9 นักเตะไร้ค่าตัวที่ดีที่สุดบนโลกลูกหนัง - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
9 นักเตะไร้ค่าตัวที่ดีที่สุดบนโลกลูกหนัง

วงการลูกหนังในสมัยก่อน นักฟุตบอลที่ถูกเซ็นสัญญามาแบบไม่มีค่าตัวนั้น ส่วนใหญ่จะถูกมองว่า เป็นนักเตะที่ไม่มีประโยชน์กับต้นสังกัดเดิมแล้ว หรือเป็นเพียงแค่ตัวสำรองของผู้เล่นชุดหลักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงทำให้ไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป  

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปแล้ว นักเตะที่สามารถย้ายทีมได้แบบฟรีๆนั้น บางรายเป็นแข้งบิ๊กเนมที่มีเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องย้ายออกจากสโมสรเดิม ไม่ว่าจะเป็น เรื่องค่าเหนื่อยไม่ลงตัว, มีปัญหากับกุนซือ รวมถึงต้องการหาความท้าทายใหม่

เหล่าผู้เล่นต่อไปนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้พวกเขาจะไม่ได้มีค่าตัวในการย้ายทีม แต่ผลงานที่ได้ทำเพื่อตอบแทนสโมสรนั้น คุ้มค่าอย่างมหาศาล  

9. แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ (โคเวนทรี ไปยัง ลิเวอร์พูล ปี 2000)

กองกลางมากประสบการณ์ชาวสก็อตแลนด์ ย้ายจาก โคเวนทรี ไปเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในปี 2000 แบบไม่มีค่าตัว และเชื่อได้ว่า แฟนบอล “หงส์แดง” ส่วนใหญ่คงไม่มีใครคาดคิดว่า นักเตะที่อายุ 35 ปี จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของทีม

อย่างไรก็ตาม แม็คอัลลิสเตอร์ แสดงให้เห็นทุกคนเห็นว่า คิดผิด เขาใช้ความเก๋าคุมเกมแดนกลางช่วยให้ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เชราร์ อุลลิเย่ร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส คว้าทริปเปิลแชมป์ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 2000-01 ได้อย่างสุดยอด

อดีตห้องเครื่องทัพ “วิสกี้” ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งสิ้น 49 นัด ตลอด 2 ปี ในทุกรายการแข่งขัน รวมทั้งทำประตูสำคัญในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน, บาร์เซโลนา และอลาเบส อีกด้วย

8. สตีฟ แม็คมานามาน (ลิเวอร์พูล ไปยัง เรอัล มาดริด ปี 1999)

แม็คมานามาน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ในช่วงกลางฤดูกาล 1998/99 ระหว่างที่ค้าแข้งกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

ปีกจอมเลื้อยชาวอังกฤษ ไม่ได้ใช้เวลานานในการพิสูจน์คุณค่าของเขาที่ถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาบิว หลังจากว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย ร่วมกับ มาดริด โดยตลอด 4 ปีที่เล่นให้กับ “ราชันชุดขาว” แม็คมานามาน ลงสนามไป 94 เกม ซัดไป 8 ประตู

7.โซล แคมป์เบล (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไปยัง อาร์เซน่อล 2001)

หนึ่งในการย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวที่กระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันอย่างดุเดือดในลอนดอนเหนือ คือการที่ แคมป์เบล ตัดสินใจย้ายจาก สเปอร์ส ซึ่งเป็นสโมสรปลุกปั้นเขาตั้งแต่เป็นนักเตะเยาวชน ไปเล่นกับคู่อริตลอดกาลอย่าง อาร์เซน่อล

ความโกรธเกรี้ยวของสาวก “ไก่เดือยทอง” ไม่เคยลดน้อยลงไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แคมป์เบล ถูกโจมตีอย่างหนัก และถูกตราหน้าว่าเป็น คนทรยศ

แต่ อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ก็ไม่สนใจคำวิจารณ์ เขาคุมแนวรับ อาร์เซน่อล ได้อย่างแข็งแกร่ง และพาทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” ในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ โค้ชชาวฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จอย่างนับไม่ถ้วน ประกอบด้วย แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และเอฟเอ คัพ 2 สมัย

6. เจย์-เจย์ โอโคชา (ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ไปยัง โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ปี 2002)

แซม อัลลาไดซ์ อดีตผู้จัดการทีม โบลตัน รวมตัวดาวดังบนโลกลูกหนังไว้ในถิ่นรีบ็อค สเตเดี้ยม ในช่วงกลางทศวรรษ 2000 ไว้อย่างน่าเหลือเชื่อ นักเตะชื่อดังอย่าง ยูริ จอร์เกฟฟ์, อีบัน คัมโป้, เฟร์นานโด เอียร์โร่ รวมถึง โอโคชา ต่างเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล “เดอะ ทร็อตเตอร์ส”

อัลลาไดซ์ เคยเล่าถึงการเซ็นสัญญากับ โอโคชา ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาว่า “ผมนัดพบเขาที่สนามบินแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส โอโคชา ยืนอยู่ด้านนอกอาคารผู้โดยสารคนเดียว เขาไม่มีเอเย่นต์เหมือนนักเตะคนอื่นๆ แต่เขารู้ว่า เขามีค่ากับผมอย่างไรบ้าง เขาบอกผมว่า ต้องการย้ายมาที่ โบลตัน”

“ผมคิดว่า จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะจัดการเรื่องต่างๆเสร็จสิ้น แต่ไม่เลย เราเซ็นสัญญากันที่สนามบิน และเขาสัญญาว่า ในวันรุ่งขึ้นเขาจะตามผมมาเพื่อทำเอกสารให้เสร็จ ผมคิดว่า เขาจะนั่งเครื่องบินมา แต่ไม่ใช่ เขาขับรถจาก ปารีส ไปยัง โบลตัน จอดรถ เขาเดินตรงจากรถของเขาเข้าไปในสนามรีบ็อค สเตเดี้ยม และเซ็นสัญญา”

อดีตจอมทัพชาวไนจีเรีย สร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังเมืองผู้ดีไว้อย่างน่าตื่นเต้น เขามีเทคนิคที่น่าเหลือเชื่อ, วิสัยทัศน์อันสุดยอด และลูกยิงสวยงามที่มีให้เห็นเป็นประจำ

5. เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ (เรอัล มาดริด ไปยัง อินเตอร์ มิลาน 2004)

กัมบิอัสโซ่ ถือเป็น ห้องเครื่องคนสำคัญของ อินเตอร์ มิลาน ตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่เขาค้าแข้งในถิ่นจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า หลังจากที่ย้ายมาจาก เรอัล มาดริด แบบไม่มีค่าตัวในปี 2004

อดีตกองกลางตัวรับทีมชาติอาร์เจนตินา ประสบความสำเร็จกับ อินเตอร์ แบบนับไม่ถ้วน ไล่ตั้งแต่ แชมป์กัลโช เซเรีย อา 5 สมัย, โคปา อิตาเลีย 4 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลก อีก 1 สมัย

 ภายหลังหมดสัญญากับ อินเตอร์ ในปี 2014 กัมบิอัสโซ่ ตัดสินใจย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้พลพรรค “สุนัขจิ้งจอก” รอดตกชั้นได้สำเร็จในฤดูกาลดังกล่าว

4.ราอูล กอนซาเลซ (เรอัล มาดริด ไปยัง ชาลเก้ ปี 2010)

ในปี 2009/10 ตำนานดาวยิงกัปตันทีม เรอัล มาดริด ต้องกลายเป็นตัวสำรองไปโดยปริยาย โดยมีโอกาสลงเล่นเพียง 8 เกม ภายหลังสโมสรคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด ปีกทีมชาติโปรตุเกส ไปร่วมทีม และอดีตดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สถาปนาตัวเองเป็นผู้นำคนใหม่ของทัพ “ราชันขุดขาว”

 ชาลเก้ ไม่รีรอที่จะยื่นสัญญาให้ ราอูล ในซีซั่นถัดมา และกองหน้าชาวสเปน ก็ตอบตกลงทันที โดยตัดสินใจเดินออกจากถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาบิว และปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่ของ มาดริด

ราอูล ไม่ทำให้ ชาลเก้ ต้องผิดหวัง หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการซัดไป 28 ประตู จาก 66 เกม ตลอดเวลา 2 ปี ในสีเสื้อ “ราชันสีน้ำเงิน” พร้อมกับพาทีมคว้าอันดับ 3 ในศึกบุนเดสลีกา ซีซั่น 2011/12 ได้อีกด้วย

3. มิโรสลาฟ โคลเซ่ (บาเยิร์นมิวนิค ไปยัง ลาซิโอ ปี 2011)

ทุกคนที่ดูการแข่งขันฟุตบอลโลกในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา จะได้รับรู้ถึงความสามารถในการถล่มประตูของ โคลเซ่ แต่แฟนบอล ลาซิโอ อาจคิดว่า หัวหอกทีมชาติเยอรมันในวัย 33 ปี ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาไปแล้ว

โคลเซ่ โชว์ฟอร์มปิดปากนักวิจารณ์ได้อย่างสนิท เขาซัดไป 5 ลูก จาก 6 เกมแรกที่ลงสนามเปิดตัวให้กับ ลาซิโอ ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดในปี 2016 กับ “อินทรีฟ้า-ขาว” ด้วยการฝากผลงาน 54 ประตู จาก 139 เกม และได้ทำสถิติเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรที่ไม่ใช่ชาวอิตาลี

2. อันเดรีย ปิร์โล่ (เอซี มิลาน ไปยัง ยูเวนตุส ปี 2011)

การแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นกุนซือ ของ ยูเวนตุส ในปี 2011 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการคว้าแชมป์เซเรีย อา ของ “เจ้าม้าลาย” แต่การคว้าตัว ปิร์โล่ มาจาก มิลาน นั้น ถือเป็นตัวแทนแห่งการเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลอิตาลีไปอย่างสิ้นเชิง

จอมทัพสุดคลาสสิค ค้าแข้งกับ มิลาน มาอย่างนานถึง 10 ปี ก่อนจะไม่ได้รับสัญญาฉบับใหม่ เนื่องจาก “ปีศาจแดง-ดำ” มองว่า เขาเลยจุดพีคไปแล้ว แต่ ยูเวนตุส ไม่คิดแบบนั้น และรีบยื่นสัญญาให้ ปิร์โล่ มาร่วมทีมทันที

        การทำธุรกิจครั้งนี้ ถือเป็น ดีลที่คุ้มค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ยูเวนตุส เลยก็ว่าได้ ถึงขนาดที่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ตำนานนายทวาร “เจ้าม้าลาย” เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อ อันเดรีย บอกผมว่า เขากำลังจะมาร่วมทีมเรา สิ่งแรกที่ผมคิดคือ พระเจ้ามีอยู่จริง”

1. ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไปยัง ยูเวนตุส ปี 2012)

ป็อกบา ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในการย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล หลังจากเซ็นสัญญากับ ยูเวนตุส ในปี 2012 มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ถูก “เจ้าม้าลาย” ขายกลับให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยค่าสถิติโลกในอีก 4 ปีต่อมา

ดาวเตะเฟรนช์แมน มีความสามารถในการพัฒนาตัวเองให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่ดที่สุดในโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย และการคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา 4 สมัยติดต่อกันกับ ยูเวนตุส เป็นเครื่องการันตีความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า “เจ้าม้าลาย” ทำธุรกิจที่แสนจะคุ้มค่าอีกครั้ง

ภาพประกอบ : thesefootballtimes.co, thetimes.co.uk, transfermarkt.com, bwfc.co.uk, calciomercato.com, zimbio.com, skysports.com, portalb.mk

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save