หากจะกล่าวถึงเกมมิ่งเกียร์ที่ผู้เล่นมักจะมองหาเพื่อนำมาใช้งานเป็นสิ่งแรกๆคำตอบคงหนีไม่พ้น 2 สิ่งหลักๆนั้นก็คือเมาส์และคีย์บอร์ด โดยปัจจัยในการเลือกซื้อของแต่ละอย่างจะขึ้นอยู่กับว่าเราในฐานะผู้ใช้งานว่าจะเลือกจากอะไรเป็นหลัก บางคนอาจจะเลือกจากแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Razer, Logitech, Corsair หรืออื่นๆ หรือจะเป็นการเลือกจากสเปคภายใน โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำแนวทางในการเลือกซื้อเมาส์ ว่ามีอะไรบ้างที่เราควรนำมาเป็นปัจจัยในการเลือกเกมมิ่งเมาส์

เซนเซอร์ที่ใช้งาน: Optical หรือ Laser

หนึ่งสิ่งที่เราควรจะทราบกันก่อนที่จะเลือกใช้งานเมาส์สักตัว สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนคือเซนเซอร์ที่ใช้งานซึ่งในปัจจุบันเราจะมีเซนเซอร์สำหรับการใช้งานอยู่ 2 ประเภทคือ Optical และ Laser แน่นอนว่าแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เป็นเรื่องจริงที่ว่าหากเราจะเลือกซื้อเมาส์ในสมัยก่อนเรามักจะได้รับคำแนะนำให้ซื้อเมาส์ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์แบบ Laser เพราะมาพร้อมกับความแม่นยำและการตอบสนองที่ดีกว่า แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากยิ่งขึ้นเซนเซอร์แบบ Optical ก็เข้าใกล้ Laser จนแทบไม่ต่างกันแล้ว

จะมีเพียงข้อดีอย่างเดียวเท่านั้นที่เมาส์ Laser ยังคงเหนือกว่าเมาส์ Optical นั้นก็คือสามารถใช้งานได้ในทุกๆพื้นผิวการทำงาน แม้กระทั่งกระจกที่เป็นอุปสรรคในการใช้งานเมาส์ Laser ก็ยังคงสามารถใช้งานได้ อย่างไรก็ตามในบางพื้นผิวเมาส์ Laser สามารถใช้งานได้จริงแต่ประสิทธิภาพการใช้งานจะลดลงไปบางส่วน ซึ่งหากว่ากันตามตรงแล้วในปัจจุบันพื้นผิวที่เราใช้งานไม่ได้แตกต่างอะไรกันบ้างและทั้งสองแบบสามารถใช้งานได้ จนดูเหมือนว่าเมาส์ Laser จะดูแม่นยำจนเกินความจำเป็นไป

ฉะนั้นเหตุผลเดียวที่น่าสนใจที่จะทำให้เราเลือกใช้งานเมาส์ Laser ในปี 2019 คงจะมาจากการที่เราจำเป็นที่จะต้องใช้งานในพื้นผิวที่โปร่งใสหรือพื้นผิวที่มีการตกกระทบอยู่บ่อยๆ หากไม่ใช่การเลือกใช้งานเมาส์ Optical ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และคุ้มค่ากับเงินที่จะจ่ายไป เพราะมีช่วงราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและใช้ได้ทุกคนมากกว่านั้นเอง

การตอบสนอง: DPI

หนึ่งในค่าที่เราจะได้เห็นเป็นประจำเวลาที่จะเลือกใช้งานเมาส์สักตัวนั้นก็คือค่าการตอบสนองหรือ DPI ที่ย่อมาจาก Dots Per Inch เราจะเห็นได้ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น แต่ถ้าเกิดถามว่าเราควรจะเลือกใช้งานด้วยค่า DPI ที่เท่าไหร่ ซึ่งในส่วนนี้เราจะต้องคำนึงถึงขนาดและความละเอียดของหน้าจอที่ใช้งานยิ่งมีความละเอียดมากเราก็จำเป็นที่จะต้องใช้ค่า DPI ที่สูงกว่าเดิม

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันที่หน้าจอสำหรับการเล่นเกมของเราไม่ได้มีความกว้างและความละเอียดมากมายอะไร การเลือกใช้งาน DPI ที่สูงเข้าไว้ก็ดูจะไม่ได้จำเป็นแบบนั้น ฉะนั้นถ้าเกิดว่าถามว่าทำไมเราควรจะเลือกซื้อเมาส์ที่มาพร้อมกับค่า DPI สูงเข้าไว้ เหตุผลก็คือในเวลาการใช้งานจริงเราอาจจะเลือกปรับค่า DPI เอาไว้หลายระดับอย่างเช่นในเกมแนว FPS ที่การปรับค่า DPI ค่อนข้างจะส่งผลต่อปืนที่เราถืออยู่ อย่างเช่นหากถือปืนกลเราก็อาจจะปรับค่า DPI สูงเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ตอบสนองได้ทันท่วงที แต่หากถือปืนแนวสไนเปอร์ เราอาจจะเลือกตั้งค่า DPI ไว้ต่ำเสียหน่อยเพื่อที่จะสามารถควบคุมและเล็งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าการที่มีค่า DPI สูงภายในเมาส์จะเป็นสิ่งที่ดี เสมือนว่าเหลือดีกว่าขาด แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อเมาส์จาก DPI สูงเสมอไป บางคนที่ใช้งานเมาส์แบบที่ไม่ได้มีการปรับระดับ DPI ได้อาจจะมองหาเมาส์ที่ค่า DPI ไม่ต้องสูงมากมาใช้งานแทนก็ได้ อีกทั้งภายในระบบอย่าง Windows เราสามารถที่จะปรับความเร็วของเมาส์ได้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงในหลายๆเกมที่มีตัวเลือกในการตั้งค่าความเร็วเมาส์เช่นกัน

การเชื่อมต่อ: มีสาย หรือ ไร้สาย

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่หลายๆคนมักจะมีคำถามเวลาที่อยากจะหาเกมมิ่งเมาส์มาใช้งานแบบจริงๆจังๆ เพราะอาจจะติดหรือคุ้นชินกับการใช้งานเมาส์ไร้สายมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าในแต่ละแบบจะต้องมีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันอยู่แล้ว มาเริ่มกันที่เมาส์แบบมีสายกันก่อน แน่นอนว่าเมาส์มีสายเป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะเกมเมอร์หากเลือกได้ก็มักที่จะเลือกซื้อเมาส์แบบมีสายเสมอ ด้วยความที่มาพร้อมกับราคาที่ถูกกว่า มีความเสถียรในการใช้งานมากกว่า และสุดท้ายคือคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากกว่า ข้อเสียเดียวที่เราจะเห็นได้จากเมาส์มีสายก็มาจากชื่อของมันนั้นเอง

ข้ามมาดูที่เมาส์ไร้สายแน่นอนว่าข้อดีของเมาส์ไร้สายก็ตรงตามชื่อของมัน ด้วยความที่เป็นเมาส์ไร้สายทำให้เวลาใช้งานสามารถที่จะขยับไปที่จุดใดก็ได้โดยที่ไม่มีข้อจำกัด อย่างไรก็ตามเมาส์ไร้สายแบบดีๆที่เกมเมอร์สามารถนำมาใช้งานได้แบบไม่มีปัญหามักจะมาพร้อมกับราคาที่แพงเอามากๆ และหากจะหาเมาส์ไร้สายที่มีประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับเมาส์มีสายราคาที่ต้องจ่ายก็แทบจะครึ่งต่อครึ่งเลยก็ว่าได้

แล้วสรุปว่าเมาส์แบบใดที่เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่ากัน ? เราคงจะต้องบอกว่าเมาส์แบบมีสายดูจะเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่า มาพร้อมกับความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปที่มากกว่าเช่นกันและมันเป็นความจริงที่ว่าเมาส์แบบมีสายยังคงมีความเสถียรสำหรับการใช้งานมากกว่า อย่างไรก็ตามถ้าเกิดว่าใครมีแผนที่จะต้องเดินทางอยู่บ่อยๆหรือเป็นสายแข่งที่ต้องไปตามงานต่างๆและต้องการเมาส์ที่มาพร้อมกับการจัดการและพกพาที่ง่าย การลงทุนจ่ายเงินที่มากกว่าก็อาจจะเป็นเรื่องที่คุ้มค่าก็เป็นได้

ฟีเจอร์อื่นๆ: จำนวนปุ่มสำหรับการใช้งาน

สำหรับเกมมิ่งเมาส์ส่วนใหญ่แล้วมักจะมาพร้อมกับปุ่มควบคุมเพิ่มเติมอยู่ที่ด้านซ้ายของเมาส์ หากไม่ได้มีราคาสูงอะไรมากมายมักจะมาพร้อมกับปุ่มเพิ่มเติมอีก 2 ปุ่ม อย่างไรก็ตามเมาส์บางตัวได้มีการเพิ่มจำนวนปุ่มสำหรับการใช้งานที่มากยิ่งกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น Razer Naga Trinity ที่เป็นเมาส์พิเศษที่ออกแบบมาให้สำหรับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบการเล่นเกมแนว MOBA หรือ MMO เพราะมาพร้อมกับปุ่มด้านข้างเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานมากถึง 12 ปุ่ม ซึ่งอาจจะเป็นอะไรที่ดูเกินความจำเป็นไปสำหรับการใช้งานของคนทั่วๆไป

แล้วถ้าเกิดถามว่าเราจะต้องใช้งานปุ่มกี่ปุ่มสำหรับการใช้งาน ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวของผู้ใช้งานเองว่าต้องการมากน้อยเพียงใดๆ แต่สิ่งที่เราจะได้มาอย่างน้อยแน่ๆสำหรับเกมมิ่งเมาส์นั้นก็คือปุ่มเพิ่มเติม 2 ปุ่ม ส่วนถ้านอกเหนือจากนั้นคงต้องถามใจตัวเองว่าต้องการมากน้อยเพียงใดนั้นเอง

ภาพลักษณ์ภายนอก: ขนาดและน้ำหนัก

ปัจจัยสุดท้ายที่เราจะมาพูดถึงกันนั้นก็คือเรื่องของรูปลักษณ์ของตัวเมาส์ อย่างเรื่องของขนาดและน้ำหนักซึ่งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ หากจะให้กล่าวถึงกันแบบง่ายๆและแยกไม่ยาก เมาส์ที่มีขนาดเล็กและเบาจะเหมาะกับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบในความเร็วของการขยับไปมา แต่สำหรับเมาส์ที่มีขนาดใหญ่และหนักจะมาพร้อมกับรูปทรงที่จับได้ง่ายกว่า แต่อาจจะมีความลำบากเล็กน้อยในการขยับเมาส์ไปมาในแต่ละครั้ง ซึ่งหากใครที่ต้องเล่นเกมที่มีการขยับเมาส์อยู่ตลอดเวลาเมาส์ขนาดใหญ่อาจจะลำบากเล็กน้อย

แต่สิ่งที่ต้องมาดูกันว่าเราจะเหมาะกับเมาส์แบบไหนจริงๆแล้วอยู่ที่ลักษณะมือของเรา หากเราเป็นคนที่มีมือที่ใหญ่การเลือกใช้งานเมาส์ขนาดเล็กอาจจะดูไม่เหมาะกับการใช้งานนัก เฉกเช่นเดียวกันกับคนที่มือเล็กหากเลือกใช้งานเมาส์ที่มีขนาดใหญ่อาจจะลำบากไม่น้อย โดยปัจจัยในเรื่องนี้อาจจะขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้งานและเกมที่เล่น ก็ต้องลองไปจับตัวเมาส์ดูกันเอาเองว่าถูกใจเมาส์ตัวใด

ที่มา – ThisIsGame