ตั้งเป้าซะดีแต่พังทุกที วิธีแก้เป้าหมายยอดฮิตเริ่มปีใหม่ไม่ให้ล่มกลางคัน - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ตั้งเป้าซะดีแต่พังทุกที วิธีแก้เป้าหมายยอดฮิตเริ่มปีใหม่ไม่ให้ล่มกลางคัน

ต้นปีแบบนี้เป็นโอกาสดีงามในการทิ้งสิ่งไม่ดีไว้กับปีเก่า แล้วเริ่มใส่เกียร์เดินหน้าใช้ชีวิตไปกับอะไรใหม่ๆที่กำลังจะก้าวเข้ามา หลายคนคงมีเป้าหมายในใจแล้วว่าอยากเปลี่ยนตัวเองไปทิศทางไหน หรืออยากริเริ่มทำอะไรให้สำเร็จบ้าง ซึ่งบางคนก็สตรองพอที่จะขีดฆ่าเป้าหมายเหล่านั้นออกจากฝันกลางวันให้เป็นจริงได้ แต่บางคนก็ต้องปล่อยมือกลางคันทิ้งไว้กลางทางเพราะเอาชนะใจตัวเองและอุปสรรคไม่ได้สักที

ส่วนใหญ่ที่เรามักพลาดคือเป้าหมายไม่ชัด ใจไม่สู้ วิธีไปสู่ความสำเร็จยากเกินไปและอีกหลายเหตุผลสารพัดที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ทุกปัญหายอมมีทางออกเสมอ ทีนี้เรามาดูกันว่าเป้าหมายยอดฮิตที่เราชอบตั้งกันนั้น มันมีจุดพลาดตรงไหนได้ง่าย ล่มได้ทุกทีบ้าง

1. มีเงินเก็บ

เป้าหมายยอดฮิตของใครหลายคนและก็เป็นเป้าหมายที่เพียงลมแค่แผ่วเบาก็สามารถล่มได้ทันที เพราะเรามักบอกว่าจะเก็บเงินให้ได้ 100,000 บาท ! แต่ไม่มีการวางแผนใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน ทำให้ขอบเขตมันกว้างเกินไปจนกลายเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ใช้เวลานานกว่าฝันจะเป็นจริง หรือเป็นความสุขที่ยังมาไม่ถึง

เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตีวงให้มันแคบลงมาเป็นความสุขปัจจุบัน โดยซอยเป้าหมายออกเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องทำในแต่ละวันแทน เช่น เก็บแบงค์ 50 บาทยอดกระปุก หรือเก็บเงินวันละ 275 บาท ซึ่งทำติดต่อกัน 365 วัน ก็จะได้เห็นเงินหนึ่งแสนบาทในบัญชีของตัวเองปลายปีตามที่ตั้งเป้าไว้  ไม่ก็หักดิบ แบ่งเงินเดือน 10 % ฝากเข้าบัญชีประจำไปเลย

2. กินอยู่อย่างเฮลตี้

เทรนด์สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกเป็นเรื่องที่เหมือนจะทำได้ง่าย ไม่ว่าจะการกินคลีนหรือการลีนไขมันออกจากร่างกายต่างก็เป็นเป้าหมายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งสิ้น แต่หนทางไปสู่หุ่นสวย สุขภาพดี ที่หลายคนบอกต่อว่าทำได้ชัวร์ 100 เปอร์เซ็นนั้นตรงข้ามกับความสุขต่อใจเราหรือเปล่า

โดยธรรมชาติคนเรามีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว บางคนไม่กินผลไม้ บางคนไม่ชอบการวิ่ง บางคนเป็นมังสวิรัติ ซึ่งพอเราต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเองก็ย่อมทำได้ไม่นาน ต่อให้ทนผ่านพ้น 21 วันไปได้ ไม่เร็วก็ช้าต้องจบด้วยการยอมแพ้อยู่ดี หากเป็นแบบนั้นปีนี้ลองล็อคเป้าให้ชัดเจนขึ้นด้วยการหันมาดูแลตัวเอง ใส่ใจสุขภาพอย่างมีความรู้มากกว่าโฟกัสว่าน้ำหนักต้องลดลงเท่าไหร่ดีกว่า

เริ่มแรกอาจเป้าหมายเล็กๆ โดยการลดอาหารรสหวานในชีวิตประจำวันลง จากนั้นลองหาเป็นกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมาเป็นตัวช่วยสำคัญในการฟิตร่างกายให้แข็งแรงพร้อมสนุกในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะยกเวท มวยไทย โยคะ เต้น โต้คลื่น ปั่นจักรยาน ปีนหน้าผาจำลอง แทรมโพลีน ฟรีรันนิ่ง หรือแค่วีดีโอคาดิโอเบาๆอยู่ที่ห้อง สิ่งสำคัญคือต้องมีเป้าหมายชัดเจน เช่น ออกกำลังกายเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ คาดิโอวันละ 10 นาที  หรือทำตารางออกกำลังกายแบบจริงจังไปเลย ถ้าจะให้ได้ผลดีก็ต้องมีบทลงโทษเพิ่มเข้าไปด้วย

3. มีแฟน

เหตุผลที่คนเรามักนกมีเป็นร้อยล้านแปด  แต่เหตุผลหนึ่งที่หากไม่แก้ไขคงจะนกอยู่ร่ำไปคือไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรเลย พฤติกรรมแบบนั้นต่อให้คุณจุดธูปบนบานศาลกล่าวที่ไหน แฟนสาวก็ไม่หล่นจากฟ้ามาหาหรอก อย่างแรกเลยต้องเปิดโลก เปิดใจ และรู้จักคำว่าด้านได้อายอด !

สำหรับคนโสดนานจนลืมไปแล้วว่าการจีบเป็นอย่างไร ลองโหลดแอปหาคู่มาเล่นดู หากไม่เวิร์คอย่างเพิ่งลบเด็ดขาดเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณยอมแพ้เมื่อนั้นแหละมันจะมีแสงริบหรี่ที่ปล่อยอุโมงค์รออยู่ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น คำนี้สามารถใช้ได้อยู่เสมอ ถ้ารู้สึกวิธีนี้ไม่ไหวไม่ใช่แนวละก็ ลองไปกิจกรรม เวิร์คช็อปต่างๆสิ ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงและที่สำคัญโสดด้วย

หากยังไม่เวิร์คอีกลองไปตามงานอีเว้นท์ ไม่ก็เข้าร้านนั่งดื่มบ้างเพื่อพบปะผู้คนใหม่ๆ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของคุณแล้วที่ต้องศึกษาเทคนิคต่างๆไปพิชิตใจสาวๆให้ได้

4. เรียนภาษา

ไม่ว่าจะภาษาที่เท่าไหร่ล้วนสำคัญทั้งนั้นในโลกของการทำงาน รวมถึงเป็นใบเบิกทางให้ได้รับโอกาสอื่นๆ อีกมากมาย หากได้ภาษาอะไรก็แสนง่ายไปหมด แต่ความเป็นจริงแม้เราจะตั้งหมายให้ดีขนาดไหนภาษากลับไม่กระเตื้องเลยสักนิด เพราะอะไร ? บางคนบอกว่าเพราะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน บางคนบอกว่ายาก แต่จริงๆแล้วอาจเป็นเพราะเราขาดวินัยและการเรียนรู้ที่มากพอต่างหาก มีสารพัดวิธีในการฝึกภาษาให้เก่งได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ที่มันไม่สำเร็จอาจเพราะคุณยังขาดตัวช่วย

Chris Lonsdale นักจิตวิทยา นักภาษาศาสตร์ และนักวิชาการศึกษาชาวนิวซีแลนด์ ได้พูดถึงหลักการและวิธีช่วยให้เรียนภาษาได้คล่องภายใน 6 เดือน ไว้ใน Tedx Talks  ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ดีและสามารถนำไปใช้งานได้จริงสำหรับคนที่ต้องการสื่อสารภาษาต่างประเทศได้  แต่หากบางคนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนมีวินัยหรือขยันขนาดนั้นการมีคนอื่นมากระตุ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากเงินที่เสียไปในการเข้าคอร์สสอนภาษายังมีครูและเพื่อนร่วมคอร์สเป็นตัวกระตุ้นให้ฮึดสู้อีกด้วย

5. อ่านหนังสือ

ชีวิตคือการเรียนรู้ หนังสือจึงเป็นครูคนสำคัญในการถ่ายทอดเลเวล อัพสกิลให้ทุกคนเป็นคนที่เก่งกว่าเดิมได้ หลายคนจึงตั้งอกตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น แต่ไปๆมาๆมักหยิบเป็นหลับ ขยับเป็นจบด้วยโรคดองหนังสือแทน ทางที่ดีเราควรแก้อาการเหล่านี้โดยซอยเป้าหมายให้มันสั้น ทำได้ง่ายในทุกๆ วัน

เช่น อ่านในช่วงเวลาเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานแทนการเล่นโซเชียล แต่สำหรับคนที่ต้องขับรถอยู่บนท้องถนนอาจเป็นอ่านสักหนึ่งบทก่อนนอน  หรืออ่านพร้อมกันหลายเล่ม เช่น เล่มนี้อ่านที่บ้าน เล่มนี้อ่านที่โรงเรียน อีกเล่มอ่านตอนเข้าห้องน้ำ โดยเลือกหนังสือให้มีความหลากหลายแนวจะทำให้ไม่เบื่อ และไม่ต้องคำนึงว่าจะจบเร็วหรือช้าแค่ได้เติมความรู้ให้ตัวเองวันละนิดก็พอ

Source : 1|2|3

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save