ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อเทศกาลดนตรีระดับโลกฝีมือคนไทยอย่าง “Wonderfruit” กันสักเท่าไหร่ หรือถ้ารู้จักก็คงนึกถึงเรื่องแฟชั่นจัดเต็มสไตล์โบฮีเมียนเป็นอันดับแรก แต่บอกเลยว่าแฟชั่นนั้นไม่ได้เป็นไม้เด็ดอย่างเดียวของงานนี้เท่านั้น เพราะ Wonderfruit ยังเต็มไปด้วยแนวคิดดีๆ ในการใช้ชีวิตโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการสนุกทางดนตรี เพลิดเพลินกับกิจกรรมกลากสไตล์ รวมถึงชื่นชมในความสร้างสรรค์ของสถาปัตยกรรมและศิลปะแขนงต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน
จากประสบการณ์ตะเวนไปเทศกาลดนตรีต่างๆมานานตั้งแต่สมัยหนีแม่เที่ยว ทำให้เราค่อนข้างเริ่มถึงจุดอิ่มตัวกับงานเทศกาลดนตรีพอสมควร ซึ่งคาดว่าคนวัยทำงานหลายคนก็คงประสบกับเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน พวกเราแทบไม่อินกับเทศกาลอะไรเลยทั้งนั้น ไม่ว่าจะปีใหม่ สงกรานต์ วาเลนไทน์ หรืองานคอนเสริต์
แต่เราก็พยายามนะ พยายามจะหางานเทศกาลดนตรีที่เข้ากับวัยและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปให้รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นวัยรุ่นได้อีกครั้ง แต่คราวนี้จุดประสงค์ของการไปเทศกาลดนตรีมันไม่ใช่แค่ดื่มเบียร์ กระโดดเต้นอย่างเมามันส์แบบสมัยเป็นวัยรุ่นละ มันต้องเป็นได้ทั้งการพักผ่อนแต่ก็สนุกไปในตัวแบบร่างไม่พัง ทั้งยังสามารถช่วยเปิดมุมมองทางด้านความคิด การใช้ชีวิต และประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่ง Wonderfruit ก็สามารถตอบโจทย์ตรงส่วนนั้นได้ดี
การผสมผสานแนวคิดด้านความยั่งยืนและสีสันของวัฒนธรรมอันหลากหลายไว้ได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะศิลปะ สถาปัตยกรรม ดนตรี ฟาร์มทูฟีสต์ ทอล์ค เวิร์คช็อป กิจกรรมเพื่อสุขภาพ หรือกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อครอบครัว ล้วนทำให้ Wonderfruit คล้ายกับเมืองจำลองเมืองหนึ่งถูกออกแบบมาให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ
สามารถใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายร่วมกันได้ในระยะยาวมากกว่าการเป็นแค่เทศกาลดนตรีระยะสั้นเพียง 4 วัน 4 คืน ที่สำคัญยังเป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเพราะงดการใช้พลาสติก รวมถึงนำวัสดุธรรมชาติมาสร้างสรรค์ผลงานเจ๋งๆ
Wonderfruit เป็นเทศกาลดนตรีใส่ใจโลกที่จัดขึ้นมาเป็นปีที่ 5 แล้วโดยฝีมือคนไทย และจัดในประเทศไทย บางคนเห็นภาพอาจต้องหลงเข้าใจผิดว่าเป็นงานในต่างประเทศๆ แน่ๆ แต่ไม่ใช่เลยเพราะอยู่ใกล้ๆแค่พัทยากลางนี่เอง แต่สามารถเนรมิตบรรยากาศให้เหมือนหลุดไปอยู่ในเทศกาลดนตรีระดับโลกได้เลย
โลกตอนกลางวันของ Wonderfruit จะเป็นโลกที่จัดหนักไปด้วยกิจกรรม เต็มไปด้วยชุมชนการเรียนรู้หลายศาสตร์ หลายแขนง แต่ช่วงกลางคืนจะเป็นโลกที่จัดหนักเรื่องความสนุก จัดเต็มไปด้วยดนตรีหลากหลายแนวและสีสันแสงไฟประดับประดา
บรรยากาศสองช่วงเวลานี้แตกต่างกันชัดเจนมากแต่กลับลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าไลฟ์สไตล์คุณจะเป็นแบบไหนก็สามารถสนุกกับโมเม้นต์นั้นได้ ซึ่งเป็นมิติอีกมิติหนึ่งที่เราไม่เคยพบมาก่อนในเทศกาลไหน และช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองได้ว่า… เทศกาลดนตรีไม่ได้เป็นแค่เรื่องเฉพาะของวัยรุ่นเท่านั้น
บรรยากาศภายในงาน Wonderfruit จึงเต็มไปด้วยภาพครอบครัวหลายๆ ครอบครัว เด็กตัวเล็กๆ พากันปีนต้นไม้ คนรุ่นปู่รุ่นย่านอนทำสปา พ่อกับแม่โยกย้ายสายสะโพกไปกับเพลง EDM คู่รักนั่งทำกิจกรรมเวิร์คช็อปด้วยกัน หรือแก๊งค์เพื่อนๆ พายเรือด้วยกันบนทะเลสาบ นับเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่งเคยเจอจริงๆ ในการไปมิวสิคเฟสสิคเฟสติวัล
อีกความตื่นตาตื่นใจภายในงานที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องแฟชั่น ด้วยความที่ชาวต่างชาติเยอะมาก เยอะจนแทบหาคนไทยไม่เจอ จึงทำให้คุณสามารถปล่อยผี เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่แบบไม่ต้องแคร์คำใครนินทา ไม่ว่าจะแต่งกายจัดเต็มขนาดไหน หรืออยากจะเดินเข้าไปเต้นกับใคร คุณก็สามารถทำได้เพราะทุกคนพร้อมผูกมิตรกับคุณอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ภาพที่เห็นในสื่อมักจะเป็นสาวๆ แต่งตัวจัดเต็มกันใช่ไหม แต่เอาเข้าจริงหนุ่มๆ Wonderfruit เขาก็จัดหนักไม่แพ้สาวๆ กันเลย การสลัดความเรียบง่าย ลองสนุกกับการแต่งตัวตามคอนเซ็ปต์แบบนี้มันช่วยเสริมหล่อให้พวกเขา ดูเท่ ดูคูล ดึงดูดความสนใจของสาวๆ ได้เป็นไหนๆ และทำให้บรรยากาศภายในงานเปี่ยมไปด้วยสีสันแฟชั่นสไตล์โบฮีเมียนทั้งชายและหญิง
ส่วนเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกนั้น เราว่ามันโอเคเลยทีเดียวนะ มีระบบการจัดการและวางผังงานได้ค่อนข้างดี เป็นสัดเป็นส่วน ที่พักสามารถเลือกว่าจะเอาเต้นท์ไปกางเองหรือจะพักแคมป์สุดหรูระดับลักชัวรี่ซึ่งมีให้เลือกหลายราคา หลากความสบาย ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ที่คุณจ่ายไหว ที่สำคัญไม่มีปัญหาเรื่องจุดบริการห้องน้ำ มีทิชชู เพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้ และไม่ได้ดูสกปรกจนไม่กล้าเข้า
โดยส่วนตัวเราว่ามันเป็นงานเทศกาลดนตรีที่แนวคิดดีมากๆ เหมาะกับความต้องการของทุกเพศทุกวัยใครกำลังเนือยๆ อยากพักผ่อนแต่ก็สนุกสุดเหวี่ยงได้ในเวลาเดียวกัน แบบร่างไม่พัง คงต้องเก็บเงินเตรียมไป Wonderfruit ปีหน้ากันแล้ว แอบกระซิบนิดหนึ่งว่าสาวๆ ภายในงานสวยมาก สวยระดับพรีเมียมแบบเหลี่ยวมองจนหัวหมุนแน่นอน