แน่นอนว่าถ้าพูดถึงคำว่า “ซาล่า” แฟนบอลศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะต้องนึกถึง “โม” หรือ “โมฮัมเหม็ด ซาลาห์” แนวรุกชาวอียิปต์ของลิเวอร์พูล แต่พอผ่านค่ำคืนของวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ทุกคนต่างพูดถึงอีกหนึ่งคนที่ชื่อว่า “เอ็มมิเลียโน่ ซาล่า” นักฟุตบอลชื่อพ้อง ที่ดังวาบขึ้นมา ด้วยเรื่องราวที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
“เอ็มมิเลียโน่ ซาล่า” เป็นศูนย์หน้าฟอร์มแรงประจำซีซั่นนี้ของลีกเอิง หรือลีกสูงสุดของฝรั่งเศส เจ้าตัวสังกัดทีมน็องต์ ทีมสีเขียว-เหลืองที่เคยผงาดเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองน้ำหอมมาแล้ว 8 สมัย แม้ปัจจุบันจะเป็นได้แค่ทีมกลางตารางในช่วงหลัง แต่ฤดูกาลนี้ ซาล่าก็สามารถระเบิดฟอร์มยิงไปถึง 12 ประตู จาก 16 นัด ถือเป็น 46% ของประตูที่ทีมทำได้ทั้งหมดในซีซั่นนี้ จนเนื้อหอมถูกตามจีบจากสโมสรต่างแดนมากมาย
ก่อนจะก้าวมาเป็นศูนย์หน้าชั้นนำของลีกแบบนี้ ชีวิตของซาล่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาแต่ต้น เขาเกิดที่ซานตา เฟ ประเทศอาร์เจนตินาในวันที่ 31 ตุลาคม ปี 1990 เริ่มเล่นฟุตบอลในวัยเด็กกับสโมสรเล็กๆ ซาน มาร์ติน เด โปรเกรโซ่ จนอายุ 15 ก่อนย้ายไปเมืองคอร์โดบา เพื่อเล่นกับทีมโรงเรียนโปรเยโต เครแซ ซึ่งเป็นเหมือนอคาเดมีให้กับสโมสรในสเปนอย่าง เรียล มาร์ยอก้า และสโมสรฝรั่งเศสอย่าง บอร์กโดซ์ และนั่นเอง เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาต้องออกเดินทางมายังต่างถิ่นต่างทวีปเมื่ออายุ 20 ปี โดยย้ายมาอยู่ในสังกัดบอร์กโดซ์ ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นสโมสรระดับท็อป 5 ของลีกเมืองน้ำหอม
การเริ่มต้นในทวีปยุโรปของซาล่าไม่ได้ราบรื่นสวยงาม เขามีปัญหากับการปรับตัว และหาโอกาสสอดแทรกเข้าไปยังทีมชุดใหญ่ได้ยากเย็น เอเย่นต์ที่ดูแลเขา พยายามแนะนำให้เขาย้ายไปยังลีกอิตาลีเพราะเขามีเชื้อสายอิตาลีเหมือนชาวอาร์เจนไตน์หลายคน ดังนั้นไม่ติดปัญหาพาสปอร์ต และการไปหารายได้ในถิ่นมักกะโรนี แถมที่อิตาลียังเล่นบอลช้ากว่า เหมาะสมกับรูปร่างสูงใหญ่ของซาล่ามากกว่า แต่สุดท้ายซาล่าปฏิเสธ เพื่อมุ่งมั่นขอพิสูจน์ตัวเองต่อในลีกฝรั่งเศส
เมื่ออยู่บอร์กโดซ์ไม่ได้เล่นเท่าไหร่ เขาจึงต้องย้ายทีมแบบยืมตัวเพื่อหาโอกาสลงเล่น ซึ่งเขาถูกยืมไปถึง 3 สโมสรในลีกรองของฝรั่งเศส ทั้ง ยูเอส ออร์เลอ็อง, นิออร์ และกับก็องเพื่อนร่วมลีกเอิง ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีทีเดียว โดยยิงในลีกรองได้เกือบแตะหลัก 20 ประตูในแต่ละซีซั่นที่ลงเล่น
แต่ฟอร์มที่ร้อนแรงระหว่างยิมตัวก็ยังไม่ช่วยให้เขาการันตีตำแหน่งในทีมบอร์กโดซ์ จึงถึงเวลาต้องย้ายไปหาความท้าทายกับน็องต์ในปี 2015 ด้วยค่าตัวเพียง 1 ล้านยูโร ซึ่งแตกต่างจากค่าตัวที่เขาพึ่งสะบัดปากกาเซ็นย้ายมาคาร์ดิฟฟ์ถึงเกือบ 20 เท่า
กับน็องต์ เขาระเบิดฟอร์มในฐานะตัวจริงได้ยอดเยี่ยม ยิงได้ซีซั่นละ 12 ประตูในปี 2016-17 และ 2017-18 ก่อนจะใช้เวลาเพียง 16 นัดในซีซั่นนี้ ยิงถึงหลัก 12 ประตู จนเป็นที่หมายปองของหลายทีม ก่อนจะตกลงเซ็นสัญญากับคาร์ดิฟฟ์ น้องใหม่ศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งดิ้นรนหนีตกชั้นอย่างหนัก โดยกว่าจะลงเอยกัน คาร์ดิฟฟ์ต้องใช้ความพยายามอย่างน้อย 2 ครั้ง ก่อนจะประสบความสำเร็จในราคา 15 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของสโมสรอีกด้วย
ว่ากันว่าก่อนจะบรรลุสัญญา ซาล่ามีโอกาสไปโกยเงินมากกว่าทั้งค่าตัว และค่าเหนื่อยในลีกแดนมังกร แต่เจ้าตัวปฏิเสธ เพราะอยากมีโอกาสลงเล่นในลีกสูงสุดของแดนผู้ดีสักครั้ง โดยการเซ็นสัญญาประกาศเป็นทางการในวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งซาล่าถ่ายภาพเปิดตัวที่สนามเหย้าของคาร์ดิฟฟ์ไปเรียบร้อย ก่อนจะเดินทางกลับไปที่ฝรั่งเศสเพื่อเคลียร์ธุระส่วนตัว และบอกลาเพื่อนร่วมทีมเก่าที่น็องต์ ก่อนจะบินกลับมายังคาร์ดิฟฟ์ในคืนวันที่ 22 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
ตามกำหนดการแล้ว เครื่องบินเล็กรุ่นไพเพอร์ มาลิบู ต้องนำซาล่าออกจากน็องต์เวลาราว 2 ทุ่ม และถึงยังคาร์ดิฟฟ์ในเวลา 3 ทุ่ม แต่ไม่รู้ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ดี หรือเหตุใดก็แล้วแต่ เครื่องบินของเขาหายจากเรดาร์ไปในเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง หลังพึ่งพ้นจากแผ่นดินฝรั่งเศสออกสู่ทะเล และไม่มีใครได้รับสัญญาณอะไรจากเครื่องบินลำนี้อีกเลย ปฏิบัติการณ์ค้นหาจึงเริ่มขึ้นทั้งทางอากาศ และทางน้ำ หลังมีการยืนยันจากสนามบินฝั่งเมืองน็องต์ว่าซาล่าอยู่บนเครื่องบินลำนี้จริง
ไม่ว่าความหวังจะเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน เชื่อว่าทั้งแฟนบอล และคนที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอล ต่างไม่อยากให้มีข่าวร้ายเกิดขึ้น ยิ่งกับนักฟุตบอลที่มุ่งมั่นทุ่มเท และต่อสู้มาตลอดระยะเวลาค้าแข้ง เราคงอยากเห็นเขาได้ลงเล่นในสีเสื้อของคาร์ดิฟฟ์ในพรีเมียร์ลีกที่เขาใฝ่ฝันสักครั้ง
ขอให้ปลอดภัยเถอะนะ เอ็มมิเลียโน่…
Text – Rocketseer
เครดิตภาพ: International News, Eurosport, Ouest-France, Cardiff City