หากนึกถึงลีกใหญ่ยุโรปที่มีการยิงประตูกันถล่มทลาย และเกมดูสนุกไม่แพ้พรีเมียร์ลีก เรามักจะนึกถึงศึก “บุนเดสลีก้า” หรือลีกสูงสุดของเยอรมัน เป็นอันดับแรก
นอกเหนือจากความมันของเกม ตลาดซื้อ-ขาย ที่มักจะย้ายกันอุตลุตภายในลีก ก็เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ ที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ ยกตัวอย่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่มักจะโดนเหน็บอยู่ตลอด ว่าเป็นทีมจอมดูด ที่มักจะตัดกำลังทีมอื่น ด้วยการดึงตัวคนเก่งจากเพื่อนร่วมลีก
หรือถ้ามองไปที่คู่ปรับสำคัญอย่าง “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ พวกเขาก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างไป เพราะมักจะเลือกรวบรวมเหล่านักเตะดาวรุ่งมาแรง มากกว่าจะเลือกดึงพวกบิ๊กเนมราคาโหด ซึ่งหลายครั้งก็มาจากเพื่อนร่วมลีกบุนเดสลีก้าเองนี่แหละ
ส่วนทีมอื่นที่เหลือ นอกจากจะมีการแปรเปลี่ยนอันดับกันแบบคาดเดาได้ยาก การเสริมนักเตะกันเองภายในลีก ก็มักจะเป็นจุดเริ่มต้น ในการหาเพชรเม็ดงาม ช่วยแปรเปลี่ยนผลงานของทีมในซีซั่นนั้น จากหลังมือเป็นหน้ามือ
เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องในช่วงปิดฤดูกาล วันนี้เลยขอพาไปส่องกันหน่อย ว่ามีการย้ายทีมในบุนเดสลีก้า ที่ปิดดีลเสร็จสรรพอันไหนที่น่าสนใจบ้าง
กุนซือ :
ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ (ไลป์ซิก), อัลเฟรด ชเราเดอร์ (ฮอฟเฟ่นไฮม์), เดวิด ว้ากเนอร์ (ชาลเก้)
ขอพูดถึงกุนซือที่จะประเดิมคุมทีมใหม่ซีซั่นหน้าแบบรวบยอดกันไปเลย เพราะทั้ง 3 คนนี้ถือว่ายังเป็นกุนซือหนุ่มที่น่าจับตา ในอนาคตอาจจะมีสิทธิ์ก้าวขึ้นไปคุมทีมที่ใหญ่กว่าก็ได้ ใครจะไปรู้
“ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์” น่าจะเป็นชื่อที่คุ้นเคยที่สุด ในฐานะที่ขึ้นมาคุมฮอฟเฟ่นไฮม์เต็มตัวครั้งแรกตั้งแต่อายุ 28 แถมทำผลงานให้ทีมได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอด เขาช่วยให้ทีมมีสถานะในบุนเดสลีก้าที่มั่นคง แถมยังเข้าไปแวะเวียนในเวทียุโรปได้อีกด้วย
ก่อนบาเยิร์น มิวนิค จะเลือก “นิโก้ โควัช” เขาเคยมีข่าวพัวพันกับพี่เสืออยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เป็นไลป์ซิก ที่เซ็นสัญญากับเขาล่วงหน้าไปเรียบร้อย น่าจับตาว่าฤดูกาลที่จะถึงนี้ ไฟแรงๆ ของนาเกลส์มันน์ จะพาทีมพลังหนุ่มอย่างไลป์ซิก ไปได้ไกลแค่ไหน
หลายคนคงคุ้นชื่อ “เดวิด ว้ากเนอร์” จากการคุมฮัดเดอร์ฟิลด์ในอังกฤษ เขาพาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก รอดตกชั้นได้ในซีซั่นแรก แต่ก็ตัดสินใจแสดงความรับผิดชอบอำลาทีม หลังผลงานในซีซั่นต่อมาน่าผิดหวัง
การคุมทีมยักษ์หลับอย่างชาลเก้ ถือเป็นการพิสูจน์กึ๋นของว้ากเนอร์อย่างที่แท้จริง เพราะซีซั่นที่ผ่านมา “ราชันสีน้ำเงิน” แปลสภาพจากทีมที่ได้เล่น UCL กลายเป็นทีมหนีตกชั้นไปซะอย่างงั้น กุนซือหนุ่มที่ท่าจะมาดีอย่าง “โดมินิโก้ เทเดสโก้” เลยถูกเด้งจากตำแหน่งไป
“อัลเฟรด ชเราเดอร์” กุนซือชาวดัทช์ ที่ยังไม่ค่อยได้ก้าวขึ้นไปเป็นกุนซือเบอร์ 1 มากนัก เขาเคยเป็นผู้ช่วยของนาเกลส์มันน์ที่ฮอฟเฟ่นไฮม์ ตั้ง 3 ปี ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้ช่วยที่อาแหยกซ์ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนทราบดีว่าผลงานของยอดทีมดัทช์ยอดเยี่ยมแค่ไหน
การมาสานต่องานที่ยอดเยี่ยมของนาเกลส์มันน์ที่ฮอฟเฟ่นไฮม์ จึงเป็นงานที่ท้าทายน่าติดตาม นอกจากนั้น การดวลระหว่างชเราเดอร์ กับไลป์ซิกที่มีเพื่อนเก่าคุมทีมอยู่ ก็น่าจะมันไม่แพ้กัน
นักเตะ :
ลูคัส เอร์น็องเดซ (บาเยิร์น มิวนิค)
แบ็คซ้ายแชมป์โลกฝรั่งเศส ที่สามารถเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้ ถูกดึงตัวมาจากทีม “ตราหมี” แอต.มาดริด ด้วยราคาสูงเกิน 70 ล้านปอนด์ เพื่อหวังเอาความเอนกประสงค์มาซัพพอร์ตอายุที่มากขึ้นของมัตต์ ฮุมเมลส์ รวมถึงการขาดหายไปของราฟินญ่า ที่หมดสัญญา
เบ็นจาแม็ง ปาวาร์ (บาเยิร์น มิวนิค)
อีกหนึ่งดาวเตะดาวรุ่งฝรั่งเศส ซึ่งขึ้นมายึดตัวจริงในทีมชาติ ชุดคว้าแชมป์โลกมาครอง จนเป็นที่หมายตาของสโมสรใหญ่ทั่วโลก ปาวาร์ตัดสินใจอยู่ช่วยสตุ๊ดการ์ท ต้นสังกัดของเขาในฤดูกาลล่าสุด ก่อนจะเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับบาเยิร์น โดยนอกจากตำแหน่งแบ็คขวาที่เขาเล่นในทีมชาติ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคือตำแหน่งประจำของเขากับทีม “ม้าขาว”
ฮันเนส โวล์ฟ (ไลป์ซิก)
มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวออสเตรีย ย้ายจากเร้ด บูล ซัลส์บวร์ก ทีมพันธมิตรมายังบุนเดสลีก้ากับไลป์ซิก ซีซั่นที่ผ่านมา เขาทำผลงานได้เยี่ยม ลงเล่นให้ทีมดับเบิ้ลแชมป์ออสเตรีย 41 นัด ยิง 12 ประตู จุดเด่นคือความคล่องแคล่ว สามารถเล่นได้ทั้งปีก และศูนย์หน้า น่าสนใจว่านาเกลส์มันน์ จะเลือกใช้งานเขาได้ดีแค่ไหน
เคเรม เดมิเบร (เลเวอร์คูเซ่น)
จอมทัพเทคนิคสูงทีมชาติเยอรมัน เชื้อสายเติร๋ก สร้างผลงานน่าประทับใจเสมอที่ฮอฟเฟ่นไฮม์ ติดแค่แกเจ็บบ่อยไปหน่อย จึงไม่ค่อยได้เห็นฟอร์มเปรี้ยงปร้างต่อเนื่อง กับการย้ายไปร่วมทีมที่ยังคงเน้นเกมรุกอย่าง “ห้างยา” เลเวอร์คูเซ่น เชื่อแน่ว่าเขาจะเรียกฟอร์มที่ดี และทดแทนจูเลี่ยน บรันท์ ที่ย้ายออกไปได้
จูเลี่ยน บรันท์ (ดอร์ทมุนด์)
ตัวรุกจอมเทคนิค เป็นดาวรุ่งที่ถูกพูดถึงมานานหลายปี จนในที่สุด “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ ก็ทุ่มเงิน 25 ล้านยูโร ปลดล็อคเงื่อนไข เอามาเสริมเกมรุกที่เต็มไปด้วยตัวสร้างสรรค์เกมเพียบ ว่ากันว่าบรันท์ น่าจะเข้ามาทดแทนการจากไปของคริสเตียน พูลิซิส และแบ่งเบาภาระของกัปตันมาร์โก้ รอยส์ ไปในตัว
ธอร์กาน อาซาร์ (ดอร์ทมุนด์)
เห็นเป็นน้องของเอแดน อาซาร์ แบบนี้ นึกว่าอายุของเขาจะน้อย แต่จริงๆ ธอร์กาน อายุ 26 ปีแล้ว ดังนั้นการย้ายทีมครั้งนี้ของเขา จึงสำคัญอย่างมากในการจะพัฒนาตัวเองขึ้นมา เพราะแม้จะไม่มีใครสงสัยในฝีเท้าที่เขาแสดงกับ “สิงห์หนุ่ม” มึนเช่นกลัดบัค แต่เรื่องของความสม่ำเสมอ อาซาร์ผู้น้อง ต้องทำให้ดีขึ้นอีก หากหวังจะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมเสือเหลือง
นิโก้ ชูลซ์ (ดอร์ทมุนด์)
แม้จะไม่ถูกพูดถึงเท่าบรันท์ หรืออาซาร์ แต่นิโก้ ชูลซ์ ถือเป็นนักเตะที่ดอร์ทมุนด์ต้องการอย่างยิ่ง เพราะเขาเล่นได้ทั้งแบ็คซ้าย และมิดฟิลด์ ตำแหน่งที่เสือเหลืองขาดแคลน จุดน่าสนใจของเขาคือฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอของชูลซ์ จนเริ่มกลายเป็นขาประจำทีมชาติเยอรมัน ถ้ายังรักษามาตรฐานนี้ไว้ เสือเหลืองมีแต่คุ้มกับคุ้มแน่นอน
นิคลาส ฟูลครูก (แวร์เดอร์ เบรเมน)
ฟูลครูกโชคไม่ดีที่ได้รับบาดเจ็บซะเยอะในซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้ผลงานไม่ดี เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ฮันโนเวอร์ต้องตกชั้นไป แต่ถ้าลองดูซีซั่นก่อนหน้า เขาคือดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ 14 ประตู “เจ้านกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน ที่กำลังจะเสียกัปตันทีมแม็กซ์ ครูเซ่ ไป จึงตัดสินใจดึงฟูลครูกกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หลังเคยอยู่กับทีมตอนอายุ 20 ต้นๆ แล้วไม่ประสบความสำเร็จนัก
นอกเหนือจาก 3 กุนซือ และ 8 นักเตะที่วันนี้เราแนะนำให้จับตากัน นักเตะอื่นๆ คงต้องรอดูความเคลื่อนไหวของตลาดกันต่อไปอีกที เพราะยังมีรายชื่อนักเตะที่อาจจะย้ายทีม อีกหลายข่าวเลย
โดยรายที่สื่อเยอรมันจับตา หนีไม่พ้นดีลที่บาเยิร์นพยายามจะพา “ลีรอย ซาเน่” ตัวรุกริมเส้นทีมชาติเยอรมันกลับมาค้าแข้งในบุนเดสลีก้า หลังไม่ค่อยได้ลงตัวจริงสม่ำเสมอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
หรือดาวรุ่งที่น่าจับตามองของเลเวอร์คูเซ่นเอง ทั้ง “ไค ฮาเวิร์ตซ์” หรือ “ลีออน ไบลี่ย์” ซึ่งถูกจับตามองจากหลายสโมสร รวมถึง “ติโม แวร์เนอร์” ศูนย์หน้าอินทรีเหล็ก ที่มีข่าวว่าทั้งบาเยิร์น และทีมชั้นนำลีกอื่นสนใจ หลังเจ้าตัวประกาศไม่ต่อสัญญากับไลป์ซิก
Picture : Breaking The Lines, Bavarian Football Works, BVB Buzz, The Independent, Goal.com, Berliner Zeitung, Die Zeit, Bundesliga, News/Politics, FIFA.com, The Sun, Bayer Leverkusen, India Ahead, Sky Sports, NewsBeezer