ทรง Slick back ทรงผมง่ายๆ แต่หล่อได้ 4 สไตล์

ทรงผมเดียวแต่เซ็ตได้หลากหลายสไตล์ เท่ได้ไม่ซ้ำ และเมื่อพูดถึงทรง Slick back หรือทรงปาดเรียบ ที่เพียงแค่ปาดโพเมดลงบนผม แล้วหวีไปเรียบๆ ก็จบ ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงทรงผมนักเตะชื่อดังอย่างเดวิด เบคแฮม ที่เราคุ้นเคย เพราะพี่เค้าเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของผมทรงนี้ไปแล้ว และถ้าคุณอยากลองทำผมทรงนี้ คุณยังสามารถเลือกเซ็ตทรงได้ถึง 4 สไตล์เลยทีเดียว เอาเป็นว่าไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าทำได้แบบไหนบ้าง

Classic Slick back

ทรง Slick back แบบคลาสสิคเป็นวิธีขั้นพื้นฐานและง่ายที่สุดในการเซทหรือจัดทรง โดยเริ่มจากวิธีการตัดผม ให้ช่างไถด้านข้างสั้นประมาณเบอร์ 2 หรือ 3 แล้วเหลือผมด้านบนไว้ให้ยาวๆ หน่อย แล้วใช้โพเมดถูที่ฝ่ามือก่อนปาดผมจากด้านบนไปข้างหลังให้หมด เรียบง่ายแต่มีสไตล์มาก ทรงนี้ทุกสถานการณ์ ออกงานทางการก็ยังได้

Slick Back Undercut

ทรงนี้ความต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างผมด้านบนและผมด้านล่าง คุณต้องไว้ความยาวผมด้านบนประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วตัดด้านข้างแบบ Disconnect เห็นผมแยกกันชัดเจนระหว่างผมด้านบนและผมด้านข้างที่ไถเกรียน ซึ่งก็จะเซทง่ายกว่ารูปแบบอื่นๆ ส่วนวิธีการเซทคือรอเช็ดผมให้แห้งหมาด ถูโพเมดเล็กน้อยลงบนฝ่ามือ ใช้มือเสยผมขึ้นจากหน้าผากไปด้านหลัง แล้วใช้หวีซ้ำให้เรียบอีกครั้ง โดยส่วนมากทรงผมชายที่เข้ากับการจัดแต่งแบบ Slick Back คือทรงเปิดข้างหรืออันเดอร์คัท

Slick Back Man Bun

ฟนุ่มผมยาวมาทางนี้ ทรงนี้ มันมีอยู่ 2 รูปแบบคือไว้ยาวไปเลย แล้วมัดบันไว้ด้านบน ใส่โพเมดสูตรเงาผสมน้ำเก็บผมให้เรียบทั้งศีรษะ หรือไว้ผมยาวด้านบนสำหรับพอมัดได้ ด้านข้างตัดสั้นไม่ถึงกับเกรียนแบบอันเดอร์คัท ถือเป็นทรงไว้เปลี่ยนลุคในวันที่คุณต้องการมัดหรือปล่อยเซอร์ผมด้านบนก็ได้เช่นกัน

Slick Back Pompadour

หนุ่มๆ หลายคนก็สนใจทำทรงนี้กันมาก โดยคุณต้องไว้ผมด้านบนให้ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ส่วนด้านข้างตัดเป็น เทเปอร์เฟด (Taper fade) คือตัดผมไล่ระดับความยาวจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง (จากจุดสูงสุดของศีรษะ ไล่ระดับมาด้านข้าง และลงมายังช่วงต้นคอ) โดยจะตัดให้ผมด้านบนมีความยาวมากที่สุด และสั้นไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ การจัดทรงมันอาจยุ่งยากสักนิด เพราะคุณต้องไดร์ผมยกผมด้านบนขึ้นมาให้มีวอลลุ่มแล้วใส่มูสหรือสเปรย์ เพื่อเซ็ตให้อยู่ทรง ก่อนที่จะลงโพเมด และฉีดสเปรย์ล็อคซ้ำอีกทรงอีกครั้ง