ไม่ใช่แค่ชุดใหญ่! มาส่อง “เรือใบน้อย” กับ “หงส์เด็ก” คู่ชิง เอฟเอ ยูธ คัพ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ไม่ใช่แค่ชุดใหญ่! มาส่อง “เรือใบน้อย” กับ “หงส์เด็ก” คู่ชิง เอฟเอ ยูธ คัพ

ช่วงนี้ฟุตบอลอิงลิช พรีเมียร์ลีก นี่ลุ้นกันสนุกจริงๆ เพราะนอกเหนือจากตำแหน่งแชมป์ที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะสู้ตาย เก็บชัยชนะติดๆ กันแบบไม่ลดละ การชิงพื้นที่อันดับ 3-4 ที่จะได้ไปเล่นยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก ในปีหน้า ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะมีทั้ง สเปอร์, อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี 4 ทีมยักษ์ ที่สู้เพื่อชิงตำแหน่งที่ว่างเพียง 2 ที่เท่านั้น

แต่วันนี้ เราขอพักความดุเดือดในศึกพรีเมียร์ลีกของทีมชุดใหญ่เอาไว้ก่อน เพราะในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีนัดชิงสุดสำคัญของถ้วย “เอฟเอ ยูธ คัพ” หรือเอฟเอ คัพ ของทีมเยาวชนชุดยู-18 ให้ได้ลุ้นกันก่อน โดยคู่ชิงไม่ใช่ใครที่ไหน “หงส์เด็ก” ลิเวอร์พูล ปะทะกับ “เรือใบน้อย” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง

“หงส์เด็ก” ฝ่าด่านวัตฟอร์ดมาด้วยสกอร์ 2-1 ลุ้นแชมป์หนแรกในรอบ 13 ปี
“เรือใบเด็ก” ต่อเนื่องผลงานแชมป์ลีกคัพยู-18 ด้วยการผ่าน WBA เข้าชิงได้อีกถ้วย

ศึกชิงเอฟเอ ยูธ คัพ นัดสำคัญนี้ จะเล่นกันเวลาตี 1.45 ของคืนวันที่ 25 เม.ย. หรือเข้าสู่วันใหม่ของ 26เม.ย. ตามเวลาบ้านเรา เตะกันที่ อคาเดมี่ สเตเดี้ยม ในเมืองแมนเชสเตอร์ โดยซิตี้ทีมเด็กผ่านเข้าชิง หลังจากชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนมา 4-2 ส่วนหงส์ชุดเล็กผ่านวัตฟอร์ด มาด้วยสกอร์ 2-1 โดยรอบชิงหนนี้มีการเปลี่ยนกฎกติกา จากการเตะ 2 เลก มาให้เหลือนัดเดียวรู้ผลกันไปเลย

ในช่วงหลังเชลซีคือมหาอำนาจแห่งเอฟเอ ยูธ คัพ อย่างแท้จริง ด้วยการเป็นแชมป์ 5 สมัยซ้อน

สำหรับรอบชิงระหว่างซิตี้กับลิเวอร์พูลหนนี้นั้น ยังถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่ไม่มีทีมเด็กของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทะลุมาเข้าชิง โดยปีนี้เชลซีพลาดท่าตกรอบเร็วตั้งแต่รอบ 3 หลังพ่ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุติสถิติคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ติดต่อกันไว้ที่ 5 สมัย

เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องรอบชิงในปีนี้ และเป็นการสำรวจ 2 ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะอังกฤษซีซั่นนี้ ลงลึกไปถึงทีมเยาวชน เรามารู้จักกับทีมเรือใบน้อย และหงส์เด็ก ชุดนี้กันหน่อยดีกว่า

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ผู้จัดการทีม : แกเร็ธ เทย์เลอร์

อดีตกองหน้าชาวเวลส์ เคยค้าแข้งกับ “เรือใบสีฟ้า” ในช่วง 1998-2001 ลงเล่นเป็นแกนหลักของทีมในฤดูกาล 1998/99 ซึ่งซิตี้ต่อสู้เลื่อนชั้นกลับมายังพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ก่อนจะย้ายออกไปค้าแข้งกับอีกหลายสโมสร และแขวนสตัดท์ในปี 2011

เทย์เลอร์ เข้ามาทำงานในอคาเดมี่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบจะทันทีหลังแขวนสตัดท์ โดยรับหน้าที่พัฒนาเยาวชนที่อคาเดมี่ของทีมในดูไบ ก่อนจะกลับมารับงานคุมชุดยู-16 และเลื่อนมาคุมชุดยู-18 ตอนปี 2017 หลังลี คาร์สลี่ย์ ย้ายไปรับงานที่เบอร์มิงแฮม

นักเตะน่าจับตามอง :

เฟลิกซ์ นเมชา (กองกลางตัวรุก)

ดาวรุ่งวัย 18 เชื้อสายไนจีเรีย แต่เกิดที่เยอรมัน เป็นผลผลิตที่น่าจับตาจากอคาเดมี่ของเรือใบสีฟ้า ไม่แพ้พี่ชาย “ลูคาส” ซึ่งประเดิมทีมชุดใหญ่ก่อน และซีซั่นนี้ถูกปล่อยให้เปรสตันยืมตัวไป

เฟลิกซ์ (คนขวา) กับพี่ชายลูคาส ซึ่งได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ก่อน

เฟลิกซ์ ติดทีมชาติอังกฤษชุดเล็กมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้เป็นกำลังสำคัญให้สิงโตคำรามชุดยู-19 แถมยังได้ลงสัมผัสสนามในนามชุดใหญ่ของซิตี้มาแล้วในศึกคาราบาว คัพ ในรอบรองกับเบอร์ตั้น อัลเบี้ยน โดยเปลี่ยนตัวลงมาแทนโอเล็กซานเตอร์ ซินเชนโก้ ในนาทีที่ 67

กับทีมชุดเล็กซีซั่นนี้ เฟลิกซ์เป็นตัวหลักมาตลอด โดยนอกเหนือจากยิงประตูให้ทีมในศึกเอฟเอ ยูธ คัพทั้งรอบ 8 ทีม และรอบรองชนะเลิศแล้ว เขายังเป็นผู้ยิงประตูชัยส่งให้ทีมชนะมิดเดิลสโบรซ์ คว้าแชมป์ลีกคัพของยู-18 มาแล้วอีกด้วย

เบน ไนท์ (กองกลาง/กองหน้า)

แนวรุกวัยแค่ 17 ปี เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่น่าจับตามอง นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมอคาเดมี่ของซิตี้ เมื่อปีที่แล้ว โดยเบนเด็กระเบิดจากเคมบริดจ์ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 5 ขวบ มีดาวิด ซิลบา เป็นต้นแบบในการเล่น เพราะตัวเขาไม่ใหญ่ และอยากจะเล่นให้ฉลาด และมีประโยชน์แบบรุ่นพี่ชาวกระทิงดุ

กับศึกเอฟเอ ยูธ คัพซีซั่นนี้ เบนเป็นผู้เหมา 2 ประตูในรอบรองชนะเลิศที่ทีมเอาชนะ WBA มาได้ 4-2 รวมถึงยังยิงประตูได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับบอร์นมัธ ได้อีกด้วย

เอริค การ์เซีย (เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ)

กัปตันทีมยู-18 ชาวสแปนิชรายนี้ ถือเป็นแกนหลักสำคัญของทีมอย่างแท้จริง ด้วยการพัฒนาที่เติบโตแบบก้าวกระโดด นับตั้งแต่ซิตี้ได้เขามาจากบาร์เซโลน่าเมื่อปี 2017 ทำให้เขามีโอกาสประเดิมตัวจริงให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว ในนัดที่ชนะจุดโทษเลสเตอร์ ในศึกคาราบาว คัพซีซั่นนี้

การ์เซียในสีเสื้อของบาร์เซโลน่า ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมเรือใบสีฟ้า

แม้รูปร่างไม่สูงใหญ่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องชั้นเชิง และเซนส์บอลแล้ว การ์เซียคือนักเตะที่มีจุดเด่นตรงนี้อยู่ครบ โดยแนวรับที่อายุแค่ 18 เคยได้รับคำชมจากเป๊บ กวาดิโอล่า มาแล้วว่าแม้จะอายุแค่นี้ แต่การ์เซียเล่นบอลนิ่งเกินวัย เหมือนนักเตะอายุ 25 ปียังไงยังงั้น

ต่อเนื่องจากทีมชุดใหญ่ของซิตี้ ที่นิยมเซ็ตบอลจากแดนหลังขึ้นมาด้านหน้า จึงไม่แปลกที่ในทีมชุดเล็ก การ์เซียจะเป็นศูนย์กลางทั้งรุก และรับ ที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย

ทอม เดเล่-บาชิรู (กองกลาง)

กองกลางรูปร่างแข็งแรงชาวอังกฤษ อยู่ในอคาเดมี่ของซิตี้มาตั้งแต่ชุดยู-16 ก่อนจะถูกดันมาใช้งานในชุดยู-18 ในซีซั่นนี้ โดยเขามีสไตล์การเล่นที่น่าสนใจ สามารถเปลี่ยนรับเป็นรุกได้โดดเด่น

นอกเหนือจากการเปลี่ยนจังหวะเกมแล้ว เขายังมีทีเด็ดในการสอดขึ้นมาทำประตูอยู่เสมอๆ ครบเครื่องแบบนี้ ก็เลยมีโอกาสมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ไปแล้วเช่นกัน ในนัดที่เจอกับเลสเตอร์ ในศึกคาราบาว คัพ ซึ่งซิตี้ปล่อยเด็กโชว์ของเต็มที่

ลิเวอร์พูล

ผู้จัดการทีม : แบร์รี่ ลิวตัส

ลิวตัส มาร่วมงานกับอคาเดมี่ของลิเวอร์พูลตั้งแต่ปี 2013 หลังจากมีประสบการณ์ที่วีแกน และโบลตันมาก่อน โดยเขาเลื่อนจากทีมยู-16 ขึ้นมาคุมยู-18 หลัง “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” ไปรับงานคุมกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ในช่วงต้นฤดูกาลนี้

จุดแข็งสำคัญของลิวตัส คือเขาเริ่มงานกับนักเตะระดับอายุ 10-13 ปีมาก่อน ก่อนจะค่อยๆ ขยับอายุขึ้นมาเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ของเขา กับทีมหงส์แดง เขาเริ่มต้นคุมตั้งแต่ทีมยู-12 และคอยดูแลเด็กอายุ 10-12 ปี ที่อยู่ในสังกัดของทีม ทำให้รู้จักนักเตะอย่างดีในทุกการพัฒนา

นักเตะน่าจับตามอง :

พอล กลัตเซล (กองหน้า)

กัปตันทีมลิเวอร์พูลยู-18 รายนี้ อยู่กับอคาเดมี่ของทีมมาตั้งแต่ชุดยู-9 โดยแม้เขาจะมีพ่อ-แม่เป็นชาวเยอรมัน แต่ก็เกิด และเติบโตที่เมืองลิเวอร์พูล โดยปัจจุบันกลัตเซลในวัย 18 ปี ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จุดเด่นสำคัญของกลัตเซล คือสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งหมายเลข 9 และ 10 มีความเข้าใจเกมสูง และมีความเฉียบขาดในจังหวะสุดท้ายควบคู่ไปด้วยในตัว เขาเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ทีมชนะวัตฟอร์ด 2-1 ในรอบรองชนะเลิศเอฟเอ ยูธ คัพนี้ และลุ้นเป็นกัปตันทีมหงส์แดง ที่จะชูถ้วยสำคัญใบนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี

บ๊อบบี้ ดันแคน (กองหน้า)

เมื่อพูดถึงกลัตเซล ก็ต้องพูดถึงบ๊อบบี้ ดันแดนด้วย เพราะทั้งคู่ลงเล่นคู่กันได้มีประสิทธิภาพเสมอ และถือเป็นคู่หน้ามหาประลัย ช่วยกันถล่มประตูให้ชุดยู-18ในซีซั่นนี้ แบบนับไม่ถ้วน

ในตอนแรก ดันแคนเป็นที่จับตาของผู้คน เมื่อครั้งย้ายมาร่วมอคาเดมี่ของลิเวอร์พูล จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เพราะเขามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของสตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานคนสำคัญของสโมสร แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยฟอร์มการเล่น และทำให้ทุกคนเริ่มหันมาสนใจตัวเขาที่ผลงานแทน

ดันแคนในสีเสื้อสิงโตคำรามชุดยู-17 ที่เขาเป็นตัวหลักอยู่ด้วย

ฟอร์มถล่มประตูของเขาในซีซั่นนี้ ทำให้เขาได้มีโอกาส ถูกดันขึ้นไปเล่นชุดยู-23 ในศึกพรีเมียร์ลีก 2 ด้วย ในบางนัด ซึ่งถ้าเขายังรักษาฟอร์มฮ็อตแบบนี้ได้ต่อเนื่อง ไม่แน่เหมือนกันว่าเราอาจจะได้เห็นเขาลงสนามในทีมชุดใหญ่ของหงส์แดง ทีมที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กในอนาคตอันใกล้นี้

ไรส์ วิลเลี่ยมส์ (เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ)

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอายุ 18 ปี เป็นดั่งเสาหลักในแนวรับของหงส์แดงชุดยู-18 ขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดนี้ตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17 ในตอนที่เขาเป็นเพียงนักเตะระดับเยาวชนอายุ 15 ปี

วิลเลี่ยมส์ อยู่กับอคาเดมี่ของหงส์แดงมาตั้งแต่ชุดยู-10 มีจุดเด่นที่รูปร่างสูง และมีความแน่นอนในการเล่น ซึ่งในนัดชิงเอฟเอ ยูธ คัพ นัดสำคัญนี้ หงส์แดงต้องหวังพึ่งเขาอย่างมาก ในการหยุดแนวรุกสุดอันตรายของฝั่งเรือใบสีฟ้า ที่มาจัดเต็มแน่

เอลิจาห์ ดิ๊คสัน-บอนเนอร์ (กองกลาง)

หลังจากอยู่กับอาร์เซน่อลมาตั้งแต่ระดับยู-9 ดิ๊คสัน-บอนเนอร์ย้ายมาร่วมอคาเดมี่ของลิเวอร์พูล ในปี 2015 หรือตอนที่เขาอายุแค่เพียง 14 ปี ก่อนจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของสโมสร และยังได้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษชุดยู-16 ในเวลาต่อมาด้วย

การพัฒนาของเขาในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม ทำให้เขาได้ขึ้นมาเล่นชุดยู-18 อย่างรวดเร็วภายใต้การคุมทีมของเจอร์ราร์ดเมื่อซีซั่นก่อน รวมถึงติดทีมชาติอังกฤษชุดยู-17 และได้รับสัญญาอาชีพจากสโมสรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถ้วยเอฟเอ ยูธ คัพ รายการเด็ก แต่ไม่เล็กหากเทียบกับความฝันที่รออยู่ข้างหน้า

แน่นอนล่ะครับ ว่าการแย่งชิงถ้วยเอฟเอ คัพ รุ่นเด็กนั้น อาจจะไม่มีนัยยะสำคัญอะไรมากนัก กับการแข่งขันอันดุเดือดของทีมชุดใหญ่ ที่กำลังห้ำหั่นเพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก (หรืออาจจะเป็นศึกยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีกด้วย หากทั้งคู่ทะลุไปถึงนัดชิงได้)

แต่กำลังใจของเหล่าผู้เล่นเยาวชนที่อุตส่าห์ฝ่าฟันเส้นทางมาถึงรอบชิง ที่จะรู้ดำรู้แดงกันในนัดเดียวแบบนี้ ก็คงทำให้ฟุตบอลเด็กนัดนี้ดุเดือด และน่าดูชมไม่แพ้เวลาที่พี่ๆ ลงสนามปะทะกัน จึงรับประกันว่ามันมีความหมายมากมายเหลือเกินสำหรับพวกเขา

ตัวอย่างรุ่นพี่ที่เคยเป็นแชมป์มาแล้ว เดวิด เบคแฮม, คีแรน ทริปเปียร์ และไรอัน กิกส์

นี่ยังไม่รวมถึง โอกาสกรุยทางสู่อาชีพค้าแข้งอันสดใสในอนาคต ซึ่งการเป็นแชมป์จะทำให้นักเตะเหล่านี้เป็นที่จดจำ อย่างที่เราเห็นนักเตะมากมายเคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็น คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, พอล ป็อกบา, เจสซี่ ลินการ์ด, คีแรน ทริปเปียร์ ไรอัน กิกส์ หรือเดวิด แบคแฮม ก็ตาม

Picture : This Is Anfield, Twitter, Middlesbrough FC, Liverpool FC, Manchester City FC, UEFA.com, Sport English, Evening Standard, The Times, World Football Scouting, Pinterest, theworldnews  

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save