ก้าวแรกของไทยแลนด์แดนกัญชารักษาโรค - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ก้าวแรกของไทยแลนด์แดนกัญชารักษาโรค

นับเป็นก้าวแรกของเสรีกัญชาในประเทศไทย เมื่อเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศข่าวดีจากกระทรวงสาธารณสุข 3 ฉบับ

unsplash

ในฉบับแรกว่าด้วยการกำหนดให้กัญชาตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุขหรือให้ทำลายกัญชาที่ได้รับมอบจากบุคคลโดยผู้มอบไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 (อ่านรายละเอียด) ฉบับสองพูดถึงการการครอบครองกัญชาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาโรคเฉพาะตัวก่อนจะมี พ.ร.บ. ดังกล่าวบังคับใช้  (อ่านรายละเอียดสำหรับนิรโทษผู้ป่วย)

ส่วนฉบับสุดท้ายว่าด้วยเรื่องแจ้งการมีกัญชาไว้ในครอบครองสำหรับผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 และบุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ป่วยตามมาตรา 22 (2) ก่อน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวประกาศให้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา (อ่านรายละเอียดนิรโทษสำหรับกลุ่มที่ไม่ใช่ผู้ป่วย)

giphy

แปลไทยเป็นไทยอีกทีว่าผู้ที่ถือครองกัญชาก่อนจะมีกฎหมายฉบับนี้ออกมาถือว่าไม่มีความผิด แต่หยุดก่อนชาวสายเขียวอย่าพึ่งดีใจไปเพราะกรณีที่จะใช้ได้อย่างไม่ผิดต้องเข้าข่าย 7 กลุ่มต่อไปนี้เท่านั้น

  1. หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย ให้บริการ หรือจัดการเรียนการสอนทางแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามยาเสพติด หรือสภากาดไทย
  2. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้าน
  3. สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนทางแพทย์
  4. เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตร แต่จะครอบครองได้ ต้องมีหน่วยงานรัฐตามข้อ 1 หรือสถาบันอุดมศึกษา ตามข้อ 3 ร่วมมือและกำกับดูแล
  5. ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ
  6. ผู้ป่วยเดินทางต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องนำกัญชาติดตัว เข้าหรือออกราชอาณาจักร
  7. ผู้ขออนุญาตตามที่รัฐมนตรีเห็นชอบ

และมีเงื่อนไขว่าต้องแจ้งขึ้นทะเบียนครอบครองกัญชาต่อจุดแจ้งที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ภายใน 90 วันหลัง พ.ร.บ. ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ

Leafly

เรื่องนี้มีบางคนเข้าใจผิดไปไกลว่าสามารถใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงได้แล้ว ด้านสำนักงาน ปปส.ยังยืนยันหนักแน่นว่ากัญชาเป็นสารเสพติดให้โทษเพียงแต่ผ่อนปรนให้นำมาใช้ทางการแพทย์เท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นการผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือ เสพ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดและมีโทษตามกฎหมายทั้งจำคุกหรือปรับ ซึ่งการอนุญาตให้ผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก และครอบครอง ในช่วง 5 ปี ต่อจากนี้รัฐจะดำเนินการเอง หรือหากเป็นเอกชนต้องเป็นการดำเนินการร่วมกับรัฐ ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการกำกับดูแลในทุกขั้นตอน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใดหรือประชาชนทั่วไปก็ไม่มีสิทธิปลูกกัญชาเองหากไม่ได้รับอนุญาต

pptv

ด้านองค์การเภสัชกรรมเองก็เดินหน้าพัฒนาสายพันธุ์กัญชาด้วยการนำเข้า 3 สายพันธุ์จากประเทศฝรั่งเศสกว่า 300 ต้น มาทดลองผลิตยารักษาล็อตแรก 2,500 ขวดให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมเพื่อนำไปใช้ทดลองทางคลินิกในผู้ป่วยที่ร่วมโครงการวิจัย ซึ่ง 3 สายพันธุ์ข้างต้นนั้นประกอบด้วยสายพันธ์ุที่มีสาร THC สูง,สายพันธ์ที่มีสาร CBD สูง และสายพันธ์ที่มีสาร THC และ CBD 1:1

CBD ย่อมาจาก Cannabidiol ทำหน้าที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน,ลดการอักเสบบวมโตของแผลหรือเนื้องอก,ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต,ระงับการเกร็งหรือชักกระตุก และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาทได้ โดยจะนำมาใช้ในทางการแพทย์ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด,โรคลมชักรักษายากในเด็ก,โรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา,ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และอาการปวดประสาทที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้ผล

unsplash

ส่วน THC ย่อมาจาก Tetrahydrocannabino มีผลในทางประสาท ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เคลิบเคลิ้ม หรือที่หลายคนที่ใช้แล้วรู้สึกเก็ทไฮ อีกทั้งยังเป็นตัวที่ทำให้ระบบประสาทสัมผัสทำงานดีขึ้น ช่วยกระตุ้นให้อยากอาหาร กลุ่มที่จะใช้เพื่อควบคุมอาการผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน,โรคอัลไซเมอร์,โรคปลอกประสาทอักเสบ,โรควิตกกังวล,ผู้ป่วยที่ดูแลแบบประคับประคอง และผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

เบื้องต้นองค์การเภสัชกรรมจะใช้วิธีปลูกในอาคารด้วยเทคโนโลยีระบบรากลอยซึ่งเป็นระบบหนึ่งในการปลูกกัญชาเกรดมาตรฐานทางการแพทย์ เพราะระบบนี้จะทำให้สามารถควบคุมสารอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐานและได้ปริมาณปริมาณ THC และ CBD ตามสัดส่วนที่เหมาะสม รวมถึงไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักและยาปราบศัตรูพืช ซึ่งต่างจากการปลูกกัญชาบนดินทั่วๆไป เพราะธรรมชาติของกัญชาจะมีคุณสมบัติพิเศษที่ดูดซึมสารพิษเหล่านั้นได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น

giphy

ตอนนี้แม้ว่ากัญชาจะถูกอนุญาตให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้นแต่ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจพัฒนาไปใช้เพื่อความบันเทิงได้ในอนาคตดังเช่นหลายๆ ประเทศนำร่องเสรีกัญชาเคยทำมาก่อน

ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยหรืออยากเรื่องกัญชาเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถามที่ได้ สายด่วน ป.ป.ส. 1386 กด 3 หรือ อย.1556 กด 3 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ในวันและเวลาราชการ

Source : springnews|pptv|bbc

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save