งานศิลปะไม่ต่างอะไรจากเครื่องมือบันทึกเรื่องราวชนิดหนึ่งที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวในยุคนั้น ๆ แล้วส่งผ่านข้ามเวลามาให้คนอีกยุคหนึ่ง
ดังคำพูดที่เรามักได้ยินกันว่า ‘ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว’ แม้ผู้สร้างจะตายไปแล้วแต่ผลงานศิลปะและชื่อเสียงของเขากลับไม่ตายตาม มันยังคงตราตรึงใจคนรุ่นหลังเรื่อยมาทุกยุคทุกสมัยราวกับว่าศิลปะไม่อาจฆ่าให้ตายได้ด้วยกาลเวลา
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้หากใครยังว่าง ๆ ไม่มีแพลนอะไรเป็นพิเศษลองชวนคนรู้ใจหรือครอบครัวออกไปชมนิทรรศการ From Monet to Kandinsky ที่ขนผลงานศิลปะกว่า 1,500 ภาพของศิลปินผู้ทรงอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตกสมัยใหม่กว่า 16 คน ได้แก่ Claude Monet, Edgar Degas, Paul Gaugin, Henri Rousseau, Henri Toulouse-Lautrec, Gustav Klimt, Paul Signac, Piet Mondrian, Amedeo Modigliani, Vincent van Gogh, Pierre August Renoir, Juan Gris, Paul Klee, Edvard Munch, Kazimir Malevich และ Wassily Kandinsky จากพิพิธภัณฑ์ 20 แห่งทั่วโลกมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว แล้วฉายภาพศิลปะอันงดงามด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลบนโปรเจ็กเตอร์ขนาดยักษ์แบบ 360 องศา
พร้อมชุบชีวิตภาพศิลปะชื่อดังจากฝีมือของให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยกราฟิคอนิเมชั่นและซาวด์ดนตรีคลาสสิคแสนละมุนหูชวนให้หลุดเข้าไปในโลกของศิลปะช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ไปจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ที่สังคมและวัฒนธรรมเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิวัติอย่างแท้จริง
From Monet to Kandinsky จึงเปรียบเสมือนเครื่องย้อนไปยังช่วงเวลาที่วัฒนธรรมและสังคมกำลังเข้าสู่การปฏิวัติอย่างแท้จริง ทุกๆ ปีในยุคนั้นเกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันมากมายไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง, โรงภาพยนตร์, เครื่องพิมพ์ดีด, ไฟฟ้า, เครื่องบิน, โทรศัพท์ และเครื่องเอ็กซ์เรย
ไม่เพียงเท่านี้ยุคนั้นยังเป็นช่วงที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทั่วโลกตื่นตระหนกไปกับความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงสงครามอันนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวทางศิลปะก่อให้เกิดกลุ่มลัทธิทางศิลปะต่างๆ ผู้ปฏิเสธที่จะยึดถือรูปแบบศิลปะสมัยเก่าแต่ตัดสินใจสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา ผ่านการทดลองหลายรูปแบบจนเกิดเป็นลัทธิทางศิลปะใหม่ ๆ อย่าง Expressionism, Abstract Art, Surrealism และ Suprematism ซึ่งทั้งหมดเรียกรวมกันว่า Modern Art หรือ ศิลปะสมัยใหม่ในเวลาต่อมา
ผลงานจิตรกรรมของศิลปินในกลุ่มนี้มักเต็มไปด้วยรายละเอียดซ่อนเร้นซึ่งไม่อาจมองเห็นได้อย่างผิวเผิน จึงต้องเดินชมโดยรอบใช้ความพินิจพิจารณา และให้เวลากับมันสักหน่อยเพื่อเปิดประสบการณ์อันแตกต่างจากนิทรรศการทั่วไป
สำหรับงานนี้ไม่เพียงแค่ภาพจิตรกรรมขนาดใหญ่ที่เราสามารถเห็นรายละเอียดได้ทุกดีเทลที่ศิลปินตวัดพู่กัน ลอกความประทับใจแล้วแต่งเติมชิ้นงานด้วยสีและจิตวิญญาณลงไป แต่คุณยังจะได้ตื่นตาตื่นใจกับภาพสวนดอกไม้สีสันต่าง ๆ ของ Monet บิดา Impressionism หรือภาพ Starry Night สุดโด่งดังที่ชวนให้คุณเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในบรรยากาศ 360 องศา
ทุกผลงานจะกะชากอารมณ์เสมือนพาคุณหลุดเดินทางเข้าไปบนโลกผืนผ้าใบ ใครกำลังเดทสาวอยู่พลาดไม่ได้เลยเพราะบรรยากาศมืด ๆ ดนตรีคลอ ๆ และภาพวาดอันสวยงามคือองค์ประกอบของความโรแมนติกชั้นดีเลย แถมความพิเศษของงานนิทรรศการนี้ถือเป็นการจัดครั้งแรกของเอเชียด้วย หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับการจัดแสดงที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
นอกจาก From Monet to Kandinsky ที่เราจะได้ชมกันในเดือนนี้ไล่ยาวไปถึงเดือนกรกฎาคมแล้ว River City Bangkok ยังส่งมอบความดื่มด่ำไปกับงานศิลปะยุโรปกันต่อด้วยนิทรรศการ Italian Renaissance ต่ออีกในเดือนสิงหาคม โดยจะจัดแสดงผลงานของ Leonardo da Vinci, Michelangelo และ Raphael เรียกว่าควงแฟนไปเดทได้ยาว ๆ เลย ส่วนใครไม่มีแฟนก็อาจจะได้แฟนจากงานนี้ก็เป็นได้
หน้างานบัตรราคา 350 บาท หรือจองบัตรได้ที่ zipeventapp
26 เม.ย. – 31 ก.ค. เวลา 10:00-22:00 น.
River City Bangkok ถ.โยธา
Source : zipeventapp