กลายเป็นข่าวฮือฮาที่มารวดเร็วกะทันหัน (สำหรับทุกคนภายนอกสโมสร) เมื่อ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ประกาศปลด “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” พ้นตำแหน่ง และห่างเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ชื่อของ “โจเซ่ มูรินโญ่” ถูกแต่งตั้งขึ้นมาแทนแบบฉับไว
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนแบบนี้ แน่นอนว่ากระแสแว้บแรก อาจจะทำให้ระคนสงสัยว่ามันถูกต้อง หรืออยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมมั้ย แต่พอทราบคนที่มาทดแทนอย่างรวดเร็ว ก็เป็นอันรู้กันว่า “แดเนี่ยล เลวี่” และบอร์ดของยอดทีมนอร์ธลอนดอน เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว
ลำพังการเปลี่ยนกุนซือหนแรกในรอบถึง 5 ปี ในยุคที่กุนซือเปลี่ยนหน้ากันเป็นว่าเล่น ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจแล้ว แต่คนที่มาแทนคือ “สเปเชียล วัน” มูรินโญ่ ชายผู้เป็นสีสันแห่งพรีเมียร์ลีก ยิ่งทำให้จุดสนใจพุ่งตรงไปที่สเปอร์หมด เรียกว่าแทบไม่มีใครพูดถึงบิ๊กแมทช์ แมนฯ ซิตี้ ปะทะ เชลซี เลยด้วยซ้ำ
เพื่อไม่ให้ตกกระแส เราเลยต้องมาดูแง่มุมน่าสนใจกันหน่อย ว่าเราเห็น “สัญญาณ” อะไรบ้าง ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้
ทำไมต้องจ่ามู?
แน่นอนว่าผลงานที่ล้มเหลวของเขากับ “ปีศาจแดง” รวมถึงรูปแบบการเล่น จะทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยกับมูรินโญ่ ยิ่งรูปแบบการเล่นของ “ไก่เดือยทอง” นั้นเล่นเกมรุกฉับไว มีสีสัน
อย่างไรก็ดี มี 2 ประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป
ประเด็นแรก มูรินโญ่ยังเป็นกุนซือระดับชั้นนำ ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายทั้งกับ ปอร์โต้, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และเชลซี หรือแม้แต่กับแมนฯ ยู เขาก็พาทีมคว้าแชมป์ได้มาแล้ว ดีกรีระดับนี้ คุ้นเคยกับบอลอังกฤษขนาดนี้ หาตัวเลือกอื่นในช่วงเวลานี้ยาก
มีข่าวเหมือนกันว่าสเปอร์ เล็งกุนซือหนุ่มที่น่าสนใจอย่าง “ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์” แต่แกเองพึ่งจะย้ายมาคุมไลป์ซิก การจะชิงตัวมาแบบฉับไวกลางซีซั่นแบบนี้ จึงเป็นไปได้ยาก
ประเด็นที่สอง อย่าลืมว่ารูปแบบการเล่นของ “ไก่เดือยทอง” ในซีซั่นนี้ ไม่ได้วูบวาบน่ากลัวเหมือนเดิมแล้ว ยกเว้นแค่เกม UCL ที่พวกเขาเจอทีมที่เป็นรอง
เกมรุกพวกเขาในลีก ผลิตประตูได้น้อย เกมแดนกลางก็ขึ้นเกมช้าลงมาก ส่วนเกมรับก็ยังคงมีปัญหา องค์ประกอบที่ “พอช” ทำไว้ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา กลับทำได้ไม่ดีพอในซีซั่นนี้
ในทางกลับกันในมุมของมูรินโญ่ แม้ช่วงหลังเขาจะโดนโจมตีเยอะ เรื่องแทคติกที่เน้นรับ มากกว่าเปิดเกมเข้าใส่ แต่ต้องไม่ลืมว่าในสมัยเขาทำเชลซีได้รุ่งเรือง ทีมเคยเล่นได้อย่างสมดุล รับเหนียว รุกหนัก มาแล้ว
ดังนั้นบางที หากเขาได้ทีมที่คลิก แทคติกของ “จ่ามู” อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ได้
สัมภาษณ์แรกของมูรินโญ่
แม้จะมีเวลาไม่มากนัก เพราะเมื่อได้รับการแต่งตั้ง ก็ต้องเริ่มคุมทีมซ้อมเพื่อเตรียมตัวลงเล่นกับเวสต์แฮม ในคู่เร็วของวันเสาร์เลย แต่ “สเปเชี่ยล วัน” ก็มีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ไปบ้าง
นอกเหนือต่อคำพูดทั่วไป ที่เราได้ยินเป็นประจำเวลามีกุนซือใหม่ หรือนักเตะใหม่ มูรินโญ่กล่าวชื่นชมกลุ่มนักเตะ ว่าสเปอร์มีนักเตะที่ยอดเยี่ยม และคิดว่าตัวเองจะแฮปปี้ ในความสัมพันธ์กับนักเตะชุดนี้
ขยายความตรงนี้นิดนึง หากย้อนไปสมัยที่มูรินโญ่คุมแมนฯ ยู นักเตะสเปอร์หลายคน ถูกยกขึ้นมาพัวพันว่า “ปีศาจแดง” ให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ เคน, คริสเตียน อีริคเซ่น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรล หรือเอริค ดายเยอร์ การได้หยิบจับใช้นักเตะเหล่านี้จริงๆ จึงน่าสนใจไม่น้อย
นอกเหนือจากนั้น ยังมีคำพูดของเลวี่ ที่เชื่อมั่นว่ามูรินโญ่จะทำได้ดีกับกลุ่มนักเตะซีเนียร์ของทีม รวมไปถึงดาวรุ่ง ซึ่งสอดคล้องกับที่กุนซือชาวโปรตุกีส ให้คำชื่นชมต่อการพัฒนาสาธารณูปโภคของสเปอร์ ทั้งสนามที่ลงทุนสร้างใหม่ และสนามซ้อมที่ยอดเยี่ยม เหมาะแก่การพัฒนาทีมต่อเนื่อง
โปเช็ตติโน่ ขึ้นชื่อเสมอเรื่องการให้โอกาสเด็กดาวรุ่ง และผลักดันนักเตะหลายคนจากดาวรุ่งให้กลายเป็นผู้เล่นชั้นนำ คราวนี้ถึงตามูรินโญ่บ้าง ว่าเขาจะต่อยอดประโยชน์ตรงนี้ได้ดีแค่ไหน
พูดประเด็นจริงจังไป ใช่ว่าความยียวน และบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของมูรินโญ่จะหายไป เพราะแค่แถลงความพร้อมของทีมนัดแรก แกก็จัดไปหลายมุก
เช่น บอกว่าตัวเองเป็น “Humble One” หรือคนถ่อมตัวคนนึง เพียงแต่นักข่าวไม่เข้าใจแนวทางของเขา, ตอบนักข่าวถึงความรู้สึกที่สเปอร์แพ้ UCL นัดชิงว่า ไม่รู้ เพราะตัวเขาไม่เคยแพ้นัดชิง UCL หรือบอกว่าเขาจะไม่ทำผิดอะไรซ้ำๆ เพราะเขาจะทำผิดพลาดเรื่องใหม่แทน ฮ่า
นอกจากนั้นยังมีคำถามเด็ด ที่นักข่าวถามย้อนว่าตอนสมัยคุมเชลซี แกเคยบอกว่าจะไม่มีทางมาคุมสเปอร์ ไหงเปลี่ยนใจ จ่ามูเลยตอบว่า ก็ตอนที่พูดยังไม่ได้โดนปลดหนิ!
สถิติคุมทีมต้องมีแชมป์
ยี่ห้อที่คนยกย่องมูรินโญ่เสมอ นั่นคือเขาไปคุมทีมไหนก็ต้องมีแชมป์ ซึ่งหากเขาทำได้สำเร็จ ย่อมเป็นเครื่องการันตีว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่ “พอช” ไม่สามารถทำได้ แม้อดีตกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ จะยกระดับทีมขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำขนาดไหนก็ตาม
และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์ของสเปอร์ตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่ในลีก พวกเขาอยู่อันดับ 14 มีคะแนนตามหลังจ่าฝูง 20 แต้ม และตามหลังอันดับ Top 4 ถึง 11 แต้ม หากเขาพลิกพาทีมกลับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ควร และคว้าแชมป์ได้จริงๆ มันคงจะสุดยอดไปเลย
อีโก้ และการใช้เงิน
เป็นสิ่งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ว่าอีโก้ และสไตล์การใช้เงินของ “มูรินโญ่” กับ “เลวี่” จะไปด้วยกันได้จริงเหรอ?
ณ จุดเริ่มต้นนี้ เรายังคงไม่เห็น “จุดตัดสิน” ของ 2 เรื่องนี้ชัดเจน เพราะคงต้องรอผ่านช่วงแรก หรือ “ช่วงฮันนีมูน” ไปก่อน อย่างน้อยกว่ามูรินโญ่จะสามารถเล็งนักเตะใหม่ ก็ต้องรอถึง ม.ค. เลย
ยังไม่รวมข่าวคราวว่าสเปอร์ มีการวางตำแหน่งกุนซือที่แตกต่างจากระบบทีมอื่น คือการให้เป็น “เฮดโค้ช” ที่ตัดสินใจ และคุมทีมเฉพาะการลงเล่น มากกว่าจะเป็น “ผู้จัดการ” ที่ดูแลครอบคลุมเรื่องซื้อ-ขายตัวด้วย
จุดที่ว่านี้ เป็นเรื่องราวภายใน ซึ่งไม่รู้ว่าตอนเลวี่จะไปดึงมูรินโญ่ มาคุมทีม พวกเขาเจรจาแบ่งงานกันแบบไหน และมีการยื่นข้อเสนอที่แตกต่างกับตอนที่โปเช็ตติโน่คุมหรือเปล่า ต้องติดตาม
ทีมงานสตาฟฟ์ที่น่าสนใจ
การกลับมากุมบังเหียนนายใหญ่อีกครั้งของมูรินโญ่ ยังมีจุดน่าสนใจที่สตาฟฟ์ ซึ่งจะมาเป็นผู้ช่วยในการคุมทีมของเขา เพราะ “จ่ามู” ไม่ได้ดึงมือขวาที่เคยร่วมงานกัน มาคุมทีมแต่อย่างใด
ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะอดีตมือขวาของเขา ไม่ว่างมารับงาน “รุย ฟาร์เรีย” มือขวาที่เชลซี และช่วงต้นตอนยูไนเต็ด รับงานอยู่ที่กาตาร์ ส่วนแกงค์ผู้ช่วยที่แมนฯ ยู ก็ล้วนเป็นลูกหม้อของ “ปีศาจแดง” จึงยังช่วยงาน “โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์” อยู่ครบ
จะเป็นแค่มวยแทนรึป่าวไม่รู้ แต่คิดว่าคงลำเอียงเกินไป หากเราไม่หันมาเล่าถึงมือขวาคนใหม่ ที่ชื่อว่า “เจา ซาคราเมนโต้” ซึ่งมีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น
ซาคราเมนโต้ เป็นชาวโปรตุกีสเหมือนมูรินโญ่ ไม่เคยเป็นนักเตะอาชีพเหมือนกันอีกต่างหาก โดยเจ้าตัวถูกดึงมาจากลีลล์ สโมสรจากฝรั่งเศสที่มีผลงานโดดเด่นในช่วง 2 ซีซั่นหลัง
ว่ากันว่า มูรินโญ่รู้จักกับซาคราเมนโต้ เพราะเพื่อนสนิทของเขา “ลุยส์ คัมโปส” ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกีฬาให้ลีลล์ อยู่ในขณะนี้ เป็นผู้แนะนำให้
ที่ลีลล์ ซาคราเมนโต้เคยเป็นโค้ชในทีมงานของ “มาร์เซโล่ บิเอลซ่า” ก่อนจะเปลี่ยนถ่ายมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ “คริสตอฟ กัลเธียร์” กุนซือคนปัจจุบัน ที่สามารถพาทีมจบอันดับ 2 ของลีกเอิง ซีซั่นที่แล้ว
ซาคราเมนโต้ เคยได้รับการยกย่องว่ามีความรู้เกินวัย และมีรูปแบบการคุมทีมในการฝึกซ้อมที่น่าสนใจ ช่วยให้นักเตะสนุกกับการซ้อม และพัฒนาศักยภาพได้ดี
และแม้เขาจะอายุแค่ 30 ปี แต่ก็เคยผ่านการทำงานกับสโมสรใหญ่อย่างโมนาโกมาแล้ว แถมยังเคยเรียนมหาวิทยาลัยที่เวลส์ และเคยรับจ็อบเป็นหนึ่งในทีมวิเคราะห์ของทีมชาติเวลส์ จึงใกล้ชิดกับบอลเมืองผู้ดีอย่างดี
น่าสนใจว่าการจับคู่ใหม่ของมูรินโญ่ และซาคราเมนโต้ จะส่งผลให้รูปแบบการเล่นของ “ไก่เดือยทอง” เปลี่ยนไปแค่ไหน มีความสมดุลมากขึ้นรึป่าว อันนี้น่าติดตามอย่างยิ่ง
สุดท้ายแล้ว ผลงานของ “จ่ามู” มูรินโญ่ กับสเปอร์ จะออกมาในรูปแบบไหน โปรแกรมช่วงแรกที่ต้องมีไปเยือน “ปีศาจแดง” ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ต่อไปจนถึงการเตะถี่ยิบในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ น่าจะพอช่วยให้เราเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้นกว่านี้
โปรดติดตามตอนต่อไป ด้วยใจระทึก!
Picture : Fox Sports, Sky Sports, Forbes, Bundesliga News, MyLondon, Evening Standard, Ninety Minutes Online, Novantesimo, Spurs Web, The Guardian, Metro, Football.London, La Voix du Nord, Planificando el Éxito, Manchester Evening News, The SportsRush