หุบเขาแดนสนธยา…ลับแล - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
หุบเขาแดนสนธยา…ลับแล

บางทีความสงสัยและลึกลับ–ก็ทำให้เราออกเดินทางครับ

เหมือนอย่างครั้งนี้ที่ผมกางแผนที่ประเทศไทยออกดูกวาดสายตาไปรอบๆ ก็สะดุดกับชื่อของ “อำเภอลับแล อุตรดิตถ์” จังหวัดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ถูกรายล้อมด้วยพิษณุโลก สุโขทัย แพร่ น่านซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวคุ้นเคยมากมาย

นี่อาจเป็นเหตุผลที่ใครหลายลืม(ลับ)แลเวลาอยากไปเที่ยว

แต่ไม่ใช่ผมครับยิ่งลึกลับ ยิ่งน่าค้นหา ยิ่งอยากไปให้รู้ดูให้เห็น เคยได้ยินตำนานตั้งแต่ตอนเด็กๆว่า “หุบเขาเมืองลับแลห้ามพูดโกหก” เล่าถึงผู้ชายคนหนึ่งที่แอบเห็นหญิงสาวสวยๆหลายคนออกมาจากป่าลับแลโดยถือใบไม้คนละใบเพื่อใช้เข้าออกป่าแห่งนี้อย่างน่าอัศจรรย์ชายหนุ่มจึงหยิบใบไม้หนึ่งใบมาซ่อนไว้ ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งกลับไปไม่ได้ ชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอว่า หากต้องการใบไม้คืนต้องให้เข้าไปในป่าด้วยสาวคนนั้นก็ยินยอม สุดท้ายจึงรักกันและมีลูกชายขึ้นมา วันหนึ่งเด็กร้องงอแงไม่หยุดผู้เป็นพ่อจึงพูดปลอบเล่นๆ ว่า “นั่นๆ แม่กลับมาแล้วลูก” แต่ลืมไปว่าลับแลมีกฎเหล็กคือ “หากพูดโกหกต้องออกจากที่นี่” เมื่อหญิงสาวกลับมาจริงๆ ก็เสียใจมาก แต่กฎย่อมเป็นกฎเธอจึงเตรียมของจำเป็นให้สามีเดินทางกลับ หนึ่งในนั้นคือ “หัวขมิ้น” ซึ่งหนักและมีจำนวนมาก ระหว่างทางชายหนุ่มจึงโยนทิ้งเป็นระยะๆเมื่อกลับถึงบ้านเหลืออยู่แค่ชิ้นเดียว เมื่อหยิบออกมากลับเป็นทองคำแท่ง จึงรีบย้อนกลับไปแต่ดันกลายเป็นต้นขมิ้นไปหมดแล้ว เป็นอันว่าสิ้นสุดเรื่องราวเมืองลับแลอันโด่งดัง

นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับชื่อลับแลตามหลักภูมิศาสตร์ด้วยนั่นคือก่อนเข้าเมืองจะเห็น “ประตูเมือง” ตั้งตระหง่านต้อนรับอยู่ซึ่งมีไม่กี่แห่งในประเทศไทย ดูไปแล้วคล้ายกับที่เวียงจันทน์ ประเทศลาวพร้อมกับประติมากรรมรูปปั้นแม่หม้าย พอเดินผ่านเข้าไปจะมองเห็นภูเขาใหญ่ๆที่ชื่อว่า “ม่อนฤาษี” ด้วยความที่อยู่ทิศตะวันตก เมื่อพระอาทิตย์คล้อยแค่ช่วงบ่ายแก่ๆเมืองนี้ก็มืดเร็วกว่าปกติจึงเป็นที่มาของชื่อ “ลับแลง” แปลว่า ตอนเย็นในภาษาเหนือและเพี้ยนมาเป็นลับแลในที่สุด

ชุมชนสองข้างทางปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปตามยุคสมัยบ้างแต่เมื่อถึง “ตลาดศรีพนมมาศ” ความคลาสสิคของเรือนแถวไม้ยังคงไว้อย่างสวยงามโดยตั้งตาม “พระศรีพนมมาศ” บุคคลที่สร้างความเจริญให้กับเมืองลับแลตั้งแต่รัชกาลที่5 ถัดไปจะพบกับ “วัดเสาหิน” ที่โดดเด่นด้วยศิลปะเชียงแสนซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่บุกเบิกเมืองนี้ตั้งแต่ยุคสุโขทัย จากนั้นจะผ่านทุ่งนาและทิวเขาที่โอบล้อมเมืองอย่างสวยงามและวิถีชาวบ้านที่ผูกพันกับพุทธศาสนา แต่สิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็น “วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง” สร้างก่อนสมัยสุโขทัยบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และมีหลวงพ่อโตพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ หากดูรีวิวเก่าๆจะเห็นว่าพระบรมธาตุนี้มีสีดำ ซึ่งจริงๆ แล้วมีสีขาวล้วนแต่เมื่ออยู่ที่โล่งและตากแดดตากฝนมานาน จึงมีคราบสีดำเกาะเป็นจำนวนมากขณะที่ผมไปถึงกำลังทำความสะอาดและมีงานบูรณะองค์พระธาตุอยู่จึงเป็นสีขาวอย่างชัดเจนครับ ห่างกันนิดเดียวจะมี “พระแท่นศิลาอาสน์” ตั้งอยู่เนินเขาขนาดย่อมกับตำนานพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จมาจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมีที่แห่งนี้

เที่ยงถึงบ่ายคล้อยจนท้องร้องเป็นระยะๆต้องไม่พลาดอาหารเอกลักษณ์เมืองลับแลคือข้าวพันผัก ที่ขึ้นชื่อและยกนิ้วความอร่อยให้ก็ต้องเป็น“ข้าวพันผักป้าตอหรือป้าอินดี้” คล้ายกับข้าวเกรียบปากหม้อ แต่จะโรยผักต่างๆ ลงไปแทน เช่น กะหล่ำปลี ผักบุ้งแถมยังมีเมนูฟิวชั่นอย่างเช่น ข้าวพันผักไข่เจียว และอีกมากมายให้เลือกทานกันตามสบาย

ย้อนไปที่ชื่อป้าอินดี้นิดนึงครับ…หลายปีก่อนป้าตอทำคนเดียว ตั้งแต่รับออเดอร์ ทำอาหาร เสิร์ฟอาหาร เก็บโต๊ะเรียกได้ว่าครบวงจร ทำให้คิวคนรอยาวเป็นชั่วโมง แต่ก็ทนไหวเพราะความอร่อยจนได้นิคเนมว่าป้าอินดี้ทำคนเดียว แต่ปัจจุบันมีลูกชายมาช่วยแล้ว

พูดถึงเรื่องการกินอยู่หุบเขาลับแลมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ภูเขากินได้” ปลูกอะไรก็ขึ้นนำทัพโดยทุเรียนหลงลับแลชื่อดังที่ออกช่วงมิถุนายน ส่วนหมอนทองกินได้ตลอดปีเริ่มต้น 80 บาท/กก. รวมถึงลองกองหวานๆ ลูกใหญ่และสดใหม่กิโลกรัมแค่ 15 บาทเท่านั้นเองตลอดทางจะเห็นภาพชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์ ขนผลไม้เป็นสิบๆ โลขึ้นๆ ลงๆเนินเขาอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนชื้นคล้ายภาคใต้ มีฝนตกอยู่บ่อยๆด้านบนจึงมี “น้ำตกแม่พลู” น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำตลอดปีเป็นแหล่งพักผ่อนของคนลับแลและนักท่องเที่ยวให้ชิลล์ได้สบายๆ

ลองสร้างโจทย์การเดินทางขึ้นมาครับ จะช่วยสร้างสีสันในการท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลย เหมือนอย่างตำนานเมืองลับแลที่ลึกลับ น่าค้นหา บวกกับความสงสัยต่างๆ นานา ทำให้พบเจอกับเสน่ห์แบบตกหลุมรักได้ง่ายๆ ที่สำคัญมันคือแรงจูงใจชั้นดีที่ทำให้ก้าวเท้าออกจากบ้าน

–ต้องไปครับ รับรองว่าประทับใจลับแล…ผมไม่พูดโกหกแน่นอน

แถม/ ท้าย / ทริป…กับ Trickเท่ห์ๆ :
• พิพิธภัณฑ์เมืองลับแลอยู่ติดกับประตูเมืองเข้าฟรีครับ–เย็นวันเสาร์จะมีตลาดนัดถนนวันวานด้วย
• จุดชมวิวห้วยเฮียที่ลับแลอนุญาตให้ขึ้นเฉพาะหน้าหนาว นอกนั้นใช้เป็นเส้นทางขนผลไม้ครับ
• ไร่องุ่นคานาอันแปลว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า–ที่ชิลล์แห่งใหม่ ห่างตัวเมืองเพียง 20 กม.

Contact & Camping :
• ณ ลับแล รีสอร์ท 055-431-137 / 082-661-0881
• เฮือนลับแล 055-427-009
• Good Time 055-411-554
• ข้าวพันผักป้าอินดี้ 080-447-0345
• ไร่องุ่นคานาอัน 086-207-2096
• ททท. สำนักงานแพร่ (แพร่ น่าน อุตรดิตถ์) 054-521-127

#Legend #NuimNavigator #Uttaradit #Thailand

Chalermchai Tunsingha
ชอบเดินทางตั้งแต่เด็กยันโต...จนได้เป็นแชมป์แฟนพันธุ์แท้ท่องเที่ยวไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save