ศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้เดินทางมาถึงเกือบจะครึ่งทางของซีซั่นแล้ว และก็เป็นเรื่องปกติที่บรรดาผู้เล่นไม่ว่าจะอยู่ในทีมใหญ่ หรือทีมเล็ก ต่างก็แข่งขันกันโชว์ฟอร์มเพื่อทำให้ผู้จัดการทีม และแฟนบอลของพวกเขาประทับใจ

        อย่างไรก็ตาม มีนักเตะบางส่วนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด และคงเส้นคงวาเกือบทุกเกม แต่ไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก เพราะพวกเขาไม่ใช่แข้งระดับซุเปอร์สตาร์ จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของสาวกลูกหนังเมืองผู้ดี และนี่คือ 6 ผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดี แต่ถูกมองข้ามไปในฤดูกาลนี้

1. เอ็นดา สตีเว่นส์ (เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด)

วิงแบ็คฝั่งซ้ายชาวไอริช ไม่ได้อยู่ในความสนใจของแฟนบอลในพรีเมียร์ลีก มากนัก เพราะเขาไม่ได้เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือเป็นซุเปอร์สตาร์ แต่ฟอร์มการเล่นของ สตีเว่นส์ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ค่อนข้างดีอย่างสม่ำเสมอ และน่าประทับใจอย่างยิ่ง

ดาวเตะวัย 29 ปี มีการเติมเกมรุกที่ยอดเยี่ยม และยังมีการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ซึ่งเห็นได้จากสถิติการเข้าสกัดคู่แข่งของเขานั้นอยู่ที่ 2.4 ครั้งต่อเกม ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ในบรรดาผู้เล่นของ เชฟฟิลด์ นอกจากนี้ เขายังลงสนามให้กับพลพรรค “ดาบคู่” ครบทุกเกมนับตั้งแต่เปิดซีซั่น

สตีเว่นส์ มีความมั่นใจในการเล่นของตัวเอง และเขาถือเป็นกำลังสำคัญของ คริส วิลเดอร์ กุนซือ เชฟฟิลด์ ในการสร้างเซอร์ไพรส์เก็บแต้มจากทีมใหญ่มากมาย อาทิ บุกไปเสมอ เชลซี 2-2, เปิดบ้านอัด อาร์เซน่อล 1-0, บุกไปยันเสมอ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 1-1 และยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-3

2.จอห์น แม็คกินน์ (แอสตัน วิลล่า)

ในช่วงที่ผ่านมา มิดฟิลด์จอมขยันรายนี้ ถูกประเมินฝีเท้าไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่การซัดประตูใส่ทีมใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ นั้น ช่วยทำให้เขากลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปได้ และตอนนี้ชื่อของ แม็คกินน์ กำลังถูกพูดถึงในหมู่แฟนบอลเมืองผู้ดีอีกครั้ง

กองกลางกลางทีมชาติสก็อตแลนด์ เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างของ แอสตัน วิลล่า เขาช่วยทีมทั้งรุก และรับ ไม่ว่าจะเป็นการไล่ตัดเกมคู่แข่ง, การปิดพื้นที่ และการช่วยประกบตัว ไปจนถึงการสร้างสรรค์เกม และหาโอกาสสอดขึ้นไปยิงประตู

แม็คกินน์ กำลังพัฒนาฟอร์มของตัวเองขึ้นทุกวัน และหากเขายังรักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้จนจบซีซั่นนี้นั้น มันก็คงไม่น่าแปลกใจหากบรรดาทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก จะทุ่มเงินคว้าตัวเขาไปเสริมทัพ

3. ริคาร์โด้ เปเรยร่า (เลสเตอร์ ซิตี้)

การซัดประตูที่ยอดเยี่ยมในเกมที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ไล่ถล่ม นิวคาสเซิล 5-0 นั้น คงไม่มีใครถกเถียงถึงความยอดเยี่ยมของ เปเรยร่า แต่สิ่งที่น่าสงสัยคือ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาบรรดาทีมใหญ่ทั่วยุโรปต่างมองข้ามเขาจนทำให้เจ้าตัวมาลงเอยกับ “สุนัขจิ้งจอก”

ความสามารถในการเปิดเกมรุกของแบ็คขวาทีมชาติโปรตุเกสนั้น ได้รับการชื่นชมอยู่เสมอ เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และเป็นนักฟุตบอลที่ดี แต่ที่สำคัญก็คือ เขายังมีส่วนร่วมในการช่วยป้องกันเกมรับของ เลสเตอร์ อีกด้วย

ในวัย 26 ปี สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังถือว่า เข้าใกล้จุดพีคเต็มทีแล้ว และ เปเรยร่า น่าจะเป็นกำลังหลักของ เลสเตอร์ ภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือ ไปอีกหลายปี

4. ฟิลิป บิลลิ่ง (บอร์นมัธ)

ห้องเครื่องเลือดโคนม สถาปนาตัวเองกลายเป็นกำลังหลักของ บอร์นมัธ ภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีม “เดอะ เชอร์รี่ส์” ทันที หลังย้ายมาจาก ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ด้วยค่าตัวราว 15 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ในระบบการเล่น 4-2-2-2 ของ บอร์นมัธ นั้น บิลลิ่ง จะยืนปักหลักกลางสนามร่วมกับ เจฟเฟอร์สัน เลอร์ม่า มิดฟิลด์ทีมชาติโคลอมเบีย เพื่อคอยตัดเกมคู่แข่ง และช่วยกันควบคุมจังหวะการเล่นของทีม โดยปล่อยให้นักเตะอย่าง ไรอัน เฟรเซอร์, แฮร์รี่ วิลสัน และคัลลั่ม วิลสัน ช่วยกันทำเกมรุก

ดาวเตะวัย 23 ปี มีการเล่นที่นิ่งเกินอายุ และด้วยส่วนสูงถึง 193 เซนติเมตรนั้น ทำให้เขากลายเป็นป้อมปราการด่านสำคัญที่จะคอยหยุดเกมรุกคู่แข่งก่อนมาถึงแนวรับของทีม

5. แกร์รี่ เคฮิลล์ (คริสตัล พาเลซ)

อดีตกองหลังจอมเก๋าดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีก ผู้เคยติดทีมชาติอังกฤษ มาถึง 61 เกม กำลังอยู่ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง แต่ประสบการณ์ของเขานั้น ก็มีอิทธิพลอย่างยิ่งสำหรับแนวรับของ คริสตัล พาเลซ ในฤดูกาลนี้

เคฮิลล์ วัย 33 ปี กำลังดูสนุกสนานในการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ความเป็นผู้นำ และทักษะในการเล่นเกมรับของเขานั้น ทำให้เขากลายเป็นผู้บัญชาการแนวรับของ พาเลซ อย่างแท้จริง และจากฟอร์มการเล่นอันยอดสุดยอดก็ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายนที่ผ่านมาของ “ดิ อีเกิลส์” อีกด้วย

6. เอเมอร์สัน พัลมิเอรี่ (เชลซี)

แบ็คซ้ายอิตาเลี่ยน ต้องดิ้นรนปรับตัวอย่างหนักหลังย้ายจาก โรม่า มาร่วมทีม เชลซี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เอเมอร์สัน งัดฟอร์มสุดยอดจนกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงในทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กองหลังวัย 25 ปี เติมเกมรุกได้อย่างสุดมันส์, มีการเปิดบอลจากริมเส้นที่อันตราย, มีเทคนิคที่ดี และมีความเร็ว รวมถึงยังสามารถเล่นเกมรับได้แข็งแกร่ง และจากคุณสมบัติดังกล่าวทำให้เขาเบียด มาร์กอส อลองโซ่ แบ็คซ้ายชาวสเปน ตกไปเป็นตัวสำรอง

        ความยอดเยี่ยมของ เอเมอร์สัน นั้น น่าจะทำให้เขายึดตำแหน่งตัวจริงในทีม เชลซี ยุคของ แลมพาร์ด ไปอีกหลายปี และเขาจะกลายเป็นที่ชื่นชอบของสาวก “สิงห์บลูส์” ได้ไม่ยาก

ภาพประกอบ : thestar.co.uk, skysports.com, leicestermercury.co.uk, examinerlive.co.uk, football.london,