ความคิดด้านมินิมอลหรือความเรียบง่ายนั้นแพร่กระจายครอบคลุมอยู่ในศาสตร์หลายแขนงทั่วโลก ตั้งแต่การใช้ชีวิต เสื้อผ้า สิ่งปลูกสร้าง หรือเครื่องประดับ ในประเทศญี่ปุ่นนั้นความเรียบง่ายจัดว่าพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ พวกเขาเชื่อว่าหากใส่รายละเอียดทุกอย่างมากเกินไปจะทำให้ไม่มีอะไรเด่นชัดออกมาจึงเป็นที่มาคำว่า “less is more” นั่นเอง
วันนี้เราจึงอยากพาหนุ่มๆ มารู้จักแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นที่อัดแน่นไปด้วยความงามแบบเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่าง “TACS” แนวคิดของ TACS คือยึดหลักปรัชญาเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ นาฬิกาทุกคอลเลคชั่นของแบรนด์นี้จึงมีความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยดีเทลแปลกตาราวกับงานศิลปะชิ้นเอก และไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญแต่ผลงานทุกชิ้นจะต้องสามารถบอกรสนิยมหรือไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของผู้ใส่ได้ เพราะพวกเขาเชื่อว่า
วิธีที่คุณดูเวลาก็เหมือนกับวิถีที่คุณใช้ชีวิต
และด้วยแนวคิดอันแรงกล้าในการใช้ชีวิตให้สมดุลกับหลักปรัญชานี่เอง ก่อให้เกิดนาฬิกา 3 คอลเลคชั่นที่มีเรื่องราวลึกซึ้งแอบซ่อนอยู่เบื้องหลังรูปลักษณ์เรียบง่าย
1. Tea Time
คอลเลคชั่นแรกได้แรงบันดาลใจมาจากความสงบและบรรยากาศอันอบอุ่นที่เชิญชวนอยากให้ลูกค้าเข้ามาจิบกาแฟสักแก้ภายในคาเฟ่ต์ลักษณะการออกแบบนาฬิกาในคอลเลคชั่น Tea Time จึงเน้นเรื่องความสะดวกสบายและรู้สึกผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน
อย่างรุ่น Pixel หนึ่งในรุ่นขายดีของคอลเลคชั่นนี้ก็ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากหน่วยความละเอียดเล็กที่สุดของภาพดิจิตอล หรือ Pixel โดยนำมาเรียงให้มีความสูงแตกต่างกัน 3 รูปแบบเพื่อเน้นให้เกิดภาพ 3 มิติ และสร้างความโดดเด่นบริเวณด้านขวาของนาฬิกาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อีกรุ่นที่สร้างสรรค์จนต้องยกนิ้วให้คือ Daily Icon เป็นนาฬิกาที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่บอกเวลาเท่านั้น แต่การนำสัญลักษณ์สำคัญต่างๆในชีวิตประจำวันต่างๆมาใส่ลงไปบนปัดนาฬิกาสามารถช่วยให้นักเดินทางสามารถสื่อสารกับทุกคนบนโลกใบนี้เบื้องต้นได้อย่างเข้าใจแม้จะพูดกันคนละภาษา ทั้งยังสามารถใช้กับผู้มีความพกพร่องทางการสื่อสารได้ด้วย
2. Hobby Time
คอลเลคชั่นนี้เป็นการหยิบยกองค์ประกอบบางส่วนของงานอดิเรกยอดนิยมอย่างการถ่ายภาพ หรือการฟังเพลง มาผสมผสานเข้ากันกับนาฬิกาที่สวยงามได้อย่างลงตัว
ยกตัวอย่างรุ่น Nato Lens ที่เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้ดีตั้งแต่หน้าปัดเลนส์ที่มีลักษณะคล้ายกับวงแหวนปรับโฟกัสของกล้อง การออกแบบกระจกหน้าให้ปัดโค้งนูนขึ้นคล้ายกับเลนส์ Fisheye รวมถึงสายรัดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสายกล้องจริงๆ ทำให้นาฬิกาตัวนี้เหมือนกล้องขนาดจิ๋วที่พร้อมออกลุยทุกสถานการณ์กับช่างภาพหนุ่มผู้รักความสบาย
Double Channel ก็เป็นอีกรุ่นในคอลเลคชั่นที่หยิบความวินเทจมาผสมผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว โดยได้หยิบเครื่องรับวิทยุโบราณมาสร้างสรรค์หน้าปัดนาฬิกาข้อมือให้คล้ายปุ่มปรับคลื่นสัญญาณและออกแบบโซนเวลาสองโซนให้คล้ายแถบแสดงเลขช่องสัญญาณ แต่ยังคงรักษาความมินิมอลและดูสะอาดสะอ้านเอาไว้เป็นอย่างดี ทั้งเพิ่มความเท่ ทนทานด้วยสายรัดและกรอบตัวเรือนโลหะเหมาะสำหรับผู้ต้องการสนุกกับการออกเดินทางบ่อยๆ
3. Fun Time
แนวคิดของการออกแบบคอลเลคชั่นนี้ คือ การบอกเวลาจะต้องไม่น่าเบื่อและไร้ชีวิตชีวา ในระหว่างดูเวลาบนข้อมือ นาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ต้องทำให้ผู้สวมใส่เกิดความสนุก กระตุ้นให้พวกใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่หรือเกิดไอเดียสร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใคร
เหมือนรุ่น Mask Player ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากปกใส่แผ่นเสียง โดยออกแบบให้คล้ายกับการดึงแผ่นเสียงออกมาครึ่งหนึ่งด้านซ้ายถูกบดบังด้วยปกสีดำสนิทด้านขวาคือแผ่นเสียงที่มีตัวเลขบอกชั่วโมง นาที และ วินาทีอยู่ แม้การบอกเวลาอาจจะดูซับซ้อนเล็กน้อยแต่ก็มีความโดดเด่นจนใครเห็นก็ต้องเอ่ยทักแน่นอน
รุ่น Day & Night ก็มีรูปลักษณ์น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวัฎจักรการเกิดกลางวันกับกลางคืน หน้าปัดจึงถูกแบ่งครึ่งออกเป็นสองส่วน คือบนและล่างแต่ละส่วนมีสี เนื้อสัมผัสแตกต่างกันเช่นเดียวกับสัญลักษณ์หยินหยาง และแต่ละด้านมีสัญลักษณ์รูปวงกลมแสดงว่าด้านไหนคือกลางวันด้านไหนคือกลางคืน แม้จะแตกต่างกันแต่ก็สามารถกลมกลืนกันได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสบายตา เรียบง่าย น้อยแต่มาก ทั้งยังแฝงแง่คิดให้ผู้ใส่ใช้ชีวิตอย่างสมดุล