“เห็นการเมืองบ้านเราแล้วกูเหนื่อย“
คำบ่นของเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง น่าจะตรงกับความรู้สึกของใครหลายคนตอนนี้ รวมถึงตรงกับความรู้สึกเราด้วย บอกเลยว่าเหนื่อย เหนื่อยกับความไม่ยุติธรรม เหนื่อยกับความหน้าด้านหน้าทน เหนื่อยกับม. 44 ที่ทำให้เราไม่สามารถเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศนี้ได้เลย
บางคนบอกว่ากพอละกับการเมืองขอไม่รับรู้อะไรละจิตตก บางคนบอกว่ากกำลังสอบชิงทุนจะไปเรียนต่อเมืองนอก คงหาลู่ทางทำกินอยู่นู้น แล้วไม่กลับมาเลย พอแล้วประเทศไทย พอกันที !
ใครที่มีโอกาสหนีความวุ่นวายนี้ไปถือเป็นความโชคดีของคุณ แต่อีกหลาย ๆ คนนั้นไม่รู้และไม่มีโอกาสที่จะหอบชีวิตที่เหลือไปเจอสิ่งดีกว่านี้ได้เลย มันอาจจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง เรื่องภาษา เรื่องสุขภาพ และอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาฉุดรั้งเขาไว้
แต่ถ้าวันหนึ่งคุณพร้อมและขอไม่สู้ ไม่คาดไหวอะไรจากรัฐบาลไทยอีกต่อไป เรามี 7 วิธี Move Out ออกจากไทยแลนด์แดนทุจริตไปอยู่ประเทศศิวิไลซ์มาฝากกัน
1. ร่ำเรียนเพียรศึกษา
ไปเรียนต่อนี่มีหลากหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะไปเรียนต่อโท เรียนต่อเอกที่มีทั้งทุนรัฐบาลไทยและทุนจากต่างประเทศสนับสนุนอยู่จำนวนมาก ซึ่งบางทุนก็เป็นทุนให้เปล่าแบบไม่ต้องกลับไทยมาใช้ทุนด้วยซ้ำ หรือถ้าบางคนไม่อยากไปเรียนจริงจังขนาดนั้นก็สมัครคอร์สเรียนภาษาที่สามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยของบริษัทเอเจนซี่ต่าง ๆ ได้เช่นกัน ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีเงื่อนไขต่างกันไปว่าสามารถทำงานได้กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การไปเรียนเปรียบเสมือนไปหาลู่ทาง ใครมีโอกาสได้งานต่อเลยก็อาจจะสามารถทำเรื่องขอต่อวีซ่าประเภททำงานได้ด้วย
2. งานการคือชีวิต
ไปทำงานอย่างถูกกฎหมายนะไม่ได้ไปแบบเป็นผีน้อย สำหรับการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายมีอยู่ 5 กรณีด้วยกัน ได้แก่ บริษัทจัดหางานจัดส่งไป, กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่งไปทำงาน, นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงาน, นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงาน และผู้ที่จะไปทำงานติดต่อหางานด้วยตัวเอง
ซึ่งการหางานเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยคุณต้องมี Connection อยู่ที่นั่นพอสมควรและต้องทำสัญญาจ้างจริง ๆ มีหลักฐานมาชี้แจ้งให้เห็น โดยอาจลองสมัครงานกับนายจ้างในต่างประเทศสักที่หนึ่งที่สนใจถ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการก็ได้
นอกจากนั้นในบางประเทศที่แรงงานขาดแคลนก็จะมีนโยบายเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานชั่วคราวอยู่บ่อย ๆ ยกตัวอย่าง ประเทศแคนาดาที่ประกาศเปิดรับผู้อพยพต่างชาติอีกเกือบ 1 ล้านคนในช่วงระหว่างปี 2018 เป็นต้นมาเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจและแรงงานในประเทศ รวมทั้งมีการเปิดรับกลุ่มวิชาชีพที่ต้องการเป็นพิเศษอย่าง แพทย์ พยาบาล และวิศวกร ทุกปี ส่วนกลุ่มวิชาชีพอื่นๆ เช่น นักบัญชี นักการเงิน นักกฎหมาย คอมพิวเตอร์ ฯลฯ จะมีการปรับเปลี่ยนบัญชีความต้องการอยู่เสมอ
แถมยังมีโครงการ AIPP (Atlantic Immigration Pilot Program) ที่ออกสัญชาติให้กับชาวต่างชาติและสามารถมีสิทธิ์ทำงานได้อย่างถูกกฎหมายเมื่อไปอาศัยอยู่แคนาดาด้วย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเลือกถิ่นที่อยู่ใน 4 จังหวัดแอตแลนติก อย่าง New Brunswick, Newfoundland และ Labrador, Nova Scotia, Prince Edward Island ก่อน
หากยื่นเรื่องได้สัญชาติ ( PR -Permanent Residence) แล้วจึงสามารถย้ายไปยังเมืองอื่นนอกจาก 4 เขตแอตแลนติกได้เพราะการได้รับ PR ก็คือสิทธิและเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในแคนาดาด้วย แต่ถ้าไม่มีการจ้างงานจะไม่ได้รับการพิจารณาใบสมัครวีซ่าถาวรจากรัฐบาลแคนาดา
ฝั่งเอเชียบ้านเราประเทศญี่ปุ่นก็หันมาเปิดรับแรงงานต่างชาติมากขึ้นเช่นกัน เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาเรื่องสังคมผู้สูงอายุ โดยการเปิดรับแรงงานต่างชาติของญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ Highly Skilled Professionals อาทิ แพทย์ วิศวกร ผู้ประกอบอาหาร และ Technical Intern Trainees ผู้ฝึกงานด้านเทคนิคหรือแรงงาน blue collar
โดยกลุ่มแรกสามารถขยายระยะเวลาการพํานักในญี่ปุ่นโดยไม่มีกําหนดและสามารถนําครอบครัวมาพํานักอาศัยด้วยได้ ขณะที่กลุ่มที่สองจะสามารถพํานักได้ 3 ปี และต่ออายุได้อีกไม่เกิน 2 ปี แต่ไม่สามารถนําครอบครัวมาพํานักอาศัยด้วย ไม่เพียงแค่ที่เรายกตัวอย่างไปเท่านั้นนะแต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องการแรงงานต่างชาติในด้านต่าง ๆ ใครอยากย้ายไปประเทศไหนต้องลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูอีกที
3. อย่างนี้ต้องลี้ภัย
วิธีนี้เหมาะกับกรณีที่เราไปแกร่งเท้าหาเสี้ยนเข้า อยู่ไม่ได้แล้วจริง ๆ ตำรวจมารอหน้าบ้านทุกวัน อยู่มีแต่ตายกับตายสถานเดียว คุณสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนั้น ๆ ทันทีได้เมื่อไปถึง ไม่ว่าจะไปถึงทางเรือ รถ เครื่องบินสามารถยื่นได้หมดแต่มีเงื่อนไขว่าต้องอยู่นอกประเทศตัวเอง, รัฐบาลคุ้มครองไม่ได้ และอยู่ที่ใดที่หนึ่งในประเทศตัวเองไม่ได้ โดยจะเข้าอันใดอันหนึ่งหรือหลายอันก็ได้ ที่สำคัญประเทศนั้นต้องเป็นสมาชิกกับอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 และพิธีสารปี 1967 ด้วย
อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 และพิธีสารปี 1967 ได้อธิบายว่า “ผู้ลี้ภัย” หมายถึง ผู้อยู่นอกอาณาเขตรัฐแห่งสัญชาติของตน…และด้วยความหวาดกลัวซึ่งมีมูลอันจะกล่าวอ้างได้ว่าจะได้รับการประหัตประหารด้วยเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกภาพในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ว่าทางสังคมหรือทางด้านความคิดทางการเมืองก็ตาม และด้วยเหตุแห่งความกลัวนั้นจึงไม่สมัครใจที่จะขอความคุ้มครองจากรัฐแห่งสัญชาติดังกล่าว หรือผู้ใดที่เป็นบุคคลไร้สัญชาติที่อยู่นอกอาณาเขตรัฐที่เดิมมีถิ่นฐานพำนักประจำ แต่ไม่สามารถหรือไม่สมัครใจที่จะเดินทางกลับไปด้วยเหตุแห่งความหลาดกลัวที่กล่าวมาข้างต้น
นั่นหมายความว่าแต่ละประเทศจะต้องรับรองสถานะผู้ลี้ภัยให้กับบุคคลนั้นๆ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตามทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย โดยไม่สามารถขับไล่ผู้ลี้ภัยออกนอกประเทศได้ นอกจากจะมีความจำเป็นด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคง แต่ผู้ลี้ภัยนั้นจะต้องได้รับโอกาสในการหาที่ลี้ภัยอื่นก่อนถูกเนรเทศ
ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้จริงก็อาจจะได้สถานะผู้ลี้ภัย แต่เวลาในการพิจารณานั้นก็อาจจะเป็นเดือนและคุณก็ต้องมีหลักฐานชัดเจนจริง ๆ และนอกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วสามารถยื่นเรื่องการลี้ภัยได้ ณ สำนักงานฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการรับขึ้นทะเบียนผู้ขอลี้ภัยทางการเมือง หรืออีกวิธีคือขอลี้ภัยผ่านทางองค์กร UNHCR ที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกัน แต่การจะลี้ภัยไปประเทศที่สามจากกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นไปได้ช้ามากหรืออาจจะไม่สำเร็จเลย ถ้าไม่มีเจ้าภาพหรือผู้ที่สนใจจะรับรองประเทศที่สาม
5. พี่จะแต่งเมีย
แค่หาแฟนไม่ได้นะต้องหาภรรยา และตบแต่งให้ถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศด้วย เพราะในทางกฎหมายคู่สมรสมีสิทธิได้รับความคุ้มครองหรือได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของประเทศคู่สมรสในฐานะคนสัญชาติประเทศนั้น แต่กฎหมายสัญชาติของต่างประเทศจะกำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะขอถือสัญชาติต้องสละสัญชาติเดิมก่อนโดยเฉพาะการถือสัญชาติโดยการสมรส ฉะนั้นต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดีก่อนสละสัญชาติด้วยเพราะถ้าสละไปแล้วงานแต่งล้มละก็คุณจะมีสถานะเป็นคนไร้สัญชาติไปเลย
6. สัญชาติ ซื้อได้
หลายประเทศต่างก็มีโครงการสิทธิการเป็นพลเมืองจากการลงทุนโดยการจำหน่าย “สัญชาติ” หรือสิทธิการพำนักในประเทศให้เหล่ามหาเศรษฐีเพื่อนำดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กในทะเลแคริบเบียน ประเทศในสหภาพยุโรป แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ก็ด้วย แต่วิธีนี้ต้องมีเงินในกระเป๋าอย่างน้อยก็หลักสิบล้านเลยทีเดียว
7. ใบเขียวล็อตเตอรี่
“Green Card Lotto” หรือ “Diversity Visa Lottery” เป็นโปรแกรมที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1986 มีจุดประสงค์เพื่อมอบโอกาสให้ผู้สมัครทั่วโลกได้มาทำงาน ศึกษาต่อ หรืออยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งคนที่มีสัญชาติไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งคัดเลือกด้วย
ทุก ๆ ปีโครงการนี้จะจัดขึ้นในช่วงกันยายนหรือประมาณตุลาคมและสิ้นสุดหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ไม่มีค่าใช้ในการสมัครและผู้สมัครจะต้องตรวจสอบผลเองในเว็บไซต์จะไม่มีการสั่งเมล์ไปบอกแต่อย่างใด ส่วนวิธีคัดผู้ชนะนั้นจะใช้การสุ่มจับอย่างเดียวเท่านั้น เรียกว่าวัดดวงล้วน ๆ จริง ๆ
เหตุผลที่โครงการนี้มีคนสมัครเนืองแน่นทุกปีเพราะ Green Card นั้นหมายถึงเอกสารสำคัญที่หน่วยงานของสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่าหน่วยตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ (U.S. Citizenship and Immigrations Services) มอบสิทธิให้เราสามารถใช้ชีวิตและหางานทำที่นั่นได้อย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งยังได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและที่สำคัญการมี Green Card ยังเป็นบันไดก้าวแรกในการยื่นเรื่องขอเป็นพลเมืองอเมริกาได้ในภายหลังอีกด้วย ซึ่งพลเมืองอเมริกาถือเป็นสถานะขั้นสูงสุดที่ชาวต่างชาติจะเป็นได้ มีสิทธิเท่าเทียมกับชาวอเมริกันแท้ๆ ทุกอย่างเลย