5 กุนซืออันเดอร์เรตตลอดกาลแห่งศึกพรีเมียร์ลีก - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
5 กุนซืออันเดอร์เรตตลอดกาลแห่งศึกพรีเมียร์ลีก

ในวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีผู้จัดการทีมระดับตำนานชื่อดังมากมายฝากความสำเร็จเอาไว้กับสโมสรอย่างนับไม่ถ้วน อาทิ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์แซน เวนเกอร์ กับ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล และไบรอัน คลัฟ กับ “เจ้าป่า” น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

        อย่างไรก็ตาม มีกุนซือจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก และแฟนบอลบางคนอาจลืมชื่อของพวกเขาไปแล้ว ทั้งที่เทรนเนอร์เหล่านี้ ถือว่า มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวงการลูกหนังลีกสูงสุดเมืองผู้ดีไปอย่างสิ้นเชิง และโค้ช 5 รายต่อไปนี้ เป็นผู้ที่ไม่ค่อยได้รับการยกย่องจากผลงานในอดีตที่ผ่านมาของพวกเขาเท่าที่ควร

บรูซ ริอ็อค (อาร์เซน่อล)

โดยทั่วไปชื่อของ ริอ็อค จะถูกเอ่ยขึ้นมาเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า “ใครคือผู้จัดการทีมของอาร์เซน่อล ก่อน อาร์แซน เวนเกอร์” และผู้คนทั่วไปมักจำการปรากฏตัวของกุนซือชาวสกอตแลนด์ในทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” ได้น้อยกว่าความขัดแย้งของเขากับ เอียน ไรท์ ตำนานกองหน้า “เดอะ กันเนอร์ส”

อย่างไรก็ตาม ภายใต้แนวทางการคุมทีมแบบโมเดิร์น และสไตล์ที่รอบคอบ ของ ริอ็อค ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของ อาร์เซนอล ในช่วงปี 1990 จากนั้น สาวก “ไอ้ปืนใหญ่” เริ่มให้การยอมรับฟุตบอลเกมรุกมากขึ้นกว่าเดิม

ยุทธวิธีของ ริอ็อค มีพื้นฐานมาจากแนวคิดหลัก 2 ประการ ก่อนอื่นเขาต้องการให้ อาร์เซนอล ส่งบอลจากแนวรับมากขึ้น ในขณะที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาอยู่กับการโยนบอลยาวของ โทนี่ อดัมส์ และ มาร์ติน คีโอว์น  ซึ่งชื่นชอบสไตล์นี้ ในขณะที่ฟูลแบ็ค 2 ข้างอย่าง ลี ดิกสัน และไนเจล วินเทอร์เบิร์น ดูมีความสุขที่ได้เติมเกมรุก

ประการที่สอง ริอ็อค ต้องการให้ อาร์เซน่อล พึ่งพา ไรท์ น้อยลงเพื่อให้นักเตะทุกคนมีส่วนร่วมในการลำเรียงบอลขึ้นมาทำประตู ในขณะเดียวกันการคว้าตัว เดนนิส เบิร์กแคมป์ ดาวยิงชาวดัตช์ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญกว่าในแง่ของเอกลักษณ์ทางด้านฟุตบอลของ “เดอะ กันเนอร์ส” มากกว่าการแต่งตั้ง เวนเกอร์ เป็นกุนซือเสียอีก

อลัน บอลล์ (เซาแธมป์ตัน,แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

บอล เป็นที่จดจำได้ดีในฐานะผู้เล่นมากกว่าผู้จัดการทีม ผู้คนทั่วไปรู้ดีว่า เขาเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นของทีมชาติอังกฤษ ในศึกฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศปี 1966 หลังพาพลพรรค “สิงโตคำราม” คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

แต่มรดกด้านการจัดการทีมนั้น เป็นมากกว่าผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว และ บอล ควรได้รับคำชมว่า เป็นหนึ่งในกุนซือไม่กี่คนในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ที่ได้รับการยอมรับว่ามีพรสวรรค์ ในช่วงเวลาที่ 4-4-2 และการโยนบอลยาวกำลังได้รับความนิยมในเมืองผู้ดี แต่ อดีตนายใหญ่ เซาแธมป์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชื่อมั่นอย่างมากในการให้ความสำคัญกับผู้เล่นหมายเลข 10

แมตต์ เลอ ทิสเซียร์ ตำนานจอมทัพ เซาแธมป์ตัน บางทีอาจเป็นผู้เล่นระดับพรีเมียร์ลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น ก็แจ้งเกิดได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้การคุมทีมของ บอล ด้วยการซัดไป 45 ประตู ใน 64 จากบทบาทกองกลาง

        จอร์จี้ คินคลัดเซ อดีตเพลย์เมคเกอร์ ทีมชาติจอร์เจีย ของ แมนฯซิตี้ ก็เป็นผู้เล่นอีกรายที่ บอล เซ็นสัญญามาร่วมทัพ “เรือใบสีฟ้า” ด้วยเทคนิค และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมของดาวเตะรายนี้ ก็สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว

ชื่อของ เลอ ทิสเซียร์  และคินคลัดเซ แสดงให้เห็นว่า บอล ได้ช่วยส่งเสริมนักเตะที่มีความสามารถทางเทคนิคที่มักถูกมองข้ามในฟุตบอลอังกฤษ และนั่นทำให้เขาสมควรได้รับเครดิตอย่างแท้จริง

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (สวอนซี, ลิเวอร์พูล)

ร็อดเจอร์ส ถูกไล่ออกเป็นประจำ แม้ว่า เขาจะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน 3 สโมสรติดต่อกัน เริ่มจากการพา สวอนซี ขึ้นชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก, พา ลิเวอร์พูล กลับสู่แถวหน้าของยุโรป และพากลาสโกว์ เซลติก กวาดแชมป์ในสกอตแลนด์แบบไร้พ่าย

        โค้ชชาวไอร์แลนด์เหนือ เป็นคนที่มีความสามารถ เห็นได้จากการทำให้ สวอนซี ที่พึ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา กล้าครองบอลสู้กับทีมใหญ่ โดยซีซั่นนั้นมีเพียง 2 ทีมเท่านั้น ที่มีอัตราเฉลี่ยการครองบอลมากกว่า “หงส์ขาว” ซึ่งก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอาร์เซน่อล

การทำงานกับ ลิเวอร์พูล ของ ร็อดเจอร์ส ถูกจดจำว่า เป็นความล้มเหลวเนื่องจากมีพลาดคว้าแชมป์ลีกในปี 2013/14 อย่างน่าเสียดาย แต่สิ่งที่มักถูกลืมคือ สไตล์การเล่นในแบบฉบับเครื่องจักรสีแดง ได้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งตั้งแต่ตอนนั้น

การเล่นโจมตีแบบฉับพลันของ “หงส์แดง” ในยุคนั้น โดยมีนักเตะอย่าง คูตินโญ่, ราฮีม สเตอร์ริ่ง, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และหลุยส์ ซัวเรส เครดิตควรตกเป็นของ ร็อดเจอร์ส ด้วยเช่นเดียวกัน เขาปรับใช้นักเตะเหล่านี้อย่างชาญฉลาดในตำแหน่งที่แตกต่างกัน

ไมค์ วอล์คเกอร์ (นอริช, เอฟเวอร์ตัน)

ฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เกมโชว์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเล่นทางเทคนิคที่น่ารังเกียจ ฟุตบอลบอลยาวยังคงครอบงำหลายสโมสรในเมืองผู้ดี แต่ นอริช ของ วอล์คเกอร์ เป็นอะไรที่แตกต่างออกไปย่างสิ้นเชิง

วอล์คเกอร์ ทำให้ นอริช ครอบครองบอลอย่างไม่อายใคร ก่อนหน้านี้เขาถูกไล่ออกจาก โคลเชสเตอร์ เพราะสไตล์ที่ชอบของเขาถือว่า อ่อนแอเกินไปสำหรับลีกล่าง แม้ว่าสโมสรจะอยู่ในอันดับ 2 ในเวลานั้นก็ตาม

กุนซือชาวเวลส์ ใช้วิธีการที่คล้ายกันที่ นอริช เขาปั้นนักเตะอย่าง มาร์ค โบเว่น และเอียน ครูก และเดวิด ฟิลลิปส์ จนขึ้นมาเป็นที่รู้จักของแฟนบอลชาวอังกฤษ พร้อมกับพาพลพรรค “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปจนถึงช่วงท้ายซีซั่นอย่างสูสี

เควิน คีแกน (นิวคาสเซิ่ล,แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

        คีแกนรอดพ้นจากการโดนแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล วิจารณ์ หลังจากขาย แอนดี้ โคลที่ ดาวยิงตัวเก่งให้กับ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะเขาเป็นคนทำให้ 3 กองหน้า “สาลิกาดง” อย่าง เลส เฟอร์ดินานด์, ดาวิด ชิโนลา และ ฟาอุสติโน แอสปริย่า เล่นร่วมกันได้อย่างสุดยอด  

นอกจากนี้ คีแกน ยังได้ปรับปรุงการป้องกัน และเปลี่ยนแปลงทีมเยาวชน ของ นิวคาเซิ่ล ด้วยการให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง สตีฟ ฮาวย์, ร็อบบี้ เอลเลียต และสตีฟ วัตสัน แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ พร้อมกับโยก ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ จากผู้เล่นเบอร์ 10 ไปเป็นปีกขวา และทำผลงานได้เป็นอย่างดี

อดีตกุนซือ “สาลิกาดง” ยังคงเป็นหัวเรือใหญ่ในการนำ อลัน เชียร์เรอร์ หัวหอกทีมชาติอังกฤษ มาเล่นในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค พร้อมกับผลงานที่สุดยอดด้วยการพา นิวคาสเซิ่ล ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-0 ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขาในการเผชิญหน้ากับ “ปีศาจแดง” ในยุคพรีเมียร์ลีก อีกด้วย

Picture – telegraph.co.uk, standard.co.uk, twitter.com/norwichcityfc, chroniclelive.co.uk

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save