วันเวลาเดี๋ยวนี้เดินเร็วน่าดูเลยนะครับ เผลอแป๊บเดียว ปีนี้ก็เหลืออีกแค่ 3-4 เดือนแล้ว (รู้สึกว่าเหมือนพึ่งผ่านสงกรานต์ไปเอง) เช่นกันกับบทความที่ผมเขียนกับทาง The Macho แป๊บเดียว กลายเป็นบทความนี้ เป็นบทความที่ 101 เข้าไปแล้ว! เร็วมากก
ความตั้งใจแรก ว่าจะเขียนเกี่ยวกับลิเวอร์พูลตั้งแต่ยุคที่เริ่มดู จนถึงปัจจุบัน เพื่อฉลองหลักไมล์ 100 บทความ ซะหน่อย เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมเรียนรู้เสน่ห์ และความชื่นชอบฟุตบอล จนมันพัฒนาเป็นความ “บ้าบอล” ในปัจจุบันนี้
แต่ไม่กี่วันก่อน ไปเจอเรื่องราวของแม่ลูกคู่นึง ซึ่งน่าสนใจ และควรค่าต่อการส่งต่ออย่างยิ่ง เพราะนอกเหนือว่ามันจะเกี่ยวกับฟุตบอลแล้ว มันยังให้แรงบันดาลใจ และทำให้เรามั่นใจ ในสิ่งที่เราบ้ามาตลอดว่า “นี่แหละ! ฟุตบอลที่เป็นมากกว่าฟุตบอล”
(Source : Banda B)
แม่ลูกที่เราจะพูดถึงกันนั้น เป็นแฟนทีม “พัลไมรัส” ทีมในลีกสูงสุดของบราซิล ตัวคุณแม่มีชื่อว่า “ซิลเวีย เกร็กโค่” ส่วนลูกชายของเธอ ชื่อว่า “นิคโคลลัส”
น้องนิคโคลลัส ปัจจุบันอายุ 12 ขวบ เป็นเด็กพิเศษซึ่งพิการทางสายตา และมีอาการออทิสติก ภาวะไม่ปกติ เกิดจากการคลอดก่อนกำหนดหลายเดือน โดยซิลเวีย เป็นผู้อุปการะ นำเอานิคโคลลัสมาดูแล และมอบความรักให้เขา เหมือนเป็นลูกแท้ๆ ของเธอ
(Source : Yahoo)
นอกเหนือจากนิคโคลลัส ที่เติมเต็มชีวิตของคุณแม่ซิลเวียแล้ว เธอเองยังเป็นแฟนบอลตัวยงของพัลไมรัส โดยเธอเข้าไปเชียร์ทีมรักแข่งสม่ำเสมอ อย่างน้อยก็ประมาณเดือนละครั้ง
เมื่อสนามฟุตบอล เป็นสถานที่สำคัญที่มอบชีวิตชีวา และแพสชั่นในการใช้ชีวิตของเธอ ซิลเวียจึงพานิคโคลลัส เข้าไปชมเกมด้วย เพื่อให้สัมผัสถึงพลังตรงนี้ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นเลยก็ตาม
(Source : Twitter)
ในตอนแรก ซิลเวียใช้วิธีเปิดวิทยุให้นิคโคลลัส ได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านผู้บรรยายเกม แต่ต่อมา เธอเริ่มรู้สึกว่า สิ่งนั้นไม่ได้ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะบรรยากาศของจริงที่เห็นต่อหน้า มีชีวิตชีวา และมีรายละเอียดมากมาย ที่ลูกชายของเธอควรจะได้ซึมซับมัน
ซิลเวีย ตัดสินใจเปลี่ยนวิธี ด้วยการใช้การ “อธิบาย” ข้างหูให้นิคโคลลัสฟังแทน เปรียบเสมือนเธอเป็นนักพากย์ส่วนตัวของเขา
(Source : India Times)
ซึ่งไม่เพียงบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม เธอยังอธิบายลงรายละเอียดทุกสิ่งอย่าง เช่น นักฟุตบอลคนนั้นไว้ผมสั้นหรือยาว ผมเขาสีอะไร ใส่สตัดท์สีอะไร ลีลาการเล่น และทักษะแต่ละคนเป็นแบบไหน เธอบรรยาย เปรียบเสมือนเป็นดวงตาให้ลูกชายของเธอ
เมื่อนิคโคลัส ได้รับการบอกเล่าเรื่องราว ที่ชดเชยการมองไม่เห็นของเขามากขึ้นๆ น้องเองก็เริ่มเข้าใจ และมีอารมณ์ร่วมไปกับเกม นิคโคลัสตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เข้าชมแมทช์แข่งขันของพัลไมรัส โดยเฉพาะ เมื่อมีการพังประตูเกิดขึ้น แม้จะสัมผัสทุกสิ่งผ่านคำพูดของแม่เขาก็ตาม
(Source : El País Call)
ซิลเวีย ทำแบบนี้อยู่นานเป็นปี และแล้วเมื่อราวๆ ปีก่อน ภาพที่เธอยืนบรรยายเหตุการณ์ในสนามให้นิคโคลลัสฟัง ก็ถูกจับภาพโดยกล้องที่ใช้ถ่ายทอดการแข่งขันนัดนึง จนเป็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง
ฟุตเทจบอกเล่าความประทับใจของแม่ลูก กลายเป็นไวรัล โดยที่ตอนแรกๆ ตัวเธอเองยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เพราะเธอก็ทำแบบนี้เป็นปกติ
เรื่องราวของเธอโด่งดังขึ้น มีผู้คนมากมายเริ่มจำเธอกับลูกได้ สถานีโทรทัศน์ในบราซิล ก็เริ่มพูดถึงเธอมากขึ้น จนกลายเป็นความประทับใจทั่วโลก และตัวเธอก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิง “ฟีฟ่า แฟน อวอร์ด” หรือรางวัล ที่จะมอบให้กับ “แฟนบอล” ยอดเยี่ยม ประจำปี
(Source : Newshub)
โดยปกติแล้ว รางวัลนี้ ซึ่งมีครั้งแรกในในปี 2016 จะตกเป็นของแฟนบอลของสโมสร หรือทีมชาติ อย่างปีที่แล้ว 2018 รางวัลก็ตกเป็นของกองเชียร์ทีมชาติเปรู ในศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ซึ่งพวกเขาเชียร์ทีมรัก แบบจัดเต็ม ทั้งสีสัน และแพสชั่น จนเกิดโมเมนต์ประทับใจ อย่างการหลั่งน้ำตาฉลองประตู ในนัดที่พวกเขาเอาชนะออสเตรเลีย
(Source : FIFA TV)
แต่กับปีนี้ ผลโหวตที่ชัดเจนถึง 58.36% ตัดสินให้รางวัลเป็นของ “ซิลเวีย เกร็กโค่” เพราะเธอคือแฟนบอลที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงเพราะความรักต่อเกมฟุตบอล แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ ส่งต่อความรักนั้นสู่ลูกชายของเธอ อีกด้วย
ในพิธีการรับรางวัล ที่จัดขึ้นไปเมื่อ 23 ก.ย. พร้อมกับการประกาศรางวัลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ทั้งฝ่ายชาย และหญิง ซิลเวียขึ้นไปรับรางวัลพร้อมกับนิคโคลลัส พร้อมพลังใจมากมาย ที่ทำให้เราเข้าใจถึงแรงบันดาลใจ ที่ฟุตบอลมอบให้กับเธอ
(Source : FIFA TV)
เธอเล่าว่า นิคโคลัส เปลี่ยนเป็นเด็กคนละคน เวลาที่อยู่ในสนาม เขามีอิสระ และปลดปล่อยความรู้สึกได้เต็มที่ หน้าที่ของเธอ คือพยายามเป็นดวงตาให้เขา และถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ที่เธอได้สัมผัส ไปสู่ลูกชายของเธอ
เธอยังบอกอีกว่า การเป็นแม่นั้นมีความหมายอย่างมากสำหรับเธอ เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลก เพราะมันคือจิตใจ วิญญาณ และชีวิตของเธอ
โดยทุกวันนี้ นอกจากเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับนิคโคลลัส ซิลเวียยังช่วยเหลืองานการกุศล เพื่อมอบสิ่งดีๆ ให้กับเด็กพิเศษตามแต่โอกาสอีกด้วย
ความจริงแล้ว นอกเหนือจากเรื่องราวของซิลเวียแล้ว แฟนบอลลิเวอร์พูล หรือแฟนบอลพรีเมียร์ลีกเอง น่าจะพอคุ้นๆ เรื่องราวของ “ไมค์ เคียร์นี่” และ “สตีเฟ่น การ์เซีย” กันบ้างใช่มั้ย? ถ้ายัง จะขอเล่าให้ฟังสั้นๆ
(Source : Liverpool FC)
เรื่องราวของไมค์ และสตีเฟ่น ไม่ต่างจากเรื่องราวของซิลเวียเลย ไมค์เป็นผู้พิการทางสายตา ที่เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลตัวยง และเขาก็เข้ามาสนุกกับเกมเหย้าของหงส์แดง ที่แอนฟิลด์อยู่เสมอๆ
สิ่งที่ทำให้ไมค์ ได้สัมผัสถึงบรรยากาศของสนามแอนฟิลด์ หนึ่งในสนามที่มีแพสชั่นมากที่สุดในโลก และเกมการเล่นของลิเวอร์พูล ยุคเจอร์เก้น คลอปป์ นั่นคือการช่วยบรรยายภาพของสตีเฟ่น ญาติของเขา ที่ยินดีทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ
(Source : Daily Mail)
ทั้งคู่เป็นที่สนใจ และถูกพูดถึงอย่างมาก หลังถูกจับภาพครั้งแรกในเกม UCL กับนาโปลี เมื่อซีซั่นก่อน ซึ่งลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเอาชนะยอดทีมจากเนเปิ้ลส์ให้ได้ เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป
ภาพไมค์ ดีใจ และฉลองการทำประตูของ “โม ซาล่าห์” หลังได้ยินคำบรรยายจากสตีเฟ่น สร้างความประทับใจในอารมณ์ร่วม และซึมซับบรรยากาศโดยรอบเหมือนกองเชียร์คนอื่น แม้เขาจะมองไม่เห็นก็ตาม
(Source : BBC)
ภายหลังจากเกมนั้น ซาล่าห์ได้ส่งจดหมายเชิญ ให้ทั้งไมค์ และสตีเฟ่น มายังเมลวู้ด เพื่อที่จะพบปะกับตัวเขา และนักฟุตบอลคนอื่นๆ โดยซาล่าห์ ได้มอบเสื้อพร้อมลายเซ็นให้กับทั้งคู่ เป็นที่ระลึกอีกด้วย
ความประทับใจของไมค์ ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อทั้งคู่ได้ถูกจับภาพออกสื่ออีกครั้ง ในนัดสุดท้าย ตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งแม้ลิเวอร์พูลจะขึ้นนำวูล์ฟ แต่เมื่อสตีเฟ่น บอกสกอร์จากอีกสนาม ที่แมนฯ ซิตี้ ก็ขึ้นนำไบรท์ตันเช่นกัน
(Source : Liverpool FC)
ไมค์ไม่ได้มีคำสบถ หรือด่าทออะไรออกจากปากเขาเลย กลับกัน เขาชื่นชมลูกทีมของเป๊บ ว่าพวกเขาแข็งแกร่ง ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง และคู่ควรจะเป็นแชมป์ที่สุด แม้ลิเวอร์พูลจะทำผลงานเกือบจะไร้ที่ติก็ตาม
สิ่งนี้บ่งบอกได้ชัดเจน ว่าแม้ไมค์ จะไม่ได้สัมผัสฟุตบอลผ่านสายตาเหมือนเราทุกคน แต่จิตใจที่เข้าถึงได้ของเขา ก็แสดง “คลาส” ของแฟนบอลที่รักสโมสร และรู้จักสปิริตนักกีฬา ที่แฟนบอลตาดีๆ บางคน ยังต้องอาย
เรื่องราวของทั้งซิลเวีย และไมค์ จึงตอกย้ำให้เราได้รู้ว่า “ฟุตบอลมันเป็นมากกว่าฟุตบอล” เพราะมันไม่ได้นำแค่ผลการแข่งขัน หรืออารมณ์ร่วมมาให้เรา แต่มันยังนำ “คุณค่า” ที่คุณอาจจะมองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่รับรองว่า สัมผัสได้ด้วยใจ
ส่วนคุณค่าเหล่านั้น จะถูกขับออกมาเป็นการกระทำ หรือพลังในทิศทางไหน บางทีตัวคุณเองเท่านั้น จะตอบคำถามนี้ ได้ดีที่สุด
Picture : FIFA TV, Bunda B, El País Call, Yahoo, Twitter, Liverpool FC, BBC, Daily Mail, Metrópoles, Newshub, India Times, Twitter, La Arenga del Abuelo
rocketseer
บทความที่เกี่ยวข้อง
