กระแส RAPPER กลับมาให้ตื่นตัวกันอีกครั้งไม่ว่าจะเป็น Rap is now หรือ The Rapper ใครที่ติดตามอยู่ก็ทราบกันดีอยู่แล้วหรือใครอยากจะเริ่มติดตามก็ลองมารู้จักเบื้องต้นกันก่อน

การ Rap ที่พ่นออกมาคล้ายกับบทกลอน นั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Hip hop ซึ่ง Hip hop ก็เป็นวัฒนธรรมทางดนตรี ที่มีรากฐานจากชาวแอฟริกัน-อเมริกันช่วงยุคนึง และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากทำให้เกิดการแพร่หลายไปในวงกว้างซึ่ง Hip hop จะเกิดขึ้นได้ต้องมีสิ่งเหล่านี้เข้ามาร่วมด้วยคือ

กราฟฟิติ : การพ่นสีเพ้นท์สีบนกำแพงตามสถานที่ต่างๆ ที่มีศิลปะที่สวยงามอย่างหนึ่ง
ดีเจ : ผู้รับหน้าที่เปิดแผ่น สร้างเสียงเพลงให้สนุกครึกครื้นให้คนโยกย้ายตามจังหวะ
บี บอย : เหล่านักเต้นที่โชว์ลีลาสุดพริ้วใช้ทุกส่วนของร่างกายที่ทำให้ทุกคนต้องว้าว
เอ็มซี : เอ็มซีหรือแร็ปเปอร์ที่จะคอยพ่นไรม์ใส่เนื้อหาต่างๆให้เข้ากับจังหวะดีเจ

พอจะทราบคร่าวๆเกี่ยวกับ Hip hop แล้วคราวนี้เรามารู้จักคำศัพท์ต่างๆในวงการ Rapper กันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง ศัพท์คำนี้หมายถึงอะไรเวลาเราดูรายการแข่งต่างๆในสไตล์ Rap จะได้พอเข้าใจไปพร้อมกันครับ

AKA
A-K-A (เอ-เค-เอ) ไม่ใช่อา-กะ ที่เป็นร้านปิ้งย่างแต่อย่างใดแต่มันเป็นสมญานามในวงการของ MC หรือที่เรียกกันว่า Also known as เอาง่ายๆคือฉายานั่นแหละ “สวัสดีครับผม เอเคเอ บ้านหนองปลาเง่อะ ครับ” ซึ่งจุดนี้ก็เลือกมาเลยครับว่าอยากได้ฉายาแบบไหนเอาที่ชอบ

Flip and Flow
ฟลิป คือการเล่นคำ แพลงคำ ใช้คำศัพท์แปลกๆเอาเข้ามาอยู่ในไรม์ได้อย่างลงตัว และโฟลว์คือการแร๊ปแบบลื่นไหลไปตามท่วงทำนองที่พ่นออกมาไม่มีสะดุด

Punchline
ถ้าเอาให้เข้าใจง่ายๆ มันก็เหมือนท่อนหมัดเด็ดของแร็ปเปอร์คนนั้นที่ร้องหรือพ่นไรม์ออกมาฟังแล้วโดน หรือเอาไว้ตบคู่ต่อสู้ในการแบทเทิลหรือท่อนที่ออกมากระแทกนั้นเรียกเสียงเฮจากคนฟังได้ก็ถือว่าท่อนนั้นเป็นพันซ์ไลน์ที่โดนนั่นเอง

Lay Back
ในบางรายการเราจะเห็นได้ยินแร็ปเปอร์บางท่านเขาร้องมันเหมือนจะคร่อมจังหวะ เหมือนจะเข้าจังหวะไม่ทันบ้าง งับจังหวะไม่ทันดูเหลื่อมๆแต่จริงๆตัวแร็ปเปอร์เองตั้งใจให้คร่อมครับ ดังนั้นเราจะเห็นกรรมการหรือพิธีกรบอกว่าการร้องแบบ Lay Back นี่ไม่ธรรมดา

Freestyle
คือการที่แร็ปเปอร์คนนั้นๆแต่งเนื้อขึ้นมาสดๆร้องกัน ณ เวลานั้นลงไปพร้อมกับจังหวะเพลงหรือบีทที่มีให้ ส่วนใหญ่จะพบเจอได้กับการแบทเทิลที่บางทีต้องฟรีสไตล์ออกมาแก้เกมฝั่ง
ตรงข้าม หรือบางทีมีการเตรียมมาแล้วแต่ระหว่างแข่งหลุดเนื้อเดิมแต่ก็ต้องแก้ไขด้วยการคิดสดฟรีสไตล์จนจบรอบก็มี

Cypher
สำหรับไซเฟอร์จะเป็นการที่นำบีทออกมาบีทหนึ่งและให้เหล่าบรรดาแร็ปเปอร์นั้นมาพ่นไรม์ต่อๆกันบนบีทหรือเรียกง่ายร้องแบบผลัดไมค์ร้องต่อเพื่อโชว์เนื้อหาของตัวเองในแต่ละท่อน

8 Bar
เป็นการที่แร็ปเปอร์นั้นต้องพ่นไรม์ออกมาให้พอดีกับห้องที่กำหนดไว้ อย่าง 8 Bar ที่ได้ยินกันบ่อยๆก็จะเป็นการนับจังหวะ (1)-2-3-4 (2)-2-3-4 (3)-2-3-4…..(8)-2-3-4 ภายใน 8 บาร์นี้ก็ต้องจบไรม์ให้ได้ครับ

Old Shcool
เอาเข้าใจง่ายๆคือเป็นการแร็ปแบบเล่าเรื่อง ความยากลำบาก การต่อสู้ การเผชิญปัญหาต่างๆนาๆ เรียบเรียงออกมาเป็นไรม์ถ่ายทอดให้คนฟังเข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองสื่อ ซึ่งต่างจาก New School แบบคนละขั้วที่เล่าเนื้อหา ความร่ำรวย ผู้หญิงหรือปาร์ตี้ต่างๆนั่นเอง

นี่ก็เป็นเพียงคำศัพท์เล็กๆน้อยที่มักได้ยินในการแข่ง Rapper ในรายการต่างๆ ที่พอจะไดยินพูดกันบ่อยๆ ท่านไหนที่จะเริ่มเข้ามาฟังก็จะพอเข้าใจกันบ้างไม่มากก็น้อยครับผม