8 ยอดนักเตะที่ถูกลืม - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
8 ยอดนักเตะที่ถูกลืม

บางครั้งผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคนั้นๆ อาจมีมากมายหลายต่อหลายคน บางคนถูกจดจำในฐานะฮีโร่ บางคนถูกจดจำในฐานะยอดนักเตะ และบางคนอาจถูกจดจำในฐานะผู้เล่นที่คว้าแชมป์มากมาย

แต่มีนักเตะบางส่วนที่โด่งดังในเวลานั้น กลับถูกกาลเวลาพัดพาชื่อพวกเขาเหล่านั้นให้หายไปจากความทรงจำของเหล่าแฟนบอล และนี่คือ 8 รายชื่อซึ่งหากเอ่ยขึ้นมา อาจทำให้หลายๆ คนหวนคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่หลงลืมกันไป

ดาร์โก ปานเชฟ

หากย้อนกลับไปในอดีตช่วงยุคสมัยของศึก “ยูโรเปี้ยน คัพ” เรด สตาร์ เบลเกรด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งประเทศเซอร์เบีย คือ หนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และคว้าแชมป์ถ้วยหูยักษ์มาแล้ว เมื่อปี 1991 ณ ห้วงเวลานั้น เรดสตาร์ มีนักเตะดาวดังอยู่เต็มทีม อาทิ โรเบิร์ต โปรซิเนียสกี้, ดาร์โก้ ปานเชฟ, เดยัน ซาวิเซวิช และ ซินิซ่า มิไฮโลวิช

ในรายการแข่งขันรายการดังกล่าว ปานเชฟ หัวหอกชาวยูโกสลาเวีย (ปัจจุบัน คือ เซอร์เบีย) โชว์ฟอร์มถล่มตาข่ายคู่แข่งเป็นว่าเล่น จนทำให้ อินเตอร์ มิลาน ทีมดังแห่งกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คว้าตัวไปร่วมทีม แต่ฟอร์มกับ “งูใหญ่” ไม่เป็นอย่างที่แฟนๆคาดหวังเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือออกมาว่า ทัศนคติของเขาไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ปานเชฟ ถือเป็น ดาวยิงที่มีมีสัญชาตญาณอย่างเต็มเปี่ยม เต็มไปด้วยพลังงาน และการทำประตูที่คมกริบอย่างน่าทึ่ง เขาค้าแข้งอยู่ในเมืองมะกะโรนีได้เพียง 3 ปี เท่านั้น ก่อนจะถูก อินเตอร์ ปล่อยให้กับ ไลป์ซิก ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ในที่สุด

ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง

ค่อนข้างไม่ยุติธรรมปาแปงควรจะได้รับการจดจำได้มากกว่านี้ หลังจากที่เขาได้รับรางวัล บัลลงดอร์ และกลายเป็นผู้เล่นที่แพงที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความโชคร้ายที่เขาประสบมาตลอดชีวิตค้าแข้ง ในฐานะผู้เล่น โอลิมปิก มาร์เซย์ ทีมของเขาได้พ่ายแพ้ในศึกฟุตบอล ยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อปี 1991 ให้กับ เรด สตาร์ เบลเกรด

เอซี มิลาน ภายใต้ของกุนซือ  ฟาบิโอ คาเปลโล่ เป็นที่ดึงดูดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสที่จะได้เล่นร่วมกับ มาร์โก แวน บาสเทน แต่โชคไม่ดีสำหรับ ปาแปง เนื่องจาก แวน บาสเทน ได้รับบาดเจ็บหนัก จนต้องจบชีวิตการค้าแข้งก่อนวัยอันควร

“ปีศาจแดง-ดำ” กำลังพัฒนาไปพร้อมกันกับผู้เล่นอย่าง รุท กุลลิท, แฟรงค์, ซโวนิเมียร์ โบบัน และเดยัน ซาวิเซวิช แต่ ปาแปง แทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับบรรดานักเตะเหล่านั้น ทำให้เขาตัดสินใจย้ายสังกัดอีกครั้ง

        สองปีที่ บาเยิร์น มิวนิค ก็ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เขาจึงย้ายกลับมาเล่นที่บ้านเกิดในฝรั่งเศสกับ บอร์กโดซ์ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากกับ มาร์กเซย ด้วยการคว้าแชมป์ลีก เอิง 4 สมัย อย่างไรก็ตามความทรงจำเหล่านั้นกลับหายไปในช่วงที่เขาพเนจรย้ายทีม

จอห์น โรเบิร์ตสันส์

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ โรเบิร์ตสันส์ จะคว้าแชมป์ถ้วยยุโรปทั้งสองครั้งกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เพราะ ไบรอัน คลัฟ เป็นสุดยอดกุนซือในห้วงเวลานั้น และการเข้ามาร่วมทีมของ เทรเวอร์ ฟรานซิส กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ยิ่งทำให้ “เจ้าป่า” แข็งแกร่งขึ้นอีก

โรเบิร์ตสันส์ เป็นปีกซ้ายที่มีความสามารถที่หลากหลายทั้งการเปิดบอล และเทคนิคในการหลอกล่อกองหลังฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ทำประตูชัยให้กับ ฟอเรสต์ เอาชนะ ฮัมบูร์ก ไปได้ 1-0 จนสามารถคว้าแชมป์ ยูโรเปียน คัพ ได้เป็นสมัยที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1980 ได้สำเร็จ

ปีกทีมชาติสก็อตแลนด์ อาจไม่มีชื่อชั้นโดดเด่นเท่ากับบรรดาเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆของ ฟอเรสต์ จึงทำให้แฟนๆ มักจะลืมนึกถึงเขา ทั้งที่จริงแล้ว โรเบิร์ตสันส์ ถือเป็นส่วนสำคัญในทัพ “เจ้าป่า” เลยทีเดียว

มิเชล จอร์ส ฌอง กิสแลง พรูดอม

อาจกล่าวได้ว่า พรูดอม โชคไม่ดี เพราะในช่วงท้ายอาชีพของเขา ในศึกฟุตบอลโลก ปี 1999  มีผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมที่น่าทึ่งมากมาย อาทิ โอลิเวอร์ คาห์น, ปีเตอร์ ชไมเคิล และ จานลุยจิ บุฟฟอน รวมไปถึง อิเคร์ กาซิยาส นายทวารดาวรุ่งที่ทีมชาติสเปน ซึ่งฟอร์มกำลังพุ่งแรงในขณะนั้น

พรูดอม เป็นผู้รักษาประตูดีเด่นคนหนึ่ง ซึ่งช่วยสร้างอิมแพคให้กับทีม เขามีกล้ามเนื้อแข็งแรง ว่องไว รวมถึงข้อมือที่เปรียบเสมือนเหล็กยามเซฟลูกบอล อย่างไรก็ตาม คาห์น กับ ชไมเคิล ถือเป็น 2 นายทวาร ที่ได้รับการพูดถึงอยู่เสมอในวงกว้าง

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ พรูดอม คือระยะเวลาในการเฝ้าเสาของเจ้าตัว ที่นานถึง 22 ปี เขาได้เปิดตัวลงสนามในระดับนานาชาติครั้งแรกกับเบลเยียมในปี 2522 จากนั้นในฟุตบอลโลกปี 2537 เขาก็ยังลงสนาม และได้รับรางวัล Yashin อีกด้วย

โทมัส เอ็นโคโน่

มันเป็นเรื่องราวเล็ก ๆ น้อยๆ เพื่อแสดให้เห็นถึงความสามารถของ เอ็นโคโน่ โกล์ทีมชาติแคเมอรูน เมื่อ จานลุยจิ บุฟฟอน ตำนานนายทวารทีมชาติอิตาลี ยกย่องเขาว่าเป็น ไอดอล และก็ได้ตั้งชื่อลูกชายของตัวเองว่า โทมัส เช่นเดียวกัน

สำหรับหลายๆ คนในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1990 ยกย่องเขาว่าเป็น นายทวารผู้บุกเบิกสไตล์การเล่นแบบใหม่ เอ็นโคโน่ มีปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็ว การยืนตำแหน่งที่ดี และการสั่งการในกรอบเขตโทษที่ยอดเยี่ยม

สำหรับหลายๆ คนในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1990 ยกย่องเขาว่าเป็น นายทวารผู้บุกเบิกสไตล์การเล่นแบบใหม่ เอ็นโคโน่ มีปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็ว การยืนตำแหน่งที่ดี และการสั่งการในกรอบเขตโทษที่ยอดเยี่ยม

        เอ็นโคโน่ เฝ้าเสาให้ทีมชาติแคเมอรูน 112 นัด ได้เล่นฟุตบอลโลก 3 สมัยคือปี 1982, 1990 และ 1994 รวมถึงเคยคว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพในปี 1984 ส่วนในระดับสโมสร เอ็นโคโน่ สร้างชื่อกับการเฝ้าเสาประตูให้ เอสปันญ่อล นานถึง 9 ปี(1982-1991) เคยเป็นรองแชมป์ยูฟ่า คัพ 1 สมัย

โจเซฟ-อองตวน เบลล์

เป็นคำถามที่มักจะพบบ่อยอยู่เสมอว่าระหว่าง อองตวน เบลล์ กับ โทมัส เอ็นโคโน่ ใครเป็นโกล์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติแคเมรูน ซึ่งเชื่อว่าแฟนบอลทัพ “หมอผี” หลายๆคน คงตอบได้ยาก และมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป

อองตวน เบลล์ เคยเฝ้าเสาให้กับสโมสรในฝรั่งเศสแบบนับไม่ถ้วน ไล่ตั้งแต่ โอลิมปิก มาร์กเซย, ตูลง, บอร์กโดซ์ และแซนต์ เอเตียน และมีชื่ออยู่ในทีมชาติแคเมอรูน ชุดคว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพในปี 1984

อย่างไรก็ตาม ในทีมชุดนั้น เขาเป็นเพียงตัวสำรองของ เอ็นโคโน่ และแทบไม่ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาให้กับบ้านเกิดเลย

จูเซ็ปเป้ ซินญอรี่

ไม่ลืม แต่ก็ถูกประเมินต่ำไป สำหรับแฟนฟุตบอลชาวอังกฤษส่วนใหญ่ ซินญอรี่ ยังคงอยู่ในวงล้อมของความทรงจำที่แนบมากับฟุตบอลอิตาเลีย สำหรับหลาย ๆ คนความหวังคือการได้เห็น ลาซิโอ และ พอล แกสคอยน์ ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ แต่กลับกัน สาวกลูกหนังเมืองผู้ดีแทบไม่ได้เห็น แกซซ่า ลงโชว์ฝีเท้า เพราะเจ้าตัวมักได้รับบาดเจ็บเป็นประจำ

ที่ ลาซิโอ ซินญอรี่ ได้ลงสนามแทน แกสคอยน์ อยู่บ่อยครั้ง เขามีส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว แต่ก็มีเทคนิค และการครอบครองบอลที่น่าทึ่ง สถิติของเขาทำให้เจ้าตัวเป็นหนึ่งในผู้เล่นอิตาเลียนที่ดีที่สุดในยุคนั้น ด้วยการซัดไปถึง 90 ประตู ใน 4 ฤดูกาล ระหว่างปี 1992-1996 แต่มันก็เป็นภาพเลือนลางจางหายไป

ดามินญ่า

มันเป็นความชื่นชอบที่เป็นกลางอย่างแท้จริง หากใครไม่ได้รับความบันเทิงจาก ดามินญ่า ถือว่าคุณดูฟุตบอลไม่เป็น ลองนึกภาพอาชีพของเขาในตอนนั้นถ้ามี โซเชียลมีเดีย คลิปการเล่นของเขาคงถูกนำมาออกอากาศเป็นประจำแน่นอน

สิ่งที่ทำให้ ดามินญ่า นั้นน่าสนใจ คือ เทคนิคที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพ และช่วงเวลาที่น่าประทับใจอยู่ในความทรงจำของเหล่าแฟนบอลคือ ช่วงที่เจ้าตัวค้าแข้งกับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในปี 2002 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้สำเร็จ

ในขณะที่หลายคนมองว่า เขาเป็นนักเตะที่ผสมผสานระหว่าง พรสวรรค์ และอารมณ์ศิลปิน เข้าด้วยกัน ดามินญ่า ถือเป็นผู้เล่นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของฟุตบอลยุโรปอย่างแท้จริง แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม

Text – Che Navapun

Picture – fourfourtwo.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save