ยลโฉม Porsche 718 Cayman GT4 2020

สำหรับสายสปอร์ตต้องชื่นชอบแน่นอนกับเจ้ารถพันธ์เท่คันนี้กับ Porsche ที่ได้เผยโฉมขุมพลังใหม่ออกมาให้ได้ชม กันแล้ว

เปิดตัวแล้วสำหรับ Porsche 718 Cayman GT4 รุ่นปี 2020 ที่มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องแบบ boxer (สูบนอน) แน่นอนว่าสำหรับเจ้าคันนี้นั้นได้ถูกพัฒนาให้ตัวรถนั้นออกมามีประสิทธิภาพสูงและมีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆในตระกูล 718 ที่มีระบบเทอร์โบชาร์จแบบใหม่อีกด้วย อีกทั้งผู้ผลิตได้กล่าวว่าเราให้ความสำคัญทางด้านอารมณ์และประสบการณ์และความสุขแก่ผู้ที่ได้ขับขี่

Porsche 718 Cayman GT4 รุ่นปี 2020 เครื่องยนตร์แบบ 6 สูบนอนหรือเสียงว่า boxer ความจุ 4.0 ลิตรให้แรงม้าอยู่ที่ 414 แรงม้า ที่มีขุมพลังมากกว่า Cayman GT4 รุ่นก่อนหน้านี้ถึง 34 แรงม้าในความจุที่ 3.8 ลิตร แรงบิดอยู่ที่ 5,000 และ 6,800 rpm สามารถทำได้สูงสุด 7,000 rpm สำหรับความเร็วในการวิ่งอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. สามารถทำได้ในเวลา 4.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 294 กม./ชม.

สรุป 2020 Porsche 718 Cayman GT4 specs
Engine : 4 ลิตร, 6สูบนอน
Power : 414 แรงม้า
Torque : 420 Nm
Transmission : เกียร์แบบธรรมดา 6 ระดับ
Acceleration : 0-100 กม. ใน 4.4 วินาที
Top speed : 294 กม./ชม.

ในส่วนอื่นๆของตัวรถนั้นได้ทำการออกแบบมาเพิ่มช่วยเพิ่มแรงกดหรือเรียกว่า Down-force (ดาวฟอร์ต) เพิ่มขึ้นอีก 50% ทำให้กระแสลมที่ตัดผ่านตัวรถนั้นได้ดียิ่งขึ้นรวมไปถึงด้านหลังยังมี diffuser (ดิฟฟิวเซอร์) มาช่วยเพิ่ม Down-force อีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้จะติดอยู่ที่ด้านหลังตรงท่อไอเสียมีลักษณะเป็นครีบขึ้นมา ซึ่งความพิเศษของอุปกรณ์ชิ้นนี้นอกจากช่วยเพิ่มแรงกดแล้วยังสามารถทำให้ตัวรถนั้นเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น (ซึ่งจะมีผลชัดเจนกับรถที่มีความเร็วในการเข้าโค้งแบบความเร็วสูงประมาณ แตะ 200 กม./ชม.นั่นเอง)

สำหรับการตกแต่งภายในของ Porsche 718 Cayman GT4 แผงคอนโซลต่างๆรวมไปถึงเบาะภายในตัวรถนั้นจะหุ้มไปด้วยวัสดุสังเคราะห์ที่เรียกว่า ALCANTARA (อัลคันทาร่า) ที่นิยมมากในรถสปอร์ต โดยนำเส้นใย Polyester non-woven 80% มาผสมผสานเข้ากับ Non-fibrous polyurethane 20% ซึ่งมาจากการผสมของ Polyester 65% และ Polyurethane 35% มาผสมกันความพิเศษของมันคือติดไฟแล้วจะไม่ลาม ตัวผ้าหุ้มนั้นยืดหยุ่นและห่อหุ้มได้อีกกว่าชนิดอื่นๆ และเรียกได้ว่าดูสุขุมนุ่มลึกเรียบหรูแบบมีสไตล์อีกด้วย

ราคาค่าตัวในฝั่งยุโรปอยู่ที่ € 93,350 (สามแสนต้นๆ) และ ฝั่งอเมริกานั้นอยู่ที่ $ 99,200 (สามแสนนิดๆ) ส่วนราคาการจำหน่ายในประเทศไทยนั้นติดตามกันต่อไปครับ