การนอกใจเป็นพฤติกรรมที่คนกระทำรู้สึกว่าช่วยให้ชีวิตมีสีสันมากกว่าแค่ที่มีอยู่ แต่คนถูกกระทำนี่คงคิดว่าเป็นสีดำมืดในชีวิตและคงไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยเมื่อต้องตกอยู่สถานการณ์นั้น
โดยเฉพาะหากต้องติดแหงกอยู่ในช่วงเวลานั้นนานๆ นานถึงขนาดวาดเอาไว้แล้วว่าชีวิตที่เหลือจะใช้กับคนนี้ ความโหดของชีวิตคือการคาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราได้บ้างนี่แหละ ไม่ว่าใครกำลังเจอจุดผกผันในชีวิตแบบนี้อยู่การมีคนมาปลอบใจโดยพูดกับเราว่า มองโลกในแง่ดี อย่าคิดมาก หรือคำพูดสวยหรูอะไรก็ตามแต่สิ่งเหล่านั้นบางครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ทุกอย่างจะดีขึ้นได้อยู่ที่เวลาและตัวเราเองว่าเบื่อกับความซึมเศร้าพอหรือยัง ซึ่งในช่วงอกหักอันตรายนี้ลองดูว่าเราจะสามารถเยียวยาหัวใจตัวเองด้วยวิธีไหนเพื่อบรรเทาอาการเจ็บลดปวดใจให้ดีขั้นได้บ้าง
1. วิ่งเพื่อลืมเธอ
“ผมจะวิ่งให้เหงื่อมันออกจนหมดตัว ร่างกายจะได้ไม่เหลือน้ำเอาไว้เป็นน้ำตา”
หว่อง กา ไว เจ้าพ่อหนังเหงาแห่งยุคได้ฝากประโยคนี้ทิ้งไว้ในหนังเรื่อง Chungking Express มันอาจจะเป็นประโยคเท่ๆ แค่ในหนัง แต่อย่างที่หลายคนรู้ว่าการออกกำลังกายช่วยหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ซึ่งการวิ่งก็เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและประหยัด นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังส่งผลต่อสมาธิและสภาพจิตใจได้ด้วย อาจจะไม่ได้ว่าดีขึ้นทันตาเห็นแต่ก็บรรเทาได้อยู่
2. อาบป่า
ศาสตร์แขนงนี้ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ในปี ค.ศ.1982 เรียกว่า Shinrin Yoku หรือการอาบป่า คือ การซึมซับธรรมชาติให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ความแตกต่างระหว่าง Shinrin-Yoku กับการเดินป่าหรือปีนเขาทั่วไป ก็คือการตั้งสติและรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวผ่านการเคลื่อนไหวมากกว่าการไขว่คว้าเป้าหมายต่าง ๆ โดยมีระยะทางการเดินไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรและโฟกัสอยู่กับลมหายใจทุกๆ ก้าวที่ออกเดิน
จากการทดลองและสำรวจในประเทศญี่ปุ่น พบว่า Shinrin-Yoku มีผลช่วยลดความเครียด ความดันเลือด อาการซึมเศร้า และยังส่งเสริมสุขภาพจิต ความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังช่วยเพิ่มระดับภูมิต้านทานในร่างกายจากการได้รับสารเคมีในธรรมชาติ
นอกจากการอาบป่าในต่างประเทศยังมีวิธีการบำบัดโดยธรรมชาติอีกนานาชนิด เช่น การฝึกโยคะในป่า การขับสารพิษหรือการบำบัดฟื้นฟูร่างกายโดยธรรมชาติ
3. ปาร์ตี้ให้แหลก
การปาร์ตี้เป็นการเรียกความมั่นใจในตัวเองกลับมาอย่างหนึ่ง ช่วงคุณมีแฟนการออกไปปาร์ตี้หนักๆ กับแก๊งค์เพื่อนเริ่มความสัมพันธ์กับคนอื่นในชั่วข้ามคืนอาจเป็นอะไรที่ทำไม่ได้ในคราวนั้น แต่เมื่อคุณกลับมาโสดชีวิตคุณก็มีโอกาสอีกครั้ง แม้บางคนจะรู้สึกกระอักกระอ่วนการออกไปพูดคุยกับคนใหม่ๆ แต่บางครั้งการเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเสมอไป และบางครั้งมันก็มานำซึ่งการรับรู้ว่าเราไม่ได้เจอเรื่องราวโหดร้ายเพียงลำพังด้วย เกรซ ลาร์สัน (Grace Larson) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น พูดถึงงานทดลองเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า
“เมื่อใดก็ตามที่คนอกหักสามารถกลับมาพูดกับตัวเองได้ว่า..ฉันได้บางส่วนในชีวิตของฉันกลับคืนมา ซึ่งเป็นส่วนที่ฉันได้ทำหายไปในระหว่างความสัมพันธ์’ ความคิดนั้นมันบ่งชี้ว่าผู้นั้นเครียดน้อยลง เหงาน้อยลง และเขาหรือเธอไม่ได้จมลงไปกับความรู้สึกอกหักอีกต่อไป ”
4. ตัดให้ขาด
ความสัมพันธ์ไม่ใช่ใยบัว ตัดให้ขาดน่ะทำได้แต่อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่า บางคนอาจมองว่าการบล็อกช่องทางติดต่อเป็นเรื่องงี่เง่ามีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่ทำกัน แต่การเลือกบล็อกเขาทุกช่องทางนั้นเป็นการลดโอกาสเจอโพสต์บาดใจทั้งหลายแหล่ แน่นอนว่าคุณอาจรู้สึกใจหายนิดนึงเพราะเคยเห็นเข้าอยู่หน้าไทม์ไลน์มาตลอดและส่วนหนึ่งก็แอบห่วงเขาอยู่ลึกๆ แต่งานวิจัยของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยไวโอมิงที่ว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ระบุว่า
“การตั้งใจโพสต์ชีวิตใหม่ที่ดีแล้วคาดหวังให้แฟนเก่ามาเห็นคือการบริหารความประทับใจ ส่วนการบล็อกเขาไปเลยนั้นเป็นกระบวนการการถอน ซึ่งทั้งสองพฤติกรรมล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่เรียกว่า การกำหนดเรื่องราวด้วยตัวเอง หรือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อบอกว่าฉันเป็นผู้ชนะในการเลิกกันครั้งนี้นะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำไปเพื่อแสดงให้ตัวเองหรือคนรอบข้างได้เห็นว่าคุณสามารถผ่านการเลิกราครั้งนี้ไปได้”
ซึ่งมันก็ดีนะถ้าคุณจะให้กำลังใจตัวเองด้วยวิธีนี้ ยิ่งช่วงแผลมาดๆ อะไรหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ส่วนในอนาคตถ้าทำใจได้แล้วอยากกลับไปเริ่มความสัมพันธ์ในสถานะพี่น้อง เพื่อน หรืออะไรก็ตามแต่ก็ยังไม่สายเกินไป
5. ไล่ตามความฝัน
มีไม่น้อยเลยนะสำหรับคนที่ตอนมีแฟนต้องทิ้งความฝันอะไรบางอย่างของตัวเองไปเพราะไม่อยากให้เส้นทางนั้นบั่นทอนความสัมพันธ์ เช่น บางคนอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ บางคนอยากทำธุรกิจส่วนตัว บางคนอยากแบกแพ็ครอบโลก บางคนอยากไปปฏิบัติธรรม สารพัดความฝันที่เราพับเก็บไปตอนนั้นได้เวลาขุดมันกลับมาทำก็คร่าวนี้แหละ อย่าปล่อยให้เวลาว่างๆ หมดไปกับการนั่งฟังเพลงเศร้าหรือร้องไห้กับเรื่องในอดีต ใช้โอกาสนี้เติมเต็มฝันที่เราเขียนไว้ให้กลายเป็นจริง และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำได้สำเร็จคุณจะรู้สึกดีและรักตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นกองเลย
6. พบจิตแพทย์
ปัญหาทุกอย่างถ้าลำพังแค่เราคนเดียวไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง การไปพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องป่วย แต่หากคุณรู้สึกว่าฉันเหนื่อยกับการติดแหงกอยู่ในสภาวะนี้นานเกินไปแล้วหาทางออกไม่ได้ซักทีคุณอาจจะไม่ใช่แค่อยู่ในกระบวนการอกหักและอยู่ในช่วงเยียวยาตัวเองแต่กำลังเปลี่ยนไปเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งไม่ดีแน่ในระยะยาว