วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ผลักดันให้เทพนิยายเลสเตอร์ซิตี้เป็นจริง - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ผลักดันให้เทพนิยายเลสเตอร์ซิตี้เป็นจริง

วิชัย ศรีวัฒนประภา (สกุลเดิม: รักศรีอักษร) เป็นนักธุรกิจชาวไทย เจ้าของธุรกิจดิวตี้ฟรีรายใหญ่ในประเทศไทย ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ในปี พ.ศ. 2560 นิตยสารฟอร์บส์ ได้จัดลำดับให้เขาเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 4,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 155,000 ล้านบาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 ได้มีการเผยแพร่ทรัพย์สินที่ 5,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 171,000 ล้านบาท เป็นลำดับที่ 5 ของประเทศไทย นอกจากนี้ คุณวิชัยยังเป็นเจ้าของ และเป็นประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี ในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ประเทศเบลเยียมอีกด้วย

ภาพจาก – Leicester City FC Thailand

เคยทำงานด้านธุรกิจต่างๆ มาเป็นจำนวนมาก ทั้งกิจการของตนเอง และร่วมบริหาร ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่
บริษัท คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป
เจ้าของโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์
โรงละครอักษรา
ภัตตาคารรามายณะ
สนามแข่งแฮมโปโล
สโมสร โอเอช ลูเวิน
โครงการ คิง เพาเวอร์ มหานคร
และ สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี

 

คุณวิชัยมีสถานะ และบทบาททางที่สำคัญในแวดวงกีฬาหลายอย่าง เช่น
กรรมการฝ่ายเตรียมนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย และเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย
เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย
และที่รู้จักกันดีคือประธานสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ โดยเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ. 2553 ในช่วงแรกถือหุ้นร้อยละ 51 ก่อนที่ในปีเดียวกันได้เข้าถือหุ้นเพิ่มทั้งหมด มูลค่าการซื้อขายทั้งหมดอยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์ และในปี พ.ศ. 2554 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสรฯ อย่างเต็มตัว

นอกจากนี้เขายังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิ คิง เพาเวอร์ และยังบริจาคทรัพย์สินเพื่อสาธารณะประโยชน์และการกุศลเรื่อยมา เช่น โครงการ ก้าว ของ ตูน บอดี้สแลม

รูปจาก – expressnews

 

ก่อนที่คุณวิชัย จะเข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เขาไม่เคยมีความผูกพันอะไรกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้มาก่อนเลย แต่เขาชอบกีฬาฟุตบอล และชอบพรีเมียร์ลีกมาก ขนาดที่เคยเข้าไปสนับสนุนทีม เชลซี มาก่อน เขาซื้อบ็อกซ์วีไอพี ในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ อย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายซีซัน แม้เชลซีจะขึ้นราคาทุกปี แต่ด้วยความชื่นชอบ เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้ที่นั่งชมเกมในสนาม
แถมยังลงเงินซื้อบอร์ดโฆษณาของคิงเพาเวอร์ ในสนามของเชลซีอีกด้วย ถ้าใครเป็นแฟนเซลซีน่าจะเคยเห็นโฆษณาของคิงเพาเวอร์ในสนามมาบ้าง

 

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คุณวิชัย เลิกสนับสนุนเชลซี เนื่องจาก ในปี 2005 ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าหน้าที่จะตรวจร่างกายผู้เข้าชมเกมอย่างเข้มงวดมาก ครอบครัวของคุณวิชัยเองก็ได้เดินทางไปชมเกมในสนามเช่นกัน ซึ่งตอนเดินเข้าสนามทุกคนในครอบครัวเดินเข้าไปด้านในหมดแล้ว เหลือเพียงคุณวิชัยที่เดินรั้งท้าย
ปรากฎว่าในจังหวะตรวจร่างกาย เจ้าหน้าที่สนาม เกือบเอาเครื่องสแกนมากระแทกคางวิชัย เขาจึงเอามือปัดไปมา มันทำให้การ์ดสนามไม่พอใจที่โดนตอบโต้ จนมีเรื่องมีราวกันใหญ่โต

ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ลูกชาย จึงต้องรีบกันคุณพ่อออกห่างจากการ์ด ก่อนที่จะมีเรื่องบานปลายไปยิ่งกว่านี้
คุณวิชัยเอง ก็มองว่าเขาเป็นแขกของสนาม เป็นทั้งสปอนเซอร์ และลูกค้าที่ซัพพอร์ตทีมอย่างดีมาตลอด แต่กลับมาโดนการ์ดสนามหาเรื่องกันแบบนี้ คือตรวจดีๆ เขาก็ไม่ว่า แต่เกือบทำเขาเจ็บตัวแล้วไม่ขอโทษ พร้อมยังหาว่าเขาทำผิด แบบนี้มันไม่โอเค
คุณวิชัยไม่พอใจมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาส่งจดหมายเพื่อตำหนิเรื่องทั้งหมดกับผู้บริหารเชลซี และหลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะหยุดการสนับสนุนทีมเชลซีทุกทาง
ไม่มีการซื้อบ็อกซ์วีไอพีอีกต่อไป รวมถึงการเลิกเข้าชมเกมในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในฐานะแฟนฟุตบอลอีกต่อไป

วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้

คุณวิชัยบอกกับอัยยวัฒน์ลูกชายไว้ในวันนั้น แต่ไม่มีใครคิดหรอกว่า เขาจะเอาจริงเอาจัง
“ตอนนั้นผมก็คิดว่าท่านคงพูดไปอย่างนั้นแหละ ท่านคงอารมณ์เสีย” อัยยวัฒน์เผย

ในปี 2007 ผ่านไป 2 ปีหลังจาก ที่คุณวิชัย เลิกเข้าไปดูบอลที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่เขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการหาซื้อสโมสรฟุตบอล แต่ว่าสโมสรฟุตบอลไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ ต่อให้คุณมีเงิน แต่ถ้าเจ้าของมองว่าคุณไม่เหมาะ เขาก็ไม่ขายให้อยู่ดี ซึ่งในที่สุด คุณวิชัยก็ได้โอกาสแรก เขาได้ติดต่อกับสโมสรเรดดิ้ง ทีมน้องใหม่ของศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น
เซอร์จอห์น มาเดจสกี้ เจ้าของทีมเรดดิ้ง พร้อมจะขายทีม แต่ก่อนอื่นต้องการคุยกับคนที่คิดจะมาซื้อก่อน
โดยในตอนนั้นเรดดิ้งเป็นสโมสรที่เป็นตัวเลือกที่ดี คืออยู่ในพรีเมียร์ลีก และระยะทางไม่ห่างจากลอนดอนมาก เดินทางง่าย ที่สำคัญราคาตั้งขาย ก็ไม่แพงเกินเหตุด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การเจรจาในวันนั้นล้มเหลว คุณวิชัยไม่สามารถซื้อสโมสรเรดดิ้งได้ เพราะเจ้าของไม่ขาย

 

“ทางเราบอกว่า เราชอบฟุตบอล เราดูฟุตบอล” อัยยวัฒน์เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันนั้น
“แต่เขาถามกลับมาว่า ยูเคยทำทีมฟุตบอลมั้ย เราบอกไม่เคย เขาบอกว่าถ้ายูไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ยูอย่าเข้ามาเลย เสียเวลา”
“เขาบอกว่า วงการนี้ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ควรเข้ามายุ่งหรอก ยูไม่สำเร็จหรอก”

 

ความล้มเหลวในการติดต่อกับ สโมสรเรดดิ้ง กลายเป็นคำถามในใจขึ้นมา เพราะต่อให้คุณมีเงิน แต่การจะเป็นเจ้าของสักสโมสร มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อการเจรจาล้มเหลว คุณวิชัยก็กลับมาบริหารงานที่คิงเพาเวอร์ตามปกติ เรื่องสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ก็เหมือนเป็นเรื่องไกลตัว ที่อาจไม่มีวันเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นความบังเอิญ ให้เขามาผูกพันกับทีมเล็กๆ ในระดับแชมเปี้ยนชิพ

 

ในปี 2010 สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ติดต่อเข้ามาหาวิชัย ซึ่งเลสเตอร์ในเวลานั้นเล่นอยู่ในระดับแชมเปี้ยนชิพ ลีกรองของอังกฤษ พวกเขาติดต่อเข้ามาหาวิชัย ไม่ใช่เพื่อให้ช่วยซื้อสโมสร แต่ต้องการขอสปอนเซอร์จากคิงเพาเวอร์
เลสเตอร์ อยากให้คิงเพาเวอร์ มาเป็นเมนสปอนเซอร์ที่หน้าอกเสื้อ โดยคิดค่าใช้จ่าย 3 แสนปอนด์

 

“คุณพ่อถามผมว่า เลสเตอร์เป็นยังไง ผมก็บอกไปว่า จำไม่ได้หรอ ที่เราไปดูกันตอนเด็กๆ” อัยยวัฒน์เล่า

คุณวิชัย กับ อัยยวัฒน์ เคยไปดูเลสเตอร์ ลงเล่นลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศในปี 1997 ที่สนามเวมบลีย์ หรือเมื่อ 13 ปีก่อน แต่เหตุการณ์นั้นผ่านมานานมากแล้ว เลสเตอร์จากที่เคยมีสตาร์ เคยอยู่ในพรีเมียร์ลีก ก็หล่นลงไปอยู่ระดับแชมเปี้ยนชิพ และไม่มีสตาร์คนไหนโดดเด่น

“ถามจริง คนที่ดูพรีเมียร์ลีก เคยสนใจลีกแชมเปี้ยนชิพไหม สนแต่ว่าใครขึ้นชั้นมา ใครตกชั้นไป” อัยยวัฒน์เผยต่อ “ผมเลยบอกคุณพ่อไปว่า ถ้าซื้อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ มันไม่ได้อะไรเลยนะ ไม่มีใครดูหรอก”
อย่างไรก็ตาม วิชัย เห็นต่างจากลูกชาย เขาบอกว่า “อยากลองดูก่อน”

 

วันรุ่งขึ้น คุณวิชัย กับ อัยยวัฒน์ เดินทางไปที่สนามวอล์คเกอร์ส สเตเดี้ยม สนามเหย้าของเลสเตอร์ เพื่อตัดสินใจว่า จะเป็นสปอนเซอร์ให้ดีหรือไม่ พอไปถึงสนาม เขาเห็นความบังเอิญที่ “โทนสี” ของเลสเตอร์ กับ คิงเพาเวอร์ มันเหมือนกัน คือสีน้ำเงินเข้ม เป็นความรู้สึกลงตัวบางอย่าง จากนั้น คุณวิชัย มานั่งคุยกับเจ้าของสโมสร มิลาน มันดาริช โดยมันดาริช ทำม็อกอัพ เสื้อแข่งจำลองมาให้วิชัยดู ว่าถ้าสโมสรเลสเตอร์ ใส่โลโก้คิงเพาเวอร์ที่หน้าอกแล้วจะเป็นอย่างไร

ภาพจาก – Leicester City FC Thailand

คำถามแรกที่คุณวิชัย ถามมันดาริช ไม่ได้เกี่ยวกับสปอนเซอร์อะไรทั้งสิ้น

“ยูขายทีมไหม?”
“ขาย” มันดาริชยืนยันมาแบบนั้น

มันดาริช ซื้อเลสเตอร์ ซิตี้ มาในปี 2006 ด้วยราคาประมาณ 25 ล้านปอนด์ แต่ทำทีมไปก็ไม่ได้ผลกำไรอะไรเท่าไหร่นัก ซึ่งในช่วง 4 ปีที่เขาเป็นเจ้าของ เลสเตอร์วนเวียนในระดับแชมเปี้ยนชิพ แถมเคยตกชั้นไปเล่นลีกวันมาแล้ว 1 ซีซั่น ว่ากันตรงๆ มันดาริชไม่เห็นอนาคตของเลสเตอร์ เพราะมีแต่จะจมดิ่งลงเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าได้ข้อเสนอดีๆ และทำกำไรได้ เขาก็พร้อมจะขาย

“เท่าไหร่” วิชัยถามกลับไป

 

ปรากฏว่าการคุยกันในวันนั้น จากที่จะซื้อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ 3 แสนปอนด์ ไปๆมาๆ คุณวิชัยกลับจ่ายเงิน 40 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อสโมสรแทน นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉับไวมาก สายตาของวิชัย มีความมั่นใจอะไรบางอย่าง เขาเชื่อว่าเลสเตอร์ ซิตี้ ไปไกลกว่านี้ได้
ด้วยความปุบปับของการตอบตกลงซื้อขายทีม จึงยังไม่มีเอกสารอะไรเป็นทางการ มิลาน มันดาริช ขอเวลาเล็กน้อยเพื่อจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด เช่นเดียวกับทางวิชัย ที่ต้องกลับมาไทย จัดการเตรียมเงินให้เรียบร้อย เพราะตัวเลข 40 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยในตอนนั้น คือ 1920 ล้านบาท มันก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ
ในตอนนี้ ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เป็นการตกลงปากเปล่าก่อนเท่านั้น มีการเขียนในกระดาษเอสี่ นิดหน่อยเป็นสัญญาใจ แต่ยังไม่ได้ผูกมัด 100%

เกมแรกของฤดูกาล เลสเตอร์ เจอกับคริสตัล พาเลซ ปรากฏว่าครึ่งแรกโดนนำไป 3 ลูก ก่อนจบเกมจะแพ้ 3-2 ตอนนั้นคุณวิชัย กับ อัยยวัฒน์ อยู่ที่ไทยและเกมนี้ไม่มีถ่ายทอดสดกลับมาที่ไทย อัยยวัฒน์จึงให้เพื่อนที่อังกฤษ ไปช่วยดูฟอร์มเลสเตอร์ ที่สนามเซลเฮิร์ส พาร์กหน่อย ว่าเป็นไงบ้าง

“เพื่อนโทรมาบอกว่าเล่นห่วยมาก เราเริ่มคิดว่านี่เราซื้อถูกหรือผิดกันแน่”

อย่างไรก็ตามคุณวิชัย ไม่ไขว้เขวแม้แต่น้อย เมื่อเขาสัญญาไปแล้วว่าจะซื้อ เขาก็จะซื้อ เขาเปลี่ยนใจได้ แต่ไม่ทำ

“คุณพ่อเป็นคนมีวิสัยทัศน์ประหลาด มองไกลจนผมตามไม่ทัน เวลาท่านพูดอะไรจะทำให้ได้ เอาให้ได้” อัยยวัฒน์เผยว่า แม้เขาจะลังเล แต่วิชัยกลับมั่นใจ “ท่านบอกว่า จะพลาดหรือไม่พลาด ไม่มีใครรู้แล้ว
“แต่เราต้องทำให้สำเร็จ”

ภาพจาก – Leicester City FC Thailand

สิงหาคม 2010 การซื้อขายเรียบร้อยคุณวิชัยซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ท่ามกลางเสียงสบประมาทมากมาย ว่า “แค่ของเล่นคนรวยหรือเปล่า?” แต่เขาก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเงียบๆ เขาร่วมกับลูกชายอัยยวัฒน์ แก้ปัญหาหลังบ้านมากมาย และค่อยๆ ปฏิวัติเลสเตอร์ จากทีมที่ดิ้นรนหนีการตกชั้นไปสู่ลีกวัน ค่อยๆ กลายมาเป็นทีมกลางตาราง และยกระดับเป็นทีมที่เข้าเพลย์ออฟ ลุ้นเลื่อนชั้น

 

ในปี 2013 วันที่เลสเตอร์ มาแพ้วัตฟอร์ด ในเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ทำให้ทุกคนในสโมสรรู้สึกดาวน์ และจมดิ่งไปในความเศร้า เกมนั้นถ้าชนะคุณจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ และมีโอกาสกลับมาสู่พรีเมียร์ลีก แต่เลสเตอร์ มาโดนยิงนาที 90+7
ทั้งสโมสรไม่มีแรงใจจะเดินหน้าต่อไปแล้ว ทั้งนักเตะ ทั้งสตาฟฟ์ แม้แต่อัยยวัฒน์ ก็ยังจมดิ่งด้วยความท้อแท้ แต่คนที่เปลี่ยนความรู้สึกของอัยยวัฒน์ให้กลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้งคือวิชัย

ก็เหมือนชีวิตแหละ มันยากน่ะดีแล้ว จะได้รู้ว่าความล้มเหลวเป็นยังไง

คำคำนั้นได้ปลุกอัยยวัฒน์ให้ลุกขึ้นมา นี่คือวิธีปลอบใจของวิชัย ที่แน่นอนว่าเสียใจไม่แพ้กัน แต่ความพ่ายแพ้มันคือบทเรียน และมันเป็นโอกาสที่เขาจะได้สอนลูกชายไปในตัว พราะชีวิต มันไม่เคยง่าย ไม่เคยเลย

ภาพจาก – Leicester City FC Thailand

หลังจากตกรอบเพลย์ออฟ ซีซั่นต่อมา เลสเตอร์ กลับมาด้วยความแข็งแกร่งกว่าเดิม นักเตะแกนหลักของทีมยังคงอยู่ช่วยทีมต่อ จากนั้นก็มีการซื้อตัวริยาด มาห์เรซ จากสโมสรเลอ อาฟร์ เข้ามาเสริมทีม คราวนี้เลสเตอร์ พุ่งทะยานติดปีก ความเจ็บปวดจากการแพ้เพลย์ออฟ เป็นแรงผลักดันให้นักเตะทุกคน เล่นอย่างรัดกุมกว่าเดิม และคราวนี้พวกเขาคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นไปเลยแบบสง่างาม ไม่ต้องมาลุ้นเพลย์ออฟอะไรกันอีก
ในวันที่เลสเตอร์ ได้แชมป์แชมเปี้ยนชิพ วิชัย ประกาศสิ่งหนึ่งขึ้นมา เป็นความทะเยอทะยานของเขา

“เรามีแผนจะขึ้นไปอยู่อันดับท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก และไปเล่นยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ใน 3 ปี”

ฝรั่งที่ได้ยินตอนนั้น ขำกลิ้ง มันไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว อันดับท็อปโฟร์ ทีมใหญ่ๆ ยังแย่งกันเหนื่อย แล้วกับเลสเตอร์ ที่เป็นน้องใหม่ จะไปทำได้อย่างไร ประธานสโมสรก็ได้แต่พูดไปเรื่อย

 

แต่ทว่า 2 ปี หลังจากที่วิชัยประกาศออกไป เลสเตอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจริงๆ คราวนี้ไม่มีฝรั่งคนไหนขำออกอีกแล้ว

ภาพจาก – Leicester City FC Thailand

ฤดูกาล 2015-16 ปีที่เลสเตอร์ เป็นแชมป์ เกมสุดท้ายของฤดูกาล เลสเตอร์ ต้องไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ของเชลซี ด้วยธรรมเนียมการต้อนรับทีมแชมป์ นักเตะของเชลซี ยืนเรียงกันก่อนเกมเริ่ม เพื่อตั้ง Guard of Honour หรือซุ้มแถวเกียรติยศ เพื่อปรบมือให้กับนักเตะเลสเตอร์ ที่เดินลงสู่สนาม
นักเตะเชลซี และแฟนบอลเชลซี ปรบมือ กันอย่างเกรียวกราวเพื่อให้เกียรติสโมสรเลสเตอร์ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในซีซั่นนั้น

คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เขาเคยบอกเอาไว้ “วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้”

11 ปีต่อมา เขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ

ภาพจาก – Leicester City FC Thailand

ประวัติสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้

สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรฟุตบอลเก่าแก่ของอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1884 มีอายุกว่า 135 ปี ตั้งอยู่ในภาคมิดแลนด์ตะวันออกของ อังกฤษ ได้รับฉายาว่า “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” ในประเทศอังกฤษ และ “จิ้งจอกสยาม” เป็นฉายาที่ได้รับหลังจากที่กลุ่มคิงพาวเวอร์เข้าซื้อสโมสร โดยมีชื่อเดิมว่า สโมสร เลสเตอร์ ฟอสส์ (Leicester Fosse) ตามชื่อของถนนสนามเหย้า และเข้าร่วมกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1890 พร้อมกับย้ายมาใช้สนามที่ถนนฟิลเบิร์ตเวย์ ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1891 เป็น เวลาถึง 111 ปี ต่อมาปี ค.ศ. 2002 จึงเปลี่ยนชื่อสนามแห่งนี้เป็น วอล์กเกอร์ส สเตเดี้ยม ซึ่งมาจาก ชื่อผลิตภัณฑ์ขนม Walkers ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลักของสโมสร ต่อมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประเทศไทย โดย นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้เข้ามาซื้อกิจการทั้งหมดของสโมสร และขยายความจุของสนามเป็น 32,500 ที่นั่ง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” (King Power Stadium)

โดยหลังจากการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ใช้เวลาเพียง 4 ปีในการกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จในฤดูกาล 2013-2014 ในฐานะแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิป หลังจากนั้นแฟนบอลทั่วโลกมีโอกาสได้รู้จัก เลสเตอร์ ซิตี้ มากขึ้นจากการแข่งขันกับทีมที่ได้ชื่อว่ามีแฟนคลับหนาแน่นอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล ฯลฯ นอกจากนี้ สโมสรยังมีโครงการ “ศูนย์ฝึกอะคาเดมี่” ซึ่งถือเป็น 1 ใน 10 ศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดใน ประเทศอังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเตะเยาวชนไทยได้ก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น โดยในฤดูกาล 2014-2015 จิ้งจอกสยาม สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการโกงความตายอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาจะสร้างปรากฏการณ์ให้คนทั้ง โลกได้รู้จัก เลสเตอร์ ซิตี้ จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2015-2016

ข้อมูลสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้
ชื่อเต็ม : Leicester City Football Club
ฉายา : จิ้งจอกสีน้ำเงิน (The Foxes) หรือ จิ้งจอกสยาม (Siamese Foxes)
ปีที่ก่อตั้ง : 1884 (as Leicester Fosse)
สนามกีฬา : King Power Stadium
ความจุสนาม : 32,500 คน
เจ้าของ : King Power Group
ประธานสโมสร : วิชัย ศรีวัฒนประภา
ผู้จัดการทีม : Claude Puel
ลีก : English Premier League
เว็บไซต์ : www.lcfc.com, www.lcfcthai.com

ที่มา – wikipidia, บทความสัมภาษณ์จากหนังสือ The Fairy Tale of Underfox, Fanpage วิเคราะห์บอลจริงจัง, lcfcthaiLeicester City FC Thailand

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save