เรียกว่าหมดข้อสงสัย และกังขากับ Damien Chazelle สำแดงศักยภาพในผลงานล่าสุด ให้คอหนังที่เคยตั้งคำถามกับสองงานสุดปัง Whiplash (2014) และ La La Land (2016) ที่มีรุปแบบเฉพาะตัวบางอย่าง รวมถึงความเป็นหนังเกี่ยวกับดนตรีทั้งสอง มันเลยน่าสนใจว่าเขาจะผลิตงานที่ยาก และแตกต่างจากเดิมได้ไหม(?) แล้วจะโดดเด่นแค่ไหน(?).. First Man เรียกว่าพิสูจน์ได้อย่างหมดจดทีเดียว เนื่องตัวงานห่างไกลจากสองผลงานสร้างชื่อ โดยมีความเป็นแนว Biography / Drama / History แบบเข้มข้นและเต็มรูปแบบ สำคัญกว่านั้นคือ Damien Chazelle ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเขียนบทแบบที่ผ่านมา ตลอดจนสเกลงานที่ใหญ่ และละเอียดกันสุดๆ ทว่าผลลัพธ์คือไม่พบปัญหาแถมยังเอาอยู่มือสบาย
สำหรับหนังเผยชีวิตของนักบินอวกาศ ‘Neil Armstrong’ ในแง่มุมที่คนทั่วไปอาจไม่เคยรู้ นอกจากการเป็นคนแรกที่ได้เหยียบดวงจันทร์ แม้สอดรับกับชื่อของเรื่อง First Man แต่ลักษณะการนำเสนอคือมุ่งสำรวจสภาวะจิตใจของตัวละคร ที่ต้องเผชิญความกดดันจากภารกิจยิ่งใหญ่ ที่เพียงแค่การฝึกซ้อมก็อาจเสียชีวิตได้แล้ว ไหนยังต้องรับมือกับสภาพแวดล้อม และคนรอบตัว รูปแบบจึงต่างกับหนังแนวใกล้เคียงกันนี้ ที่ส่วนใหญ่เน้นสนองความบันเทิง ไม่พยามขายความเป็นมนุษย์ และเส้นเรื่องสมจริงสมจังเบอร์นี้ ขณะรับชมมันจึงค่อนข้างตึงเครียด และดราม่าหนักอึ้งจากเนื้อหา ประกอบกลวิธีถ่ายทำที่เลือกช็อตระยะใกล้เป็นหลัก ส่งให้คนดูเสมือนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละคร ซึ่งเป็นไอเดียที่เหนือชั้นเพราะทำให้เส้นเรื่องที่เราก็รู้อยู่แล้วว่าจะจบยังไง กลับกลายเป็นน่าสนใจ และน่าเอาใจช่วยตลอดเวลา
แน่นอนว่าเป็นความยากขั้นสุดไปด้วยของผู้กำกับ ทีมงาน ตลอดจนนักแสดง โดยเฉพาะพระเอก ‘Ryan Gosling’ ที่ถือเป็นบทบาทที่น่าชื่นชมในรอบหลายปี หลังถูกวิจารณ์ว่าเป็นนักแสดงหน้าตาย ขายความเท่ห์ๆ นิ่งๆ ในหลายเรื่อง First Man ผู้เขียนรู้สึกได้ถึงพลังในตัวละคร Neil Armstrong ที่เขาพยามถ่ายทอดเต็มที่ หลายฉากที่ไม่ยอมพูดไม่จา และพยามเก็บความรู้สึก แต่เพียงแค่สายตา/ท่าทางก็สื่อสารอารมณ์และความคิดออกมาได้ดี คาดว่ามีลุ้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาดารานำชายได้ไม่ยาก ซึ่งก็คงรับโค้วต้าพร้อมกับสาขาภาพยนตร์ และผู้กำกับยอดเยี่ยมแบบไม่น่าพลิกโผ
[ คะแนน B ++]
ที่มา – เพจเด็กรักหนัง