ช่วงสิ้นปีแบบนี้หลายบริษัทต่างก็เริ่มแจกปฎิทินปีใหม่เป็นของสัมนาคุณให้กับลูกค้ากันถ้วนหน้า ซึ่งทำให้ตัวผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปช่วงยุคต้นทศวรรษ20s ที่ปฎิทินปลุกใจเสื้อป่าจากลาเกอร์เบียร์สัญชาติไทยอย่าง “ลีโอ” สร้างความฮือฮา พลิกทั้งยอดขาย กุมทั้งหัวใจชายหนุ่มยุคนั้นไปพร้อมๆ กับการเติบโตของศิลปะภาพวาบหวิว
เบียร์ลีโอ เป็นสินค้าทางเลือกของบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ส่งออกมาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากเบียร์คู่แข่งหลังเหตุการณ์วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจนได้รับผลกระทบทุกภาคธุรกิจทั่วเอเชีย โดยวางให้เบียร์ลีโอเป็นลาเกอร์เบียร์รสชาติดีแต่ราคาถูกกว่าเบียร์สิงห์เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนใช้แรงงานในภาคอีสาน ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับออกมาดีเกินความคาดหมาย มีกระแสบอกแบบปากต่อปาก ขนาดที่แม้จะยังไม่วางขายในกรุงเทพฯ แต่ก็มีคนซื้อมาขายต่อแล้ว หลังจากนั้นทางแบรนด์ก็เดินหน้าโปรโมทการตลาดต่อด้วยโฆษณาแนวลูกทุ่ง ตลกขบขัน เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยโฆษณาชุดผู้ว่าราชการจังหวัด จนผู้คนพากันเรียกติดปากว่า “เบียร์ผู้ว่าฯ ”
ต่อมาเบียร์ลีโอเริ่มติดตลาดมากขึ้น ไม่เพียงแค่กลุ่มเป้าหมายเดิมเท่านั้นแต่ได้ใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้น้อยแต่มีรสนิยมดีอย่างกลุ่มนักศึกษามาครองด้วย ทางแบรนด์จึงปรับภาพลักษณ์จากที่ดูลูกทุ่ง ๆหน่อย ให้เป็นหนุ่มเมืองกรุงมากขึ้น และการได้รับรางวัลเหรียญทองคุณภาพเบียร์จากประเทศเยอรมันยิ่งช่วยการันตีความมั่นใจให้กับคอเบียร์ในเรื่องรสชาติมากขึ้นจนมีคนขนานนามกันว่าเป็น “Poor Man Heineken”
หลังจากนั้นเบียร์ลีโอก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางก็ยังไม่มากพอจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ พวกเขาจึงตัดสินใจปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้เด่นชัดขึ้นเพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มเดิมโดยใช้กลยุทธ์ “Sexy Entainment Beer” หยิบเอาความเซ็กซี่ของสาวๆ มาเป็นจุดขาย พร้อมดึงคุณ ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม สาวสุดเซ็กซี่ในยุคนั้นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการตลาดที่ตรงข้ามกับแบรนด์คู่แข่งอย่างสิ้นเชิง
แค่หลังจากปล่อยโฆษณาออกไปปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีเยี่ยมจนยอดขายเริ่มพุ่งสูงขึ้นจนครองตลาดเบียร์อันดับหนึ่งครองได้สำเร็จ ทางแบรนด์เลยใช้กลยุทธ์ Sexy Entertain Beer ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ด้วยจัดการประกวด Sexy Leo Girl เป็นกิจกรรมเสริมและจัดทำปฏิทินวาบหวิวสำหรับแจกเป็นของสัมนาคุณลูกค้าในช่วงสิ้นปี ซึ่งก็ได้ลูกเกด เมทินี นั่นแหละมาเป็นแม่งานในการจัดหานางแบบสาวชื่อดังมาร่วมงาน รวมถึงดูแลโปรเจคปฏิทินวาบหวิวดังกล่าวให้ออกมาสวย เซ็กซี่ สยิวกิ้วจนถึงขนาดที่ว่าปฏิทินบางปีกลายเป็นแรร์ไอเท็มไปเลยก็มี
หลังจากปล่อยปฏิทินออกไปครั้งแรกในปี ค.ศ 2005 การเดินทางของปฏิทินวาบหวิวก็ต้องสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 2010 ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางบริษัทหมดสัญญากับบริษัท เมทิเน่ จำกัด ของลูกเกด หรือปฏิทินปีนั้นเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างหนักเรื่องการถ่ายแบบแนว Body Paint ในสภาพนางแบบเปลือยกาย เปือยอก ใช้เพียงสีเป็นเสื้อผ้าอำพรางเรือนร่าง
แต่ที่หนักสุดๆ คงเป็นเรื่อง นางสาวจิตตภัสร์ ภิรมย์ภักดี อดีตข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนำปฏิทินลีโอไปแจกจ่ายกลางทำเนียบรัฐบาล จึงทำให้กระแสด้านลบยิ่งเพิ่มความทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้เธอต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง นอกจากนั้นพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ระบุห้ามไม่ให้มีการโฆษณาเหล้าเบียร์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การแจกจ่ายปฏิทินลีโอขัดกับหลักดังกล่าว ตำนานปฏิทินปลุกใจเสือป่าจึงต้องยุติการผลิตลงโดยปริยาย
จริงๆ แล้วภาพวาบหวิวกับการโฆษณาน้ำเมานั้นเป็นเรื่องที่มีมานานมากในสังคมไทย สมัยก่อนปฏิทินจากแบรนด์แม่โขง แสงโสม หรือสินค้าที่ข้องเกี่ยวกับผู้ชาย นางแบบส่วนใหญ่แทบจะไม่ใส่อะไรเลย แถมยังโชว์หัวนมกันจะๆ ด้วยซ้ำ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแทนที่จะโชว์กันเนื้อหนังแบบฮาร์ดเซลก็เปลี่ยนมาขายความเซ็กซี่ผสานกับศิลปะตามรสนิยมคนดูที่เปลี่ยนไปแทน หากในวัยเด็กใครเคยเห็นผ่านตา คงจะจำได้ว่าเหล่านางแบบและภาพเหล่านั้นสวย เซ็กซี่ขนาดไหน ซึ่งนับเป็นการตลาดอันชาญฉลาดของทางแบรนด์ที่นำปฏิทินปลุกใจเสือป่ามาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งจนสามารถพลิกวิกฤตกลับมาพลิกชนะคู่แข่งได้หลายปีซ้อน
