หลังโปรโมตพลาดในภาคแรกที่ทำเอาหลายคนเข้าใจว่าเป็นแนว Drama – Action แต่การนำเสนอได้พยามใส่ความ Fantasy เข้ามาเพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในแบบไทยๆ มันจึงมีฉากเว่อร์วัง(เกินจำเป็น)เยอะจนหลุดโทนไปสักหน่อย ผลลัพธ์จึงไม่สุดสักทางสำหรับผู้ชมแต่ละกลุ่ม ขุนพันธ์ 2 เหมือนจะเข้าใจในจุดนั้นและพยามแก้ไข ตัวหนังจึงปรับรูปแบบเป็น Action – Thriller โดยมีเรื่องการใช้อาคมหรือไสย์เวทย์เข้ามาเป็นอรรถรส ส่วนเนื้อหาก็น่าสนใจกว่าภาคแรกที่การเล่าเรื่องยังมีปัญหาพอสมควร.. โดยในภาคล่าสุด ขุนพันธ์ 2 จังหวะจะโคนของตัวหนังและปมในตัวละคร ล้วนชวนติดตามขึ้นกว่าภาคแรกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะพาร์ท Action หรือ Comedy ถือว่ากลมกล่อมลงตัวทีเดียว หลายฉากที่มีภาพรุนแรงจนสามารถทำให้หวาดเสียวตามได้ และมุกตลกที่มอบเสียงหัวเราะกันลั่นโรงอยู่หลายครั้ง

ทว่าพอดำเนินไปราวๆครึ่งทางที่เริ่มพยามขยี้ Drama หรือคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ ขุนพันธ์ 2 ก็กลับไปสู่ความบกพร่องในผลงานของ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ที่ช่วงหลังมักจะตกม้าตายเป็นประจำ ทั้งการคลี่คลายแบบท่าง่าย และสูตรสำเร็จ หรือบทสรุปแต่ละตัวละคร และประเด็นที่สร้างไว้ในครึ่งแรก มักลงเอยแบบไม่ค่อยจะช่วยให้เราอยากจดจำหรือรุ้สึกดีเท่าไหร่ ไม่ต่างกับซีนแอ็คชั่นบางซีนในช่วงท้ายที่ใช้อาคมกันนั้น พิจารณาแล้วก็ไม่เข้าใจว่าจะยุ่งยากไปทำไม ถ้าต่อสู้กันแบบธรรมดาอาจจะเข้าท่ากว่าเยอะ บลาบลา.. อย่างไรก็ตามไม่ได้แปลว่า ขุนพันธ์ 2 จะล้มเหลวในการมอบความบันเทิง “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ทีมงานและนักแสดงทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนได้น่าพอใจ เป็นอีกผลงานคนไทยที่ควรให้การสนับสนุนกันแยะๆ ผุัเขียนร่วมเอาใจช่วยให้เป็นอีกหนึ่งแฟรนไชล์ ที่ได้อนุมัติสร้างภาคต่อออกมาอีกเรื่อยๆเลยล่ะกัน ^^
.
[คะแนน B -]

ที่มา – เพจเด็กรักหนัง