ความรู้สึกมันหลายหลากมาก ขณะรับชมภาพยนตร์เรื่อง ‘One Cut of the Dead’ จากทีแรกคิดว่าจุดขาย คือการถ่ายทำในลักษณะเทคเดียวนาน 37 นาที ซึ่งคงไม่ได้แตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ ที่โชว์รูปแบบเดียวกันนี่แหละ แถมระหว่างรับชมก็ยังแอบรู้สึกว่า ถึงจะใช้กลวิธี One shot ได้สมบุกสมบันดี แต่เหตุไฉนกลับทิ้งจุดบกพร่องไว้เกลื่อนขนาดนั้น(?) หรือเป็นไปได้ว่าจะชนะใจคนดู และนักวิจารณ์ จากความเป็นงานอินดี้ทุนต่ำแค่นั้นก็ได้(?)
กระทั่งหลังจบพาร์ทแรกก็ยังสงสัยว่า ตัวหนังจะไปอย่างไรต่อด้วยกระบวนท่าไหน(?).. แต่แล้วพาร์ทที่สองการนำเสนอก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง หันมาเป็นหนังเล่าเรื่องโดยเผยปูมหลัง และดราม่าตัวละคร รวมถึงที่มาที่ไปของโปรเจคหนังซ้อนหนังที่รับชมกันไปก่อนหน้า.. จากนั้นก็มาสู่บทสรุปในพาร์ทที่สาม ซึ่งเป็นทีเด็ดที่ยอดเยี่ยมในความสร้างสรรค์ อันเกิดจากการต่อยอดจากสองพาร์ทแรกอย่างตั้งใจ ไอเดียหลักๆ คือการเป็นหนังซ้อนหนัง และซ้อนหนังอีกที เรียกว่าทาบทับกันถึงสามชั้นเลยนั่นเอง
โดยความหรรษาอย่างแรงคือมันเฉลยข้อข้องใจ ในความไม่เนี๊ยบที่พาร์ทแรกทิ้งเอาไว้ ถ่ายทอดออกมาแบบแยบคาย แถมยังเข้าถึงง่ายอีกต่างหาก มุกส่วนใหญ่เป็นแนวโป๊ะแตกที่เจตนาอำพรางไว้ โดยมีทั้งฟุตเตจเดิม และถ่ายทำใหม่ นำมาร้อยเรียงกันแบบเนียนสนิท บางมุกเป็นเชิงเสียดสีแบบร้ายกาจ ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ของคนในกองถ่าย ตลอดจนวิถีทาง และระบบการทำงานในวงการบันเทิง
One Cut of the Dead หยิบจับโน่นนั่นมาเล่นจนผู้ชมหัวเราะตัวโยนนับครั้งไม่ถ้วน.. ก่อนช่วงท้ายจะมีมุมซึ้งเล็กๆ เกี่ยวกับครอบครัวให้อรรถรสลงตัว ไม่แปลกใจที่หนังทำรายได้ 250 เท่า ในการเปิดตัวเพียงสัปดาห์เดียว ไม่นับการถูกซื้อไปฉายอีกหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง.. จุดนี้ก็ต้องให้เครดิตแก่ทีมงานทุกฝ่าย นักแสดงที่แทบใหม่ถอดด้ามกันหมด (นางเอก Yuzuki Akiyama น่าร๊ากก) ที่ขาดไม่ได้คือผู้เขียนบท และกำกับ Shinichiro Ueda ซึ่งคงไม่ต้องชื่นชมอะไรมาก ในเมื่อผลงานของเขาประสบความสำเร็จ ทั้งในส่วนของรายได้มหาศาล คำวิจารณ์ที่ดีมาก เลยเถิดถึงขั้นคว้ารางวัลจากสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและแถบยุโรป.. ไปแล้วเรียบร้อยอ่ะนะ ^^
คะแนน [B+]
ที่มา – Fanpage เด็กรักหนัง