หลังจากกลายเป็นเทศกาลดนตรีสุดโกลาหลอลหม่าน เลวร้ายขั้นสุดจนต้องยุติการจัดงานไปตั้งแต่ปี 1999 วันนี้ Woodstock Music & Art Fair หรือ Woodstock  ตำนานด้านดนตรีของเหล่าฮิปปี้กำลังจะกลับมาอีกครั้งเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี

ย้อนความไปยังจุดเริ่มของ Woodstock เมื่อปี 1969 ช่วงนั้นสหรัฐอเมริกาถูกเรียกว่าเป็นยุค “ฮิปปี้”หรือ”บุพผาชน” หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่องเป็นผลให้ชนชั้นแรงงานสามารถพัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางของประเทศได้สำเร็จ ความมั่งคั่งที่มากขึ้นส่งผลให้เกิดค่านิยมชวนฝันแบบ American dream แพร่ขยายไปทั่ว แต่คนรุ่นลูกกลับเบื่อหน่ายค่านิยมแบบวัตถุนิยมที่พ่อแม่สร้างเอาไว้  ประจวบกับขณะนั้นการยืนมือเข้าไปยุ่งสงครามเวียดนามของอเมริกาทำให้ประเทศเสียทั้งงบประมาณและชีวิตทหารจำนวนมาก คนหนุ่มสาวผู้มีอดุมการณ์เดียวกันจึงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสันติภาพและความสงบสุข โดยเรียกตัวเองว่า “ฮิปปี้ (Hippie)”

พวกเขาต่อต้านวัตถุนิยม ปลีกตัวออกจากสังคมมุ่งหน้าสู่การค้นหาความอิสระของชีวิต ความรัก และความซื่อสัตย์ ผ่านดนตรี  ยาเสพติด เซ็กส์ และการเดินทางแบบไร้จุดหมาย กระแสฮิปปี้จึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั้งในอเมริกาและยุโรป เกิดการชุมนุมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อแบ่งปันมิตรภาพ ความรัก แลกเปลี่ยนอุดมคติในการใช้ชีวิตซึ่งกันและกัน แต่ครั้งประวัติศาสตร์ก็คือ ” เทศกาลดนตรี Summer of love”  ในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และ “เทศกาลดนตรี Woodstock” ในเมืองวูดสต็อก รัฐนิวยอร์ค ที่นิตยสาร Rollingstone จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์เปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการร็อคแอนด์โรล

เทศกาลดนตรี Woodstock ได้เปิดฉากประวัติศาสตร์ทางดนตรีขึ้นเมื่อวันที่ 15-17 สิงหาคม ปี 1969 คลื่นมนุษย์จำนวนกว่า 500,000 คน เดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างอิสระเสรีบนฟาร์มเลี้ยงวัวพื้นที่ 600 เอเคอร์ของเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ภายใต้บรรยากาศ  “สันติภาพและเสียงดนตรีร็อคแอนด์โรล”  การคาดการณ์จำนวนผู้เข้าชมผิดพลาดของคณะผู้จัดงานทำให้บัตรกลายเป็นของหายากและนำมาขายต่อแบบโกงราคาเป็นเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนมวลชนที่มายืนรอหน้างานอยู่ดี จนในที่สุดคณะผู้จัดงานก็ต้องยุติปัญหาโดยอนุญาตให้เข้างานฟรี พอคนทั่วไปรู้ว่างานนี้ฟรีก็ยิ่งพากันหลั่งไหลเข้ามาร่วมงานเพิ่มจนเต็มพื้นที่เพื่อชมการแสดงดนตรีสดจาก 32 ศิลปิน ส่งผลให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดถึง 13 กิโลเมตร

ถึงแม้ภายในงานจะมี Hog Farm  ชุมชนชาวฮิปปี้อาสาแจกจ่ายอาหารฟรีให้กับผู้เข้าร่วมงานแต่จำนวนกว่าครึ่งล้านนั้นทำให้อาหารไม่พอจนทางการสหรัฐฯถึงกะต้องส่งเฮลิคอปเตอร์ขนอาหารมาให้เพิ่มและคอยรับส่งศิลปินผ่านทางเฮลิคอปเตอร์แทน แม้งานจะประสบความสำเร็จเกินคาดแต่ก็ตามมาด้วยเหตุการณ์เลวร้ายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มีผู้เสียชีวิต 3 คน เพราะเสพยาเกินขนาด พลัดตกลงมาจากหอไฟส่องหน้าเวที และถูกรถชนจนเสียชีวิต ทั้งยังมีผู้ป่วยมารับการรักษาที่ห้องพยาบาลถึงหลายพันคน และเด็กคลอดใหม่รวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกจับกุมไปสงบสติอารมณ์ที่เมืองเบเธลอีก  177 คน

ความวุ่นวายแบบไม่อาจควบคุมได้ทำให้ปีต่อมาเจ้าของไร่ปฏิเสธที่จะให้เช่าพื้นที่ในฟาร์มของเขาทันทีเพราะเขาต้องการกลับไปทำฟาร์มโคนมแบบเดิม รวมไปถึงการใช้กฎหมายใหม่ของรัฐนิวยอร์คเกี่ยวกับการป้องกันเหตุการณ์ชุมนุมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เทศกาล Woodstock จึงต้องปิดฉากลง

แต่ก็มีการจัดคอนเสิร์ตรำลึก 25 ปีขึ้นในปี 1994 และปีนั้นเองถูกขนานนามว่า “Mudstock 94” เพราะฝนตกหนักจนแปรสภาพพื้นที่จัดงานเป็นทะเลโคลนกว้างสุดลูกหูลูกตา ระหว่างวงร็อคชื่อดังอย่าง Green Day  กำลังเล่นดนตรีอย่างเมามันส์บนเวที แฟนเพลงด้านล่างก็เริ่มคุมไม่อยู่เพราะสงครามโคลนได้ปะทุขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีเร้าอารมณ์ พวกเขาไม่เพียงคว้าก้อนดินโคลนซัดใส่กันเองแต่แฟนเพลงจำนวนมากซัดโคลนขี้นมาบนเวที และ บิลลี่ อาร์มสตรอง (Billie Armstrong) นักร้องนำก็เอากับเขาด้วย ซัดโคลนกลับไปฝั่งคนดูบ้างด้วยอารมณ์คึกคะนองตามด้วยทำลายเครื่องดนตรีอย่างบ้าคลั่ง จนทุกอย่างบานปลายเมื่อแฟนเพลงจำนวนหนึ่งพยายามปีนรั้วกั้นมาบนเวที บิลลี่ก็ปล่อยหมัดใส่แฟนเพลงคนนั้นทันที ปิดท้ายด้วยถลกกางเกงของตัวเองลงกลางเวทีเพื่อโชว์น้องช้างน้อยต่อหน้าคนดูนับหมื่น

และความเลวร้ายยิ่งทวีคูณเมื่อปี 1999 คอนเสิร์ตรำลึก 30 ปี ก็ยิ่งเหตุการณ์ดิ่งลงเหวถึงขั้นถูกนับให้หนึ่งเทศกาลดนตรีสุดเลวร้ายตลอดกาล เต็มไปด้วยคดีอาชญากรรม มีทั้งการจุดไฟเผาทำลายข้าวของ ทำร้ายร่างกาย ขู่กรรโชกทรัพย์ ยาเสพติด รวมถึงคดีข่มขืนอีก 4 คดี หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของฝูงชนจากการปลุกระดมของวง Limp Bizkit ขณะเล่นเพลง “Break Stuff”

ความบ้าคลั่งของศิลปินเริ่มตั้งแต่ “Flea”  วง Red Hot Chili Peppers เกิดร้อนแก้ผ้าเล่นเบสกันแบบไม่อายใครทั้งสิ้น ตรงกันข้ามสาวๆแฟนเพลงก็พากันแก้ผ้าโชว์อึ๋มให้นักดนตรีดูกลับไปเหมือนกัน และการเปิดด้วยเพลง “Fire” ของวงก็ทำให้งานจบด้วยไฟจริงๆ เมื่อวง Poze Rage Against the Machine เผาธงชาติอเมริกามันบนเวทีเลย หลังจบงานมียอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีต่างๆ นับพันราย รวมถึงเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดด้วย มีคนตั้งเว็บไซต์แชร์ภาพโป๊เปือยของผู้หญิงภายในงานออกสู่สาธารณะอีกต่างหาก เรียกได้ว่าพังและป่าเถื่อนขั้นสุดจริงๆ ซึ่งผู้จัดเองก็ไม่สามารถควบคุมอะไรเลยจนเจ้าหน้ารัฐต้องออกปากสั่งยกเลิกเทศกาลนี้ไปหลายปี

และการประกาศจัด Woodstock ในปี 2019 หลังจากหายไปครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากสัมผัสเทศกาลในตำนานสักครั้ง แต่ก็ไม่อาจคลายกังวลได้ 100 เปอร์เซ็นว่าจะไม่เละเทะเหมือนครั้งผ่านๆ มา Michael Lang โปรโมเตอร์ดั้งเดิมของเทศกาลกล่าวว่า

เรามีแผนการที่ชัดเจนเตรียมไว้แล้ว เหลือเพียงการทำข้อตกลงในบางเรื่องที่ยังไม่เรียบร้อย แต่ก็ใกล้เสร็จแล้วครับซึ่งจะมีถ่ายทอดสดให้ชมกันผ่านการสตรีมมิ่งด้วย

โดยจะจัดในวันที่  15-18 สิงหาคม 2019 ณ  พื้นที่จัดงานเดิมเมื่อปี 1969  ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์ศิลปะ  Bethel Woods และเป็นพิพิธภัณฑ์ Woodstock ของรัฐนิวยอร์ก สามารถจุผู้ชมได้ 15,000 คน และ 4,500 ที่นั่ง

ต้องรอดูกันว่าคราวนี้คณะจัดงานจะสามารถควบคุมมวลชนไม่ให้เละเทะ แล้วดึงเสน่ห์ดั้งเดิมของ Woodstock กลับมาได้หรือไม่ แต่สมัยนี้ผู้ชมค่อนข้างเปลี่ยนไปกว่าเมื่อก่อนมาก กลุ่มฮิปปี้สลายลง ตลาดเพลงร็อคก็นิยมแค่บางกลุ่มเท่านั้น Woodstock อาจต้องทำการบ้านพอสมควรเพื่อกู้ชื่อเสียงไม่ให้งานนี้จบลงด้วยการเป็นเพียงตำนานหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์เท่านั้น

Source &Picture : 1|2|3|4|5