คุณควรย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันไหม? อะไรคือสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนใช้ชีวิตกับแฟนของคุณ!!
คุณคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องรีบไปอยู่ร่วมกันแล้วหรือยัง? เช็คคำตอบที่นี่ เพื่อดูว่ามันเป็นความคิดที่ดีหรือไม่??
การย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันนั้น เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่คุณข้ามเส้นเข้าไปในความสัมพันธ์ระยะยาว มันแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมที่จะรับภาระหน้าที่ใหม่ บทบาทใหม่ ที่ดูจริงจังมาขึ้น คุณพร้อมที่จะยอมรับและยังเต็มใจที่จะจัดการกับนิสัยใจคอที่อาจเกิดขึ้นซึ่งกันและกันในแต่ละวัน
ถ้านั่นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง แล้วอะไรคืออะไร? คุณจะได้เรียนรู้กันมากขึ้น เมื่อต้องเข้ามาอาศัยในพื้นที่ของกันและกัน แต่เมื่อได้รับทุกอย่างแล้วนี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ควรทำอย่างเร่งด่วน แต่…มีบางสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับคู่ของคุณ และความสัมพันธ์ของคุณให้แน่ใจเสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า “คุณจะรับมือได้กับการแล่นเรือใบ ท่ามกลางพายุ คลื่นลมกลางทะเลที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อคุณกลายเป็นเพื่อนร่วมห้องกับแฟนของคุณ”
การย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน มีศักยภาพที่จะสร้าง หรืออาจทำลายความสัมพันธ์ของคุณ เพราะคุณกำลังจะแชร์ห้องน้ำ แบ่งงานบ้าน และจ่ายค่าใช้จ่ายด้วยกัน มันหมายถึงความสนิทสนมในระดับใหม่ ที่คุณอาจไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ยิ่งคุณได้รับข้อมูลมากขึ้นจากการเดินทางมากเท่าไหร่โอกาสในการตัดสินใจของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นก่อนที่คุณจะเซ็นสัญญาเช่า และเริ่มเก็บข้าวของเหล่านั้น อย่าลืมถามคำถามสำคัญๆ เหล่านี้ ก่อนตัดสินใจทำการใหญ่!!
1.มันเร็วเกินไปหรือไม่?
มันค่อนข้างยากที่จะกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ซึ่งคู่รักควรย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน นั่นเป็นเพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่มีความหมายมากกว่า “เวลา” เช่นว่า คุณเคยพูดคุยอย่างจริงใจเกี่ยวกับเป้าหมายในอนาคตของคุณหรือไม่? หรือสำรวจปัญหาที่ท้าทายด้วยกันหรือไม่?
“ที่สำคัญกว่านั้นคือ สิ่งที่คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณ คู่ของคุณและความสัมพันธ์ของคุณ ภายในกรอบเวลาที่คุณได้อยู่ด้วยกัน”
คุณภาพการสื่อสารของคุณเป็นอย่างไร? เมื่อพูดถึงสถานที่ที่คุณต้องการเริ่มต้น ครอบครัว และประเด็นสำคัญอื่นๆ ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์ในอนาคตของคุณทั้งคู่ เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่? สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เมื่อคุณเตรียมที่จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้ว่าคุณมีวิธีจัดการกับความขัดแย้งที่ดีนั้น คุณจะมีวิธีการรับมือได้อย่างไร
“คุณจะต้องจัดการความคาดหวังของกันและกัน เพราะจะมีการต่อสู้ และเกิดความขัดแย้ง และตอนนี้คุณไม่สามารถกลับบ้านเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ดังนั้นควรจะต้องคิดวิธีในการรับมือกับปัญหานี้ (แม้มันจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม)”
2. เรากำลังทำสิ่งนี้ด้วยเหตุผลที่เหมาะสมหรือไม่?
ทำไมคุณถึงย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน? และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำไมต้องเป็นตอนนี้? หากคำตอบของคุณเกี่ยวข้องกับความรู้สึกกดดัน หรือต้องการประหยัดค่าเช่า คุณอาจต้องทบทวนการตัดสินใจของคุณใหม่ หากคุณเร่งรีบสิ่งต่างๆ และย้ายเข้าด้วยกันด้วยเหตุผลที่ผิด ในเวลาที่ไม่เหมาะสม มันก็มีโอกาสที่คุณจะได้รับความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดกับคุณ
ตามความปรารถนามันเป็นแรงกระตุ้นโดยธรรมชาติ บางครั้งความรู้สึกกดดันในเรื่องที่จะย้ายเข้ามาอยู่กับคู่ของคุณก็เช่นกัน (ถ้าคู่รักทุกคู่ที่คุณรู้จักกำลังทำแบบเดียวกันและมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็ทำกัน) หากคุณคนใดคนหนึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อให้การประชุมจบลง คุณอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องกลายเป็นเพื่อนร่วมห้องเพราะ “มันสมเหตุสมผล”
ทั้งทางด้านการเงิน หรือเหตุผลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่คู่ของคุณอาจให้คำสั่งสุดท้ายแก่คุณ เกี่ยวกับการย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในบางเวลา แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด การย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลใดก็ตามที่เกิดจากการกดดันของอีกฝ่าย เพียงฝ่ายเดียว นั้นไม่ใช่วิธีที่ฉลาดและถูกต้องเสมอไป มันควรเกิดขึ้นจากความต้องการ และความเต็มใจของคนทั้งคู่
“ถามตัวเองว่า เราตั้งทีมแก้ปัญหาที่ดี และน่ากลัวหรือไม่? เราแต่ละคนมีทักษะ และความสามารถในการประเมินที่แตกต่างกันอย่างไร การเลือกคู่ครองที่ชาญฉลาดจะเพิ่มความสามารถของคุณ”
หากคุณรู้สึกมั่นใจว่าคุณและคู่ของคุณสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสุดยอด คุณพร้อมที่จะสื่อสารเกี่ยวกับความต้องการ และความคาดหวัง หากคุณสามารถเห็นอนาคตร่วมกันกับพวกเขาได้อย่างแท้จริงนั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณกำลังก้าวไปด้วยกันด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง
3. เรายังคงเคารพในพื้นที่ของแต่ละคนได้หรือไม่?
เมื่อคุณอยู่ด้วยตัวเองคุณสามารถเชิญเพื่อนของคุณมาดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือลุ้นบอลเมื่อใดก็ได้ที่คุณต้องการ แต่เมื่อคุณและคนสำคัญของคุณกลายเป็นเพื่อนร่วมห้อง คุณจะต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ในการตัดสินใจ นั่นเป็นเหตุผลที่แนะนำให้ทำความเข้าใจถึงความต้องการของคู่ของคุณ สำหรับพื้นที่ และความสันโดษ ก่อนที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในโลกใบเดียวกัน
ในขณะที่มีการพูดคุยกันอย่างซื่อสัตย์ แนะนำให้ถามว่าคู่ของคุณจะยินดีต้อนรับเมื่อมีแขกมาเยือนที่บ้านของคุณ พวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวและคำว่าพื้นที่ส่วนตัว? พวกเขาต้องการเวลาอยู่ตามลำพังหรือไม่? สิ่งนี้คุณสามารถกำหนดได้ ว่าจะเคารพความต้องการของกันและกันได้อย่างไร
4. ข้อตกลงเกี่ยวกับด้านการเงิน กระเป๋าเดียวกันหรือไม่? เอาให้ชัดเจน!
“เงิน” เป็นหัวข้อที่น่าอึดอัดใจแบบไม่ต้องสงสัยเลย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอะไรที่น่าอึดอัดใจมากกว่า? เมื่อคู่ของคุณไม่สามารถจ่ายส่วนแบ่งค่าเช่าได้ เพราะพวกเขาได้จ่ายเงินค่าอื่นๆ จิปาถะ หรือแม้แต่การช็อปปิ้งอออนไลน์อย่างบ้าคลั่ง นั่นคือเหตุผลที่แนะนำให้มีการตกลงอย่างชัดเจน ไม่เพียง แต่รายได้ของคู่ของคุณ แต่ยังนิสัยการใช้จ่ายของพวกเขา
“โปร่งใสเกี่ยวกับการเงินของคุณ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทั้งคู่เห็นด้วยกับความรับผิดชอบทางการเงินของการอยู่ร่วมกัน”
ค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภคไม่ได้เป็นความรับผิดชอบทางการเงินเพียงอย่างเดียวที่คุณแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของชำ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนเป็นประจำ แนะนำให้หาวิธีที่คุณจะจัดการกับความรับผิดชอบทั้งหมดเหล่านั้นล่วงหน้า
คุณจะปิดการซื้อสินค้ารายสัปดาห์ หรือจะซื้อสินค้าด้วยกัน และคนใดคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ต้องจัดสรรกันให้ลงตัว? คนใดคนหนึ่งจะดูแลค่าใช้จ่ายส่วนใด ในขณะที่อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบครอบคลุมค่าครองชีพด้วยกันไหม? สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาต้องเสียค่าใช้จ่าย!
5. คุณเข้ากันได้ในแง่ของความสะอาดหรือไม่?
ถ้าคนสำคัญของคุณเป็นคนขี้เกียจ และคุณเป็นคนที่รักความสะอาด คุณก็จะรู้สึกตึงเครียดเมื่อคุณย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เช่นเดียวกับความสัมพันธ์เกือบทุกอย่างมัน เกี่ยวกับการสื่อสาร และการประนีประนอม พูดอีกอย่างก็คือ อย่าคาดหวังให้คู่ของคุณเปลี่ยนแปลง ดังนั้นมันเป็นการวัดใจว่า คุณยอมรับตัวตนของอีกฝ่ายได้หรือไม่…??
“ในความสัมพันธ์โดยทั่วไป เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับนิสัยของกันและกันได้ อย่างไรก็ตามในความใกล้ชิดแบบวันต่อวัน ความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น อาจกลายเป็นปัญหาที่ระดับชาติ”
“ ตัวอย่างเช่น บางคนสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยความยุ่งเหยิง และผ่อนคลายในขณะที่คนอื่นๆ มีสภาพแวดล้อมที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย การพูดคุยอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความต้องการ และความคาดหวังเป็นประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่ต่อไป”
แนะนำให้พูดคุยเกี่ยวกับข้อกังวลต่างๆ เกี่ยวกับความเรียบร้อยก่อนที่คุณจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน เพื่อให้คุณสามารถหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ตัวอย่างเช่น คุณอาจกำหนดแนวทางพื้นฐานบางอย่าง เช่นไม่ปล่อยให้เครื่องซักผ้าสกปรก หรือการพูดถึงวิธีแบ่งงานบ้านว่าใครต้องรับผิดชอบส่วนไหน หรือบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนของแต่ละคนเป็นอย่างไร
การย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกันไม่ใช่การตัดสินใจที่จะต้องรีบร้อน และยิ่งคุณรู้จักคู่รัก หรือเพื่อนร่วมห้องของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเตรียมตัวได้ดีมากขึ้นในการเริ่มบทบาทใหม่นี้ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่ถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง และคู่รักของคุณ คุณจะสามารถคิด และตัดสินใจได้ว่า คุณแต่ละคนต้องทำอะไร เพื่อสร้างบ้านที่กลมกลืนกัน และความสัมพันธ์ที่ต้องการพัฒนาของคุณทั้งคู่
