ต้องยอมรับว่ากระแสของ Netflix กำลังมาแรงทั่วโลก ซึ่งล่าสุดเองก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสื่อยักษ์ใหญ่อันดับ 8 ที่มีมูลค่าสูงถึง 146,000 ล้านดอลลาร์ เป็นรองแค่ Disney กับ Comcast เพียงแค่ 8,000 ล้านดอลลาร์ แถมยังทิ้งห่างแซงหน้าบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นเคยกันดีไปหลายช่วงตัว ไม่ว่าจะเป็น Time Warner (76,000 ล้านดอลลาร์) ,21st Century Fox (70,000 ล้านดอลลาร์) ,Sony (64,000 ล้านดอลลาร์)
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Netflix ประกาศว่าเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้ จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 7.41 ล้านคน นอกจากตัวเลขสมาชิกที่ประกาศออกมาแล้ว นักลงทุนยังแสดงปฏิกิริยาในเชิงบวกทั้งต่อรายงานรายรับของบริษัท การวิเคราะห์การดำเนินงานรวมถึงสารจาก CEO ของ Netflix : Reed Hastings
โดยมีรายได้จากการสตรีมมิงซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 43% ซึ่งตอนนี้ Netflix ขยายบริการใน 190 ประเทศทั่วโลกแล้ว มีสมาชิกนอกสหรัฐอเมริกามากถึง 68.3 ล้านคน ส่วนในสหรัฐมีสมาชิก 56.7 ล้านคน รายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 3.7 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากเดิม 40%
นักวิเคราะห์จาก Wall Street ได้มีการวิเคราะห์ว่าภายในปี พ.ศ. 2564 ทั้งโลกน่าจะมีรายได้จากสื่อบันเทิงทั้งหมดประมาณ 2.2 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบัน Netflix เพิ่งจะทำได้เพียง 0.5% หรือ 11 ล้านเหรียญดอลลาร์ของที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น ซึ่งจากการวิเคราะห์มีโอกาสที่ Netflix เองจะเติบโต และมีรายได้สูงขึ้นอีก 23 เท่า!
การวิเคราะห์นี้มองว่า Netflix เองมีโอกาสในการแข่งขันได้ต่อไปในอนาคต เพราะ Netflix เองมีจุดแข็งที่ยังไม่มีบริษัทอื่นสามารถมาแข่งขันด้วยได้ ทั้งในส่วนของ Platfrom และ Content เอง
Reed Hastings พูดเกี่ยวกับ Netflix ใน TED talk
ที่มา – US Today ,hollywoodreporter
