ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาฝุ่นและควันในปัจจุบันที่เรากำลังเจออยู่ในตอนนี้เป็นปัญหาที่หลายต่อหลายคนต่างให้ความสำคัญ และมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่กับเจ้าฝุ่นขนาด PM 2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฝุ่นทั่วๆไปที่เราเจออยู่ในปัจจุบันและส่งผลเสียค่อนข้างที่จะชัดเจนไม่ว่าจะเป็นอาการไอ เจ็บคอ แสบจมูก ฉะนั้นวันนี้เรามาดูตัวช่วยต่างๆที่จะทำให้เราอยู่ร่วมหรือเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฝุ่นที่เจอกันตอนนี้ดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

เช็คสักนิดก่อนออก: สำหรับอย่างแรกคงหนีไม่พ้นการดูว่าพื้นที่ไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบ บางทีพื้นที่ที่เราจะไปหรืออยู่อาศัยอาจจะไม่ได้อยู่ในเขตที่เกิดปัญหา PM 2.5 ก็ได้ฉะนั้นเรามาตรวจสอบกันก่อน อย่างน้อยๆก็จะได้ทราบว่าควรจะไปที่ใดและควรที่จะหลีกเลี่ยงพื้นที่ไหนบ้าง โดยจะขอแนะนำเป็นเว็บแอพพลิเคชั่นอย่าง AQICN ที่มีให้ใช้งานทั้งเวอร์ชั่น Android และ iOS (สำหรับ iOS จะเป็นการใช้งานผ่านเว็บไซต์แต่การแสดงผลไม่ได้ต่างกัน) โดยภายในนี้จะมีการแสดงข้อมูลพื้นที่และปริมาณของฝุ่นแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งบอกความหมายของค่าที่แสดงอยู่บนแผนที่ ทำให้เราสามารถเช็คได้ว่าพื้นที่ไหนมีปริมาณเท่าไหร่บ้าง

จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด: แม้ว่าแอพพลิเคชั่นจะช่วยให้เราเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไหร่แต่ก็เป็นการบอกในพื้นที่วงกว้าง ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าตำแหน่งที่เราอยู่จริงๆได้รับผลกระทบและมีปริมาณของฝุ่นอยู่ในระดับใด แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเราสามารถหาซื้ออุปกรณ์เพื่อตรวจเช็คได้ว่าตำแหน่งที่เราอยู่ได้ทันทีด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งแม้จะไม่ได้เจอสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แต่การมีติดไว้ก็ช่วยให้เรารู้สภาพแวดล้อมตอนนั้นได้อยู่ดี รวมๆแล้วถือว่ามีติดไว้ไม่เสียหาย

– ตัวแรกเป็น SNDWAY PM 2.5 Detector ซึ่งชื่อรุ่นต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะไม่แน่ชัดแต่ให้ดูที่รูปร่างของมันจะดีกว่า ด้วยขนาดที่เล็ก 2.4 x 2.4 x 1.0 นิ้ว ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก น้ำหนักเพียงแค่ 189 กรัม สามารถทำงานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้มากกว่า 4.5 ชั่วโมง โดยเจ้าเครื่องนี้สามารถแสดงปริมาณของฝุ่นที่อยู่ในพื้นที่นั้นได้ อีกทั้งยังแสดงอุณภูมิและค่าความชื้นออกมาบนหน้าจอ LED ส่วนราคาและแหล่งที่ขายก็สามารถหาได้บนเว็บไซต์อย่าง Lazada ได้เลยราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท

– Xiaomi Mijia Smartmi PM2.5 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่ต้องการเครื่องตรวจสอบสภาพฝุ่นที่อยู่ในปัจจุบัน เนื่องด้วยแบรนด์ Xiaomi เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับการอย่างแพร่หลายแล้วจึงน่าสนใจ โดยมีน้ำหนักเพียง 90 กรัม การชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้ได้นานมากถึง 6 ชั่วโมง โดยตัวนี้จะมีไฟแสดงสถานะบอกสภาพอากาศ ณ ตอนนั้ว่าเป็นอย่างไหร่ หากมีสีเขียวถือว่าปกติ ถ้าส้มต้องเริ่มระวัง หากแดงเมื่อไหร่อันตรายเมื่อนั้น โดยสามารถหาซื้อได้ใน Shopee ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท

– Xiaomi PM2.5 Detector น่าจะเป็นตัวที่น่าสนใจที่สุดแล้วตัวนี้เนื่องจากว่านอกจากจะแสดงผลผ่านตัวเองได้แล้ว ยังซิ้งค์เพื่อดูข้อมูลต่างๆผ่านทางแอพพลิเคชั่นของทาง Xiaomi ได้อีกด้วย เข้ากับชีวิตคนในปัจจุบันเป็นอย่างมากที่มักจะอยู่แต่หน้าจอ และสามารถใช้คู่กับเครื่องฟอกอากาศของทาง Xiaomi เพื่อให้ทำงานได้เมื่อสภาพอากาศแย่ได้ด้วย น้ำหนักเพียง 100 กรัมทำให้พกไปไหนก็สะดวก หาซื้อได้ทั้งจาก Lazada และ Shopee ราคาอาจจะสูงสักหน่อยประมาณ 2,600 บาท

หาหน้ากากใส่: แน่นอนว่าหลังจากที่เราทราบข้อมูลต่างๆมาแล้ว และมีเหตุต้องให้ไปสู่พื้นที่ที่มีฝุ่นจำนวนมากทางเดียวที่เรามีก็คือ การหาหน้ากากมาสวมใส่เพื่อป้องกันละอองของฝุ่นเหล่าเข้าสู่ร่างกาย โดยหน้ากากที่นำมาใช้ต้องรองรับและป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้หรือที่เราเรียกว่า N95 โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากคงไม่พ้น 3M แต่จริงๆแล้วแบรนด์ไหนที่รองรับก็ไม่ต่างกัน 

ขั้นเด็ดขาดต้องฟอกอากาศ: สำหรับใครที่กังวลปัญหาฝุ่นและสภาพอากาศอย่างหนัก หลังจากที่กลับมาบ้านแล้วอาจจะเป็นกังวลหลังออกไปเผชิญสภาพที่เลวร้าย เราสามารถแก้ไขและเพิ่มความสบายใจได้ด้วยเครื่องฟอกอากาศนั้นเอง ขอแนะนำเป็น Xiaomi Mi Air Purifier 2S เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงปริมาณฝุ่นที่อยู่ภายในห้องได้ชัดเจน สามารถใช้งานคู่กับแอพพลิเคชั่น Mi Home ได้ โดยที่เครื่องสามารถแสดงอุณภูมิและความชื้นออกมาให้เห็นด้วย ไส้กรองมีด้วยกัน 3 ชั้น พื้นที่ในการใช้งานที่ดีอยู่ที่ 21 – 37 ตารางเมตร ประมาณ 1 ห้อง น้ำหนักเพียง 4.5 กิโลกรัม ราคาเพียง 4,999 บาท รับร้องได้เลยว่าการมีเครื่องฟอกอากาศภายในห้องจะช่วยให้เรานอนหลับสบายไร้กังวลอย่างแน่นอน

ที่มา – ThisIsGame