 2)

แบ็คขวา : เทรนท์ อาโนลล์ (ตัวหลัก) / โกเมซ, มิลเนอร์ (ตัวเสริม)

แบ็คซ้าย : โรเบิร์ตสัน (ตัวหลัก) / โกเมซ, มิลเนอร์, ลารูชี่ (ตัวเสริม)

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : เวอร์จิล (ตัวหลัก) / มาติป, โกเมซ (แย่งตำแหน่งกัน) / ลอฟเรน (ตัวเสริม)

กลางเบอร์ 6 : ฟาบินโญ่ (ตัวหลัก) / ไวจ์นาดุม, มิลเนอร์ (ตัวเสริม) / ลัลลาน่า (ตัวเสริม – คลอปป์ดูจะอยากลองอดัม ตำแหน่งนี้), เฮนเดอร์สัน (ตัวเสริม – คลอปป์เหมือนจะเห็นเฮนโดคือเบอร์ 8 มากกว่า)

กลางตัวสูง (2 ตำแหน่ง) : ไวจ์นาดุม, เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์, เกอิต้า, อ๊อกซ์ (แย่งตำแหน่งกัน) / ลัลลาน่า (ตัวเสริม) / วิลสัน (ตัวดาวรุ่ง)

ปีกขวา : ซาล่าห์ (ตัวหลัก) / ชากิรี่,​ อ๊อกซ์ (ตัวเสริม) / วิลสัน (ตัวดาวรุ่ง)

ปีกซ้าย : มาเน่ (ตัวหลัก) / โอริกี้, อ๊อกซ์ (ตัวเสริม) / วิลสัน (ตัวดาวรุ่ง)

กองหน้า : ฟิร์มิโน่ (ตัวหลัก) / บริวสเตอร์ (ตัวเสริม) / ซาล่าห์, มาเน่ (หุบมาเล่นได้)

ดูไปดูมา มันก็เพียงพอเหมือนกันแฮะ เพราะแม้จะไม่ได้เสริมตัวซีเนียร์ แต่ทีมก็ไม่เสียตัวหลักออกไปเลย (สเตอร์ริดจ์ กับ โมเรโน่ ลงเล่นน้อยมากปีที่แล้ว) แถมมีตัวหายเจ็บกลับมาอีก

ลองจัด 11+7 ผู้เล่น เวลาลงสนามแต่ละสัปดาห์ มันก็ได้ตามนี้

11 ตัวจริง (คาดการณ์) : อลิสซง, เทรนต์, โรเบิร์ตสัน, เวอร์จิล, มาติป, ฟาบินโญ่, เฮนโด, ไวจ์นาดุม, ซาล่าห์, มาเน่, ฟิร์มิโน่

7 ตัวสำรอง (คาดการณ์) : อาเดรียน, โกเมซ, อ๊อกซ์, โอริกี้, มิลเนอร์, ชากิรี่, เกอิต้า

ถ้าตามนี้ปุ๊บ แสดงว่ามีนักเตะหลุดจาก 11+7 หลายรายเลย ทั้ง ลอฟเรน, วิลสัน, ลัลลาน่า, บริวสเตอร์

เหมือนจะพอ แต่ทำไมอาจจะไม่พอ?

น่าจะมีอยู่ 2 จุดที่น่าเป็นห่วงในความ “เหมือนพอ แต่อาจไม่พอ” นั่นคือ อาการบาดเจ็บ และ การยกระดับทีมขึ้นมา

อาการบาดเจ็บ คือเรื่องที่ยากจะคาดเดาที่สุด ไม่มีใครจะการันตีว่านักเตะอย่างลัลลาน่า, อ๊อกซ์, เกอิต้า, เฮนโด หรือโจ โกเมซ จะไม่เจ็บอีก เช่นเดียวกับเหล่าตัวหลักที่ซีซั่นที่แล้วเจ็บน้อยมาก ก็อาจจะโชคร้ายเจ็บขึ้นมาก็ได้ อย่างฟิร์มิโน่ ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น

ภาพที่แบ็คขวามีปัญหาตอนต้นปีปฏิทิน 2019 จนต้องเอาเฮนโด และมิลเนอร์ ถอยลงไปเล่น ยังคงตามหลอกหลอนอยู่พอสมควร เพราะบางคนยังคิดว่า มันเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทีมพลาดท่าต่อซิตี้ในตอนท้าย แค่เพียงแต้มเดียว

อีกเรื่อง คือการยกระดับของทีม ข้อสังเกตที่เห็นจากผลงานปรีซีซั่นที่ตะกุกตะกัก เห็นได้ชัดว่า หากหงส์แดงขาด 3 แนวรุกแดนหน้าไป ทุกอย่างดูจะยากไปซะหมด ในเมื่อปีที่แล้ว 3 ตัวรุกแทบไม่เจ็บ ยังพลาดท่าให้ซิตี้ในที่สุด แล้วปีนี้ เกิดมีเหตุขึ้น คุณภาพของทีมจะพอมั้ย ถ้าไม่เสริมทีเด็ดเพิ่ม

การยกระดับของทีม ยังอาจมองไปที่การเสริมให้ทีมเก่งขึ้นไปอีก เช่น หากได้คูตินโญ่กลับมา มิติในเกมรุกจะดีขึ้น ลูกยิงไกลเอย ลูกเทคนิคเอย สิ่งนี้อาจจะตัดสินผลแพ้ชนะได้ ในเสี้ยววินาที

สรุปส่งท้าย “หงส์แดง”​ พร้อมลุ้นแชมป์แค่ไหน?

จะชี้เปรี้ยงว่า “ปีนี้สู้ซิตี้ไม่ได้หรอก” หรือ​ “ปีนี้ไม่ต้องลุ้นหรอกแชมป์” มันก็จะดูถูกคุณภาพทัพนักเตะ “หงส์แดง”​ กันเกินไป เพราะผลงานในซีซั่นที่แล้ว รวมถึงในคอมมูนิติ้ ชิลล์ ที่ผ่านมา ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังดีพอ หากรักษามาตรฐานการเล่นไว้ และเติมความเฉียบคมลงไปหน่อย

ดังนั้น ในมุมของคลอปป์เอง ตัวเขาและลูกทีม “พร้อม”​ แล้วแหละ ที่จะฝ่าฟันการแข่งขันอันหฤโหดกว่าปีที่แล้ว เพราะนอกเหนือจาก 4 ถ้วยเดิม พวกเขายังมี “ชิงแชมป์สโมสรโลก” รอคอยอยู่ในช่วงเดือน ธ.ค. ที่โปรแกรมในลีกยังคงถี่ยิบ

เชื่อว่า คลอปป์น่าจะพร้อมใช้นักเตะที่มีอยู่ลงเล่น แต่ก็แอบรู้สึกลีกๆ เหมือนกัน ว่าทั้งทีมซื้อ-ขาย และคลอปป์เอง น่าจะมีนักเตะที่หมายตาไว้ เพียงแต่ปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้ตัดสินใจ เสริมทีมตอนนี้เลย อาจจะเกิดขึ้นไม่ง่าย ถ้าไม่ลงล็อคจริงๆ

เครดิตตลอด 3 ปีครึ่งของคลอปป์ ที่ทำไว้ มันยังแข็งแรงพอจะ “เชื่อ” ในตัวเขา ว่าหากนักเตะไม่ตรงตามสเป็คจริงๆ ทีมไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเข้ามา มันเป็นแบบนี้ตลอดมา และน่าจะยังคงเป็นต่อไป จวบจนตลาดซัมเมอร์ปิดลง ในวันที่ 8 ส.ค.

ไม่ว่าจะมีนักเตะเซอร์ไพรส์เข้ามา หรือไม่ก็ตาม ในช่วงเวลาที่เหลือ เชื่อเถอะว่า คลอปป์น่าจะขับเคลื่อนทีม ให้ได้ผลการแข่งขันที่ดีได้ แต่มันจะดีพอสมกับ “ความคาดหวัง” ของแฟนๆ มั้ย อันนั้น ต้องรอชมคำตอบไปพร้อมๆ กัน

Picture : 90Min, The Sun, Vanguard News, This Is Anfield, Goal.com, Fox Sports, beIN SPORTS, Vbet News, The National, talkSPORT, Mirror, The Express Tribune