Road Trip ขับรถเที่ยว เลาะเลียบชายแดนตะวันตก…สวนผึ้ง - สังขละบุรี - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Road Trip ขับรถเที่ยว เลาะเลียบชายแดนตะวันตก…สวนผึ้ง – สังขละบุรี

หลายครั้งของการท่องเที่ยว

ระหว่างทางที่ขับรถผ่านคือเสน่ห์ และความสนุกชั้นดีที่ทำให้ตลอดทริปนั้นกลายเป็นความทรงจำที่ประทับใจไม่แพ้ปลายทาง

จากประสบการณ์การเดินทางในช่วงที่ผ่านมาหลายปีของผมประเทศไทยมีถนนหลายสายน่าขับรถท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย หรือที่เรียกกันว่า “Road Trip“ ซึ่งเป็นการสำรวจและให้ความสำคัญระหว่างทางพอๆ กับจุดหมายเพราะแต่ละแยกหรือแต่ละโค้งอาจมีรายละเอียดที่น่าสนใจในแบบที่เราคาดไม่ถึงก็ได้เหมือนกับถนนเส้นนี้ครับ “สวนผึ้ง – สังขละบุรี”

คนที่ไปเที่ยวอำเภอสวนผึ้งจังหวัดราชบุรี จะรู้จักกันอย่างดีในแง่ของความสวยงามของธรรมชาติที่พักสวยสะดวกสบาย มีกิจกรรมให้อาหารสัตว์ แต่อีกมุมหนึ่งเมื่อขับรถออกจากถนนหลัก3028 แล้วเราจะพบกับเส้นทางเลียบเทือกเขาตะนาวศรีที่กั้นพรมแดนระหว่างไทยกับพม่าและนี่เองครับเป็นจุดเริ่มของ Road Trip

เส้นทางหมายเลข4019 จะพาเราไปค้นหาความสวยงามที่ซ่อนตัวอยู่…เพียง 10 กม. ใครจะรู้บ้างว่า? ที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่ที่ชื่อว่า “เหมืองตะโกปิดทอง” มาก่อน ยุครุ่งเรืองจะอยู่ราว พ.ศ.2480 ทั้งคนไทยกะเหรี่ยง มอญ ต่างมีชีวิตที่สุขสบายก่อนร่วงโรยไปตามกาลเวลาในช่วงปี พ.ศ. 2535 หากอยากเห็นเหมืองเก่าในมุมสวยๆ และสูงๆก็ไม่อยากครับ ที่ท้ายหมู่บ้านจะมี “สำนักสงฆ์เขาหัวช้าง” หรือวัดบางหญ้าแพรกตั้งอยู่บนเขาเล็กๆ พร้อมกับเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามศิลปะไทยผสมผสานกับพม่า ตั้งตระหง่านตัดกับเทือกเขาที่เล่นระดับสูงต่ำซ้อนทับกับต้นไม้ที่ปกคลุมอยู่มากมายจนไม่น่าเชื่อว่าที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่ดีบุกมาก่อน

ภูเขาที่คดเคี้ยวก่อนจากสวนผึ้งพาให้คิดไปว่าอยู่ภาคเหนือที่มีโค้งซ้ายทีขวาทีให้ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ไม่ต้องห่วงครับเส้นทางนี้ลาดยางเป็นอย่างดี เพราะชาวบ้านในพื้นที่ใช้เป็นทางสัญจรหลักเพื่อขนส่งสินค้าเกษตรอย่างเช่นอ้อยและข้าวโพดเราจะเห็นภาพวิถีชีวิตของเกษตรกรเช่นนี้อยู่เป็นระยะๆจนกระทั่งเข้าสู่อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี บนเส้นทางหลายเลข 4024 จะเปลี่ยนเป็นภาพของไร่มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำเยอะส่งผลให้ที่นี่มีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กๆ อยู่มาก วิวสองข้างทางช่วงนี้จึงดูเพลินๆไปอีกแบบครับ

ผมยังเลาะเลี้ยวต่อไปสู่ทางหลวงหมายเลข3209 เพื่อพบกับความอันซีนที่อยู่ในพื้นที่ของกองผสมสัตว์กรมการสัตว์ทหารบก นั่นคือ “ต้นจามจุรียักษ์อายุ 100 กว่าปี” กิ่งก้านของเขาแผ่ขยายไปรอบด้านกินอาณาเขตถึงหนึ่งไร่ครึ่ง! ขนาดลำต้นต้องใช้มากกว่า 10 คนโอบครับ ผมสอบถามคนเฒ่าคนแก่ที่มีอายุเกือบ90 ปี บอกว่าไม่รู้ว่ามีใครมาปลูกต้นจามจุรีนี้เห็นตั้งแต่เด็กก็สูงโตมากๆ และโตขึ้นอีกเรื่อยๆ อย่างที่เห็นกันสำหรับเทรนด์ฮิตปัจจุบันของที่นี่คือ หนุ่มสาวที่กำลังจะแต่งงานทั้งในกาญจนบุรีจังหวัดใกล้เคียง หรือไกลถึงเชียงใหม่ นิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันมากขึ้น คล้ายๆจะบอกว่าความรักกำลังจะขยายกิ่งก้านแก่กันและกันตลอดไป…ฟังแล้วดูยิ่งใหญ่และซึ้งดีครับ

พิกัดของการเดินทางต่อไปคือเส้นทางหมายเลข323 สิ่งที่ไม่อยากให้พลาดก่อนพ้นอำเภอไทรโยคคือ “พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด” ผมยืนยันได้เลยว่านี่คือพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดในเมืองไทยครับแต่ละจุดที่เดินไปตามช่องเขาขาดจะสัมผัสได้ถึงภาพและเสียงที่อธิบายในหูฟังว่าที่นี่เป็นพื้นที่ที่ยากที่สุดในการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะ หรือที่เรียกกันว่า Hell Fire ช่องไฟนรก ซึ่งมีที่มาจากคบเพลิงที่ถูกจุดไว้ทั้งวันทั้งคืน 24 ชม. เพื่อบังคับและเร่งให้เชลยศึกขุดเจาะช่องเขานี้ให้เป็นทางรถไฟไปยังพม่าให้ได้แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จเพราะญี่ปุ่นแพ้สงครามในครั้งนั้น

เส้นทางนี้ยังพาเลาะเลียบไปกับเทือกเขาตะนาวศรีผ่านโค้งที่ค่อยๆ สูงชันขึ้น หยุดพักสักนิดตรง “ป้อมปี่” ก่อนก็ดีครับแต่อย่าคิดว่าที่นี่มีป้อมอะไรตั้งอยู่ ชื่อนี้เพี้ยนมาจากคำว่าเปอปี่แปลว่าต้นอ้อที่มีอยู่มากในภาษากะเหรี่ยง ทำให้มีลมเย็นๆพัดตลอดเวลาริมเขื่อนวชิราลงกรณ กับวิวพาโนรามา 180 องศาเลยครับ จากนี้เพียง 20 กม. เราจะถึงจุดหมายของทริปนั่นคือ “สังขละบุรี” ที่บรรจุวิถีชีวิตของคนไทย มอญ พม่าและกะเหรี่ยงไว้ได้อย่างลงตัว หลักฐานที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้คือ “สะพานมอญหรือสะพานไม้อุตตมานุสรณ์” มีความยาวประมาณ 450 เมตร ถือว่ายาวที่สุดในประเทศ และเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานอูเบ็งของพม่าที่มีความยาวกว่า 2 กม.

สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับสังขละบุรีคือ“การล่องเรือเที่ยวเมืองบาดาล” หรือวัดวังก์วิเวการาม (เก่า) ที่จมน้ำหลังการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ใน พ.ศ. 2527 เป็นสถาปัตยกรรมที่อัศจรรย์และโด่งดังไปทั่วโลกใครที่มาในช่วงพฤษภาคมถึงกรกฎาคม จะสามารถเดินเข้าไปชมโบสถ์ที่จมน้ำมาตลอดปีได้สบายๆและลุงเณรผู้บุกเบิกล่องเรือเมืองบาดาลเสริมให้ฟังอีกว่า “…ไปอีกฟากหนึ่ง เราจะเจอดกับวัดสมเด็จ (เก่า) ถึงเป็นอันซีนใหม่เลยนะครับเพราะเป็นสถานที่เดียวในสังขละบุรีที่ไม่จมน้ำตอนสร้างเขื่อนพระพุทธชินราชจำลองที่เป็นพระประธานยังสมบูรณ์มากๆ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปีแล้ว” แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นจริงๆ ครับด้วยความที่วัดนี้อยู่บนเนินสูง น้ำจึงไม่สามารถท่วมถึงได้โบสถ์ที่ตั้งอยู่อาจผุกร่อนไปตามเวลาบ้าง แต่ความสวยงามนั้นประทับใจแน่นอนครับ

ระยะทางทั้งหมดประมาณ 250 กม. จากสวนผึ้งสู่สังขละบุรี เสมือนการดูหนังเรื่องหนึ่งที่มีวิถีชีวิตและสถานที่ต่างๆ ให้ค้นหาเรื่องราว ภายใต้เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สามารถเก็บเกี่ยวความสนุกได้ทุกหลักกิโลเมตร

งั้นอย่ารอช้าครับ…สตารท์รถ! กับ Road Trip นี้กันได้เลย

#RoadTrip #NuimNavigator#Thailand

Chalermchai Tunsingha
ชอบเดินทางตั้งแต่เด็กยันโต...จนได้เป็นแชมป์แฟนพันธุ์แท้ท่องเที่ยวไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save