7 กุนซือชื่อดังผู้รีเทีร์นคุมทีมเก่า - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
7 กุนซือชื่อดังผู้รีเทีร์นคุมทีมเก่า

ในโลกการทำงานของคนทั่วไปเรามักได้ยินคำว่า “เมื่อลาออกมาแล้ว คุณไม่ควรย้อนกลับไป” แต่ดูเหมือนว่า กฎนี้จะไม่ได้ใช้อาชีพผู้จัดการทีมฟุตบอล ซึ่งมักจะกลับไปยังสโมสรเดิมของพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้บางกรณีจะจบความสัมพันธ์กันแบบไม่สวยก็ตาม

7 เทรนเนอร์ชื่อดังเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า วงการลูกหนังมักมีอะไรพิเศษอยู่เสมอ รวมถึงการหวนคืนไปคุมทีมเก่าแบบคาดไม่ถึงอีกด้วย

1.ซีเนอดีน ซีดาน (เรอัล มาดริด 2016– 2018, 2019)

        ซีดาน กลับมาที่ มาดริด อีกครั้ง หลังอำลาทีมไปได้เพียง 9 เดือน ในช่วงแรกที่คุมทีม โค้ชชาวฝรั่งเศสพาพลรรค “ราชันชุดขาว” ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำสโมสรสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 3 สมัยซ้อน

        การกลับมารอบ 2 ซีดาน มีการบ้านกองโตที่ต้องสะสาง ทั้งเรื่องอนาคตที่ไม่แน่นอนของผู้เล่นเก่าอย่าง แกเร็ธ เบล ปีกทีมชาติเวลส์ เป็นต้น นอกจากนี้ เขายังต้องเดินหน้าหาผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพเพื่อพา มาดริด กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งในซีซั่นหน้า

2.เลโอนาร์โด้ จาร์ดิม (โมนาโก – 2014-18, 2019)

          จาร์ดิม ทำงานอย่างมหัศจรรย์ในปี 2016-2017 หลังพา โมนาโก คว้าแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส

เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา พร้อมกับพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลถัดไป

          จากนั้น โมนาโก ได้ทยอยขายนักเตะตัวหลัก อาทิ ฟาบินโญ, แบร์นาโด ซิลวา, คิเลียน เอ็มบับเป้ และ เบนฌาแมง เมนดี้ ให้กับบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ทำให้ขุมกำลังอ่อนลง และทีมเริ่มฤดูกาลได้อย่างย่ำแย่ จาร์ดิม จึงถูกปลดเมื่อเดือน ต.ค.ปีก่อน

          เธียร์รี อองรี ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาทำหน้าที่แทน แต่อดีตดาวยิง อาร์เซน่อล กลับทำผลงานได้ไม่ดี และถูกไล่ออกหลังคุมทัพได้เพียง 2 เดือน ส่งผลให้ จาร์ดิม ต้องกลับมารับงานในถิ่น สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ อีกครั้ง

3.โจเซ่ มูรินโญ่ (เชลซี 2004-2007, 2013-2015)

          ใครบ้างที่จะสามารถลืม “The Special One” ในปีแรกที่เขามาคุม เชลซี ได้ มูรินโญ่ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จครั้งแรกที่เขามาถึงถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนที่ความสัมพันธ์ของเขากับ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร “สิงโตน้ำเงินคราม” จะแย่ลง และแยกทางกันในปี 2007

          เทรนเนอร์โปรตุเกส ย้ายไปคุม อินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด ตามลำดับ ก่อนจะกลับมาที่ เชลซี ในปี 2013 พร้อมกับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลถัดมา

          จากนั้นเหมือนทุกอย่างพังทลายลง มูรินโญ่ และอบราโมวิช ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์รอบสองของพวกเขาในปี 2015  

4.ฟาบิโอ คาเปลโล่ (เรอัล มาดริด 1996-1997, 2006-2007)

          แม้ว่าการคุมทีม มาดริด ของ คาเปลโล่ ทั้ง 2 ครั้ง จะมีอายุงานเพียง 1 ฤดูกาล แต่กุนซือชาวอิตาเลียน ยังคงเป็นหนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัพ “ราชันชุดขาว”

          คาเปลโล่ พา มาดริด คว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ทั้ง 2 สมัย ในช่วงที่เขากุมบังเหียน แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เขาตกงานอีกครั้ง

5.เคนนี ดัลกลิช (ลิเวอร์พูล 1985-1991, 2011-2012)

          ตำนานแห่งถิ่น แอนฟิลด์ พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย ในปี 1988 และ 1990 จนกระทั่ง

2 ทศวรรษผ่านไป ดัลกลิช ถูกเรียกตัวกลับสู่ทัพ “หงส์แดง” อีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่แทน รอย ฮอดจ์สัน ซึ่งถูกไล่ออกเมื่อต้นปี 2011

          ดัลกลิช ทำผลงานได้ดีมากจนเขาได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมถาวร แต่มันจบลงอย่างไม่น่าเชื่อในฤดูกาลถัดไป ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะได้แชมป์ลีก คัพ แต่เขาก็ถูกไล่ออกหลังพาทีมจบอันดับ 8 ในพรีเมียร์ลีก

6.จุปป์ ไฮย์เกส (บาเยิร์น มิวนิค 1987-1991, 2009, 2011-13, 2017-18)

          ไฮย์เกส ได้รับการแต่งตั้งจาก บาเยิร์น ไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง รวมไปถึงการเป็นกุนซือขีดตาทัพเมื่อปี 2009 อย่างไรก็ตาม ในช่วงการคุมทัพครั้งที่ 3 และ 4 โค้ชชาวเยอรมัน ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยพาทัพ “เสือใต้” คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้ทั้ง 2 ครั้ง

7.หลุยส์ ฟาน กัล (บาร์โซโลน่า 1997-2000, 2002-2003)

          ฟาน กัล นำเอกลักษณ์การฝึกซ้อมของเขามาที่ บาร์เซโลน่า ในปี 1997 ซึ่งเป็นเวลา 2 ปี หลังจากคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม แม้จะประสบความสำเร็จในเบื้องต้น แต่เทรนเนอร์ชาวดัตช์อก็พบว่า ตัวเองมีปัญหากับสื่อมวลชนของสเปน และในที่สุดก็ประกาศลาออกในปี 2000

          จากนั้น ฟาน กัล กลับไปที่ คัมป์ นู อีกครั้ง หลังจากใช้เวลา 2 ปี กับทีมชาติฮอลแลนด์ และในช่วงการรีเทิร์นหนนี้ เขามีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับ ริวัลโด้ สตาร์ทีมชาติบราซิลของ “เจ้าบุญทุ่ม” ก่อนทั้งคู๋จะแยกย้ายกันไปในปี 2003

Picture – bbc.com, espn.com, dailymail.co.uk, zeenews.india.com, eurosport.co.uk

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save