เปิดตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Huawei อย่าง Mate 30 Series ที่ในครั้งนี้ได้ลดจำนวนรุ่นลงมาเหลือเพียง 2 รุ่นเท่านั้นได้แก่ Mate 30 และ Mate 30 Pro โดยทั้งสองมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีการเล่นรายละเอียดที่ขอบด้านข้าง โดยใช้งานหน้าจอแบบ Horizon Display ที่ขอบด้านข้างจะมีความโค้งยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับกล้องหลังที่มีมาให้ถึง 4 ตัว
Mate 30 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Flex OLED ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1176 อัตราส่วนการแสดงผลอยู่ที่ 18.5:9 ขณะที่ตัวของ Mate 30 จะมาพร้อมกับหน้าจอ Rigid OLED มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 อัตราส่วนการแสดงผลอยู่ที่ 19.5:9 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับความสามารถในการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ในส่วนของชิปเซ็ตภายในตัวเครื่องของทั้งสองรุ่น ได้ใช้งานชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของค่ายอย่าง Kirin 990 ที่ทาง Huawei ได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีความแรงมากที่สุด (ไม่นับตอนชิปเซ็ต A13 เปิดตัว) ในเวลานี้ ชิปกราฟิกเป็นตัวของ Mali-G76 ความพิเศษของชิปเซ็ตรุ่นนี้คือมีการรองรับการใช้งาน 5G ภายในตัวโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งชิปโมเด็มแยกเหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆที่เป็นอยู่ในตอนนี้ โดย Mate 30 ให้แรมมา 6/8GB ขณะที่ตัว Mate 30 Pro อยู่ที่ 8GB
จุดสำคัญของงานเปิดตัวในครั้งนี้อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของกล้องที่รุ่นพี่อย่าง Mate 30 Pro จัดเต็มมาให้เน้นๆ มาพร้อมกับกล้องหลังมากถึง 4 ตัว โดยยังคงได้ทาง Leica มาช่วยดูแลเหมือนเช่นเคย กล้องหลักความละเอียด 40MP f/1.6 (Wide) + 40MP f/1.8 (Ultra Wide) + 8MP f/2.4 (Telephoto) + 3D Depth Sensor กล้องหน้าความละเอียด 32MP (Wide) + 3D ToF ขณะที่รุ่นเล็กอย่าง Mate 30 มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ควมละเอียด 40MP f/1.8 (Wide) + 16MP f/2.2 (Ultra Wide) + 8MP f/2.4 (Telephoto) กล้องหน้าความละเอียด 24MP โดยกล้องทั้งหมดอยู่ภายในวงกลมด้านหลังที่วงแหวนถูกเรียกว่า Halo Ring Design
ใครที่ชื่นชอบในการถ่ายวิดีโอตัวของ Mate 30 Pro ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพ Cine Camera รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 60fps พร้อมกับโหมดการถ่าย Ultra Slow-motion 7680fps พร้อมโหมดการถ่ายภาพอื่นๆให้ใช้งานกันอีกมากมาย
ภายในงานทาง Huawei ยังได้มีการนำเครื่องรุ่นใหม่ของพวกเขาไปเทียบกับ iPhone 11 Pro Max ถึงเรื่องของแบตเตอรี่อีกด้วย โดยตัวของ Mate 30 และ Mate 30 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4200mAh และ 4500mAh โดยที่มีน้ำหนักของตัวเครื่องเพียง 196 และ 198 กรัม รองรับเทคโนโลยี SuperCharge 40W และ Wireless Charging 27W รวมไปถึงเทคโนโลยีอย่าง Reverse Charging ก็ยังคงมีให้เราได้เห็นกันอยู่
อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้และมีการบอกมาล่วงหน้าแล้วสำหรับระบบที่จะใช้งานในตัวเครื่องที่ยังคงใช้งาน Android อยู่โดยจะเป็นตัวของ Android 10 ที่ครอบด้วย EMUI 10 แต่จุดที่ขาดหายไปนั้นก็คือทั้งสองจะไม่รองรับการใช้งานบริการใดๆของทาง Google เลย โดยผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องทำการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันเอาเองผ่าน Huawei AppGallery
ราคาของทั้งสองรุ่นถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนักหากเทียบกับราคายูโรในตอนนี้โดย Mate 30 มีราคาอยู่ที่ 799 EUR (ประมาณ 27,000 บาท) ขณะที่ตัวของ Mate 30 Pro จะมีราคาอยู่ที่ 1099 EUR (ประมาณ 37,000 บาท)
ที่มา – ThisIsGame
