5 เหตุผลที่ “หงส์แดง” ฟอร์มหลุด และอาจเป๋ยาวจนชวดแชมป์ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
5 เหตุผลที่ “หงส์แดง” ฟอร์มหลุด และอาจเป๋ยาวจนชวดแชมป์

นับตั้งแต่เปิดปี 2019 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน กลับมีฟอร์มที่ไม่น่าประทับใจสาวก “เดอะ ค็อป” สักท่าไหร่ พวกเขาเอาชนะ ไบรท์ตัน และ คริสตัล พาเลซ ได้แบบหืดจับ

นอกจากนี้ ยังทำได้แค่เสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เท่านั้น ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง ทำคะแนนหายใจรดต้นคอเหลือเพียง 3 แต้ม เท่านั้น สร้างความกังวลใจให้กับบรรดาแฟนบอล และนักเตะภายในทีมเป็นอย่างมาก

ปัญหาหลักที่ทำให้ “หงส์แดง” ฟอร์มแผ่วจนอาจชวดแชมป์ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นนั้น มีอยู่ 5 ข้อที่น่าสนใจ ดังนี้

สภาพความฟิตผู้เล่น และขนาดของทีม

การตกรอบจาก เอฟเอ คัพ ตั้งแต่เนิ่นๆ หลายคนมองว่านักเตะของ ลิเวอร์พูล จะมีเวลาพักฟื้นร่างกายมากยิ่งขึ้น คล็อปป์ ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ในเดือนมกราคมเพื่อพาลูกทีมไปฝึกซ้อมที่ ดูไบ

การตกรอบจาก เอฟเอ คัพ ตั้งแต่เนิ่นๆ หลายคนมองว่านักเตะของ ลิเวอร์พูล จะมีเวลาพักฟื้นร่างกายมากยิ่งขึ้น คล็อปป์ ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ในเดือนมกราคมเพื่อพาลูกทีมไปฝึกซ้อมที่ ดูไบ

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง ผู้เล่นหลายคนต้องดิ้นรนกับความเจ็บป่วยตั้งแต่กลับมาจาก ยูเออี ซึ่งเป็นประเทศที่ความร้อน และความชื้นถึง 30 องศาฯ รายงานระบุว่า เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังชาวดัตช์ น้ำหนักหายไปถึง 4 กิโลกรัม

ฟาน ไดจ์ค ต้องถูกเข็นลงสนามแทบทุกเกมแบบไม่ได้พัก ทั้งที่เขายังมีปัญหาบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆรบกวน ขณะเดียวกัน เดยัน ลอฟเรน ปราการหลังชาวโครเอเชีย ก็ได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายอีกครั้ง

นอกจากนี้ โจ โกเมซ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่ง ก็ดวงแตกได้รับบาดเจ็บข้อเท้า และต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ส่วน นาธาเนี่ยล ไคลน์ แบ็คขวา ก็ปล็อยให้ บอร์นมัธ ยืมตัว ทำให้ ลิเวอร์พูล แทบไม่เหลือกองหลังในทีมชุดใหญ่ให้ใช้งาน

แน่นอนว่ามันทำให้เกิดความกังวลในหมู่แฟนบอลบางคน แต่ คล็อปป์ ยังคงยืนยันว่า เขาจะไม่ซื้อผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพ และพร้อมจะรอคอยบรรดาแข้งที่บาดเจ็บกลับมาสู่ทีม

ตัวเลือกในแนวรุก

เมื่อไม่นานมานี้การเสริมคุณภาพเชิงลึกของ ลิเวอร์พูล ได้รับการยกย่อง ช่วงต้นซีซั่น แดเนียล สเตอร์ริดจ์ พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวสำรองที่มีประสิทธิภาพ ​​ขณะที่ แชร์ดาน ชากิรี ปีกชาวสวิตเซอร์แลนด์ ก็สามารถเข้ามาเสริมแนวรุกได้อย่างยอดเยี่ยม

ความพ่ายแพ้ต่อ วูล์ฟแฮมตัน ในศึกเอฟเอ คัพ ดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับทุกคน สเตอร์ริดจ์ ได้เล่นแค่ 12 นาที ขณะที่ ชากิรี ก็ไม่สามารถสร้างอิมแพคให้กับทีมได้

เมื่อ ลิเวอร์พูล ล้มเหลวจากการคว้าแชมป์ลีกในปี 2009 และ 2014 การขาดคุณภาพเชิงลึกเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ ในตอนนั้นพวกเขามีตัวสำรองในแนวรุกอย่าง ดาวิด เอ็นก๊อก และยาโก อัสปาส ซึ่งไม่ดีพอจะสร้างผลกระทบให้กับทีมได้

ปัจจุบันนี้ หาก ลิเวอร์พูล มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ เป็นตัวหลักแล้ว คล็อปป์ ก็ควรหาตัวสำรองที่สามารถทดแทน และเข้ามาหมุนเวียนกับผู้เล่นทั้ง 3 คน ให้ได้

แรกกดดันจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะบุกไปเผชิญหน้ากับ แมนฯ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ลูกทีมของ คล็อปป์ มีโอกาสทำคะแนนทิ้งห่าง “เรือใบสีฟ้า” ได้ถึง 10 แต้ม พวกเขามีโอกาสเพิ่มช่องว่างขนาดใหญ่ในการลุ้นแชมป์

เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะบุกไปเผชิญหน้ากับ แมนฯ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ลูกทีมของ คล็อปป์ มีโอกาสทำคะแนนทิ้งห่าง “เรือใบสีฟ้า” ได้ถึง 10 แต้ม พวกเขามีโอกาสเพิ่มช่องว่างขนาดใหญ่ในการลุ้นแชมป์

ความประหลาดใจเกิดอีก แมนฯ ซิตี้ แพ้ 2 นัดติดในการพบกับ คริสตัล พาเลซ และ เลสเตอร์ ทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอลา กำลังระส่ำ และถูก ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างถึง 7 คะแนน

อย่างไรก็ตาม พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ยังไม่ยอมแพ้ และกลับมาได้ด้วยการจี้ ลิเวอร์พูล เหลือเพียง 3 แต้มเท่านั้น ในช่วงที่ “หงส์แดง” ฟอร์มหลุดเสมอกับ เลสเตอร์ และ เวสต์แฮม

ความกังวลของ ลิเวอร์พูล คือ การที่ แมนฯ ซิตี้ ทำแต้มตามมาติดๆ แต่หลังจากเอาชนะ บอร์นมัธ ได้ 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ “หงส์แดง” พอหายใจหายคอได้บ้าง

ระบบ 4-3-3 และบทบาท โรแบร์โต ฟีร์มีโน

ฤดูกาลนี้ คล็อปป์ ได้ใช้ระบบ 4-2-3-1 มากขึ้นในการสร้างรูปแบบที่เขาต้องการโดยเฉพาะในเกมลีก การเปลี่ยนกลับไปเป็น 4-3-3 เมื่อเทียบในเกมกับ เวสต์แฮม เห็นได้ชัดว่าน่าผิดหวัง และดูเหมือนว่าคนที่ทนทุกข์ทรมานมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือ ฟีร์มีโน

กองหน้าชาวบราซิล ต้องดิ้นรนที่อย่างหนักในเกมกับ “ขุนค้อน” บางคนมองว่าเป็นฟอร์มที่แย่ที่สุดของเขาในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเกิดจากการเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นหมายเลข 10 มาเป็นหมายเลข 9 ฟีร์มีโน ก็ไม่สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจ

นอกจากนี้ ระบบ 4-3-3 ยังดูว่าขาดสมดุลในตำแหน่งกองกลาง ลิเวอร์พูล จะดูแข็งแกร่งขึ้นด้วยการที่ ฟาบินโญ่ มีคนคอยเล่นข้างๆ อีกทั้งการหายไปของ จินี ไวนัลจ์ดุม ก็ทำให้ความรู้สึกว่า ห้องเครื่องชาวดัตช์ มีบทบาทสำคัญอย่างมากในซีซั่นนี้

ฟอร์มการเล่นที่แผ่วลง

สุดท้ายสิ่งที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคือฟอร์มการเล่นในปี 2019 ลิเวอร์พูล เล่นได้ไม่ดีนัก ใน 6 เกมของพวกเขา ชนะได้เพียงแค่ 2 นัด ซึ่งตรงกันข้ามกับฟอร์มในปี 2018 ด้วยการชนะ 8 นัด จาก 8 เกม ในเดือนธันวาคม ปีก่อน

พวกเขาเล่นได้ไม่ดีนักในเกมกับ เลสเตอร์ และ เวสต์แฮม ความกังวลที่เกิดขึ้นนั้น มาจากฟอร์มการเล่นของนักเตะรายบุคคลที่ดูต่ำกว่ามาตรฐาน คล็อปป์ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดึงสติลูกทีมกลับมา

สิ่งที่ “หงส์แดง” ต้องการจากนี้คือ ชัยชนะในทุกๆเกม โดยไม่ต้องสนผู้ตามหลังอย่าง แมนฯซิตี้ แต่หากความกดดันที่ถาโถมเข้ามารอบด้าน และพวกเขาไม่สามารถรับมือกับมันได้ รับรองว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็อาจต้องช้ำใจไปอีกปี

Text – Che Navapun

Photo – football365.com, wired.co.uk, skysports.com, theanfieldwrap.com, soccerparole.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save