นักเตะในตำแหน่งกองกลาง เปรียบเสมือนมันสมองของทีมที่คอยขับเคลื่อนทั้งเกมรุก และเกมรับ รวมถึงมีส่วนสำคัญในการช่วยทีมกำหนดจังหวะของเกมอีกด้วย ในวงการลูกหนังยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ดาวเตะทั้ง 10 ราย ต่อไปนี้ สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดแห่งยุค

 10. ติอาโก้ อัลกันตาร่า (บาเยิร์น มิวนิค)

 ปัญหาการบาดเจ็บได้รบกวน ติอาโก้ ตลอดอาชีพของเขา แต่ในความสามารถของดาวเตะวัย 27 ปี ไม่เป็นที่สงสัยของแฟนบอลแม้แต่น้อย กองกลางทีมชาติสเปน เติบโตมาจากสถาบันฟุตบอล “ลา มาเซีย” ของ บาร์เซโลน่า เขาผสมผสานทักษะความเก่งกาจในการครองบอล และความคล่องแคล่วของนักเตะสไตล์อเมริกาใต้ได้อย่างลงตัว

        ติอาโก้ เอาตัวรอดในพื้นที่แคบได้อย่างสบาย เขาสามารถนำบอลออกจากสถานการณ์ที่ลำบากเมื่อถูกกดดันจากขู่แข่ง นอกจากนี้ มิดฟิลด์ “เสือใต้” จะโชว์ศักยภาพได้อย่างยอดเยี่ยมยามมีพื้นที่ให้เล่น และเจ้าตัวกำลังใกล้ถึงจุดสูงสุดของอาชีพนักฟุตบอลแล้ว

9. แบร์นาร์โด ซิลวา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เป็นเวลา 1 ปี สำหรับ เพลย์เมคเกอร์ร่างเล็กทีมชาติโปรตุเกส ในการย้ายจาก โมนาโก มาอยู่กับ แมนฯซิตี้ และในที่สุดเวลานี้ เขาก็มีบทบาทสำคัญในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปน และกลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบในแนวรุกที่โดดเด่นของพลพรรค “เรือใบสีฟ้า”

การเซ็นสัญญามูลค่า 43 ล้านปอนด์ จาก โมนาโก ได้กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ แมนฯซิตี้ วิสัยทัศน์, การครองบอล, การผ่านบอล และการสร้างสรรค์โอกาสของ ซิลบา นั้น ยอดเยี่ยม

กวาร์ดิโอลา เคยกล่าวไว้ว่า “แบร์นาโด เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย เขาสามารถเล่นได้ 3-4 ตำแหน่งในแดนกบาง และบางทีฤดูกาลนี้ เขาอาจจะเป็น 1-2 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก”

8.ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

โอเล่ กุนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนฯยูไนเต็ด ได้ชุบชีวิตใหม่ให้ ป็อกบา กลับมาเป็นกองกลางกลางที่เล่นได้อย่างสุดยอดอีกครั้ง หลังดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้การคุมทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือชาวโปรตุเกส

การทำงานร่วมกับ โซลชา ทำให้ ป็อกบา ดูจะเป็นผู้เล่นที่เหมาะสมกับค่าตัว 89 ล้านปอนด์ อีกครั้ง ดาวเตะวัย 26 ปี ถูกขยับตำแหน่งมาเล่นในแนวรุกมากขึ้น และมีอิสระในการสร้างสรรค์เกม นอกจากนี้ เขายังมีกองกลางอีก 2 ราย อย่าง เนมันย่า มาติช และอันเดร์ เอร์เรรา คอยแบ่งเบาภาระในเกมรับ

        ในยุคของ โซลชา นั้น ป็อกบา โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดให้ทัพ “ปีศาจแดง” ไปถึง 9 ประตู และทำไปอีก 7 แอสซิสต์

7. เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลนา)

ตอนนี้เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ บุสเก็ตส์ ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม บาร์เซโลน่า และเคยช่วยให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตอดีตกุนซือ “เจ้าบุญทุ่ม” คว้าแชมป์ 3 รายการในซีซั่นแรกที่เข้ามากุมบังเหียนในถิ่นคัมป์ นู

        ในวัย 30 ปี ห้องเครื่องทีมชาติสเปน ลงสนามให้ บาร์เซโลน่า ไปมากกว่า 500 นัด และเป็น 1 ในขุนพลตัวหลักของทัพ “กระทิงดุ” ชุดแชมป์โลกปี 2010 อีกด้วย ด้วยการอ่านเกม, ความแน่นอนในการครอบครองบอล และความสามารถในการหยุดแนวรุกคู่แข่ง ทำให้เขาเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

        บุสเก็ตส์ ไม่เคยมีโทรศัพท์มือถือ และไม่เล่นโซเชี่ยลมีเดีย เขามีความมุ่งมั่นกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม้จะได้รับข้อเสนอมากมายแต่เขายังคงรับใช้ บาร์เซโลน่า ต่อไป

6. มิราเล็ม ปานิช (ยูเวนตุส)

เรอัล มาดริด มีข่าวเชื่อมโยงกับผู้เล่นจำนวนมากในฤดูร้อนนี้ หลังจากฤดูกาลที่น่าผิดหวังของพวกเขาในศึกลา ลีกา และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ด้วยฝีมือ อาแจ็กซ์ อัมสเตอ์รดัม และก็ไม่แปลกใจเลยที่ ปานิช จะเป็น 1 ในรายชื่อที่ “ราชันชุดขาว” ให้ความสนใจ

กองกลางชาวบอสเนีย เป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้กำหนดจังหวะเกมให้กับ ยูเวนตุส มาตลอด 2 ซีซั่นที่ผ่านมา ปานิช คว้าแชมป์กัลโข่ เซเรีย อา ร่วมกับ “เจ้าม้าลาย” ได้ 2 สมัย นับตั้งแต่ย้ายจาก โรม่า เมื่อปี 2016

5. เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เดอ บรอยน์ไม่ใช่นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก แต่เขาก็เป็นนักเตะที่สมบูรณ์ที่สุด ความคิดสร้างสรรค์พลังความสามารถ และวิสัยทัศน์ ของ กองกลางทีมชาติเบลเยี่ยม ทำให้การเคลื่อนเกมของ แมนฯซิตี้ ขึ้นอยู่กับท้าทั้งสองข้างของเขา

ดาวเตะวัย 27 ปี มีส่วนช่วย “เรือใบสีฟ้า” ในทุกขั้นตอนของเกม เขามีความสามารถด้านเทคนิคของผู้เล่นระดับสูงโดยไม่ต้องโชว์อะไรมากมาย คำนิยามในการเล่นของ เดอ บรอยน์ คือ เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

4. ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

แมนฯซิตี้ กลายเป็นยอดทีมอย่างเต็มตัว นับตั้งแต่ ซิลบา ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อ 8 ปีก่อนความสามารถในการเล่นทางด้านขวาในฐานะหมายเลข 10 หรือในตำแหน่งกองกลางที่ลึกกว่านั้นเล็กน้อย ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” มอบหมายให้นั้น ดาวเตะชาวสเปน ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน

ซิลบา เป็นผู้กำหนดจังหวะเกมรุกของ แมนฯซิตี้ อย่างแท้จริง การตัดสินใจของเขา และเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาสร้างสรรค์โอกาสทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ และในวัย 33 ปี ประสบการณ์ของเขามีส่วนอย่างยิ่งในการพาทัพ “เรือใบสีฟ้า” ไล่ล่าความสำเร็จ

3. โทนี่ โครส (เรอัลมาดริด)

มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน เป็นคนกำหนดจังหวะเกมของ เรอัล มาดริด เขาเป็นคนควบคุมเกมรุก-รับ ในแดนกลางสนามของ “ราชุนชุดขาว” ได้อย่างไม่มีที่ติ ขณะเดียวกัน โครส ยังมีทีเด็ดจากการผ่านบอลสั้น-ยาว และการยิงไกลอีกด้วย

โครส เป็นผู้เล่นที่ฉลาดมากเช่นกัน เขาสามารถเอาตัวรอดจากพื้นที่แออัดในกลางสนามได้อย่างสบาย เขารู้ว่าเวลาไหนควรเร่งหรือผ่อนเกม นอกจากนี้ ดาวเตะวัย 29 ปี ยังเป็นกุญแจสำคัญของ มาดริด มาตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2014

2. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี)

       ก็องเต้เป็นผู้เล่นประเภทที่แตกต่างกันมากกับนักเตะกองกลางรายอื่น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์อันดับต้นๆ ของโลกที่ทุกคนชื่นชอบ แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อปีที่แล้ว คือเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี

        ดาวเตะเฟร้นช์แมน รวดเร็ว, ขยัน, มีพลังงาน และพร้อมช่วยเพื่อนร่วมทีมทุกจังหวะ และคิดไม่ออกเลยว่า สโมสรใดบนโลกนี้ที่ไม่ต้องการผู้เล่นอย่างเขา

1.ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด)

โมดริช ในวัย 33 ปี คว้ารางวัล บัลลงดอร์ ปี 2018 เหนือผู้เล่นซุเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ ได้อย่างสุดยอด ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพของเขาหลังจากที่พา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 และพาทีมชาติโครเอเชีย ทะลุเช้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ดาวเตะโครเอเชีย เป็นกองกลางที่ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง เขาสามารถยกระดับการเล่นของนักเตะรอบข้างได้ ความแน่นอนในการครองบอล, ความนิ่งเมื่อถูกคู่แข่งไล่กดดัน, การคุมจังหวะเกม, และการสร้างสรรค์โอกาสทำประตู ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โมดริช เป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกในยุคนี้

Picture – le10sport.com, skysports.com, fourfourtwo.com, talkchelsea.net, independent.ie, sumberbola.co, itv.com, en.as.com