อุตสาหกรรมความเหงาก่อให้เกิดผู้เสพความเหงาโดยไม่รู้ตัว - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
อุตสาหกรรมความเหงาก่อให้เกิดผู้เสพความเหงาโดยไม่รู้ตัว

“เหงา” ศัตรูตัวร้ายที่ชอบเข้ามารบกวนจิตใจยามค่ำคืน บ้างก็ว่าความเหงาเป็นการโหยหาการเข้าสังคม บ้างก็ว่าความเหงาเป็นขั้วบวกขั้วลบ

แต่ถ้ามีพร้อมทุกอย่างเพื่อน แฟน ครอบครัวแล้วความเหงามันมาอย่างไร ศาสตราจารย์จอห์น ที. คาซซีโอโป (John T.Cacioppo) นักประสาทวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งศูนย์ศึกษาการรับรู้และประสาทวิทยาศาสตร์ทางสังคมแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกระบุว่า

ความเหงาคือความโดดเดี่ยวที่เกิดจากการรับรู้เรื่องการสูญเสียสายสัมพันธ์ทางสังคม โดยอาจไม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังในความเป็นจริง

คล้ายกับนิยามความเหงาที่เราบัญญัติขึ้นมาเองว่ามันคือ “ความรู้สึกที่เคยมีบางอย่างแต่ตอนนี้ไม่มีอยู่” หากมองย้อนกลับไปตอนยังเด็กพวกเราแทบจะไม่มีอารมณ์มานั่งรู้สึกเหงาเหมือนเล่นเอ็มวีแบบนี้เลย แต่พอโตขึ้นเรื่อยๆ ความเหงากลับมีอิทธิพลต่อจิตใจเราได้อย่างเหลือเชื่อ เราโหยหาเพื่อนสมัยเรียน โหยหาคนรู้ใจ หรือสิ่งของรอบตัวเพื่อมากลบส่วนนั้นให้เต็ม ราวกับว่าความเหงามันใหญ่ขึ้นตามความต้องการที่มากขึ้นไปด้วย

งานศึกษาของ อลิซาเบท มิลเลอร์ (Elizabeth Miller) ศาสตราจารย์กุมารเวชศาสตร์ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ชี้ให้เห็นว่าการใช้สื่อสังคมออนไลน์สามารถเชื่อมโยงเข้ากับความรู้สึกเหงาและความหดหู่ได้โดยตรง คนมิลเลนเนียลเล่นโซเชียลมีเดียมากขึ้นเพราะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่โซเชียลมีเดียกลับทำให้พวกเขาเหงามากกว่าเดิม ยิ่งถ้าคนติดการใช้โซเชียลมีเดียเกิน 58 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีโอกาสที่จะเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวมากถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์เลยทีเดียว

ทำไมโซเชียลมีเดียทำให้เรารู้สึกเหงามากขึ้น นั่นเป็นเพราะโลกโซเชียลเต็มไปด้วยสิ่งสร้างภาพ เมื่อเราได้เห็นชีวิตคนอื่นผ่านเรื่องราวดีๆที่เขาโพสมันก็ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบขึ้นภายในอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้ตัวแต่คุณไม่ยอมรับมันอยู่ก็ได้ ซึ่งความรู้สึกเปรียบเทียบนี่แหละตัวการทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบจนกระทั่งแปรเปลี่ยนจากความเหงาเป็นโรคซึมเศร้าแทน

ทั้งที่ความเหงาเป็นธรรมชาติของมนุษย์แต่เรากลับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรกันแน่และไม่รู้ว่าต้องจัดการกับมันอย่างไรดี แม้จะมี How-to เขียนไว้ร่ายยาวเป็นหางว่าวสุดท้ายมันก็เป็นเรื่องยากจะทำได้เพราะขนาดรักยังหักห้ามใจไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับความเหงาเราจะเอาชนะมันได้ละ

ด้วยเหตุนี้การหยิบยกนำความเหงาไปเป็นส่วนผสมของเพลง โลกภาพยนตร์ งานศิลปะ หรือวรรณกรรม จึงกระจายไปอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นอุตสากรรมความเหงา และมันก็ดันขายดิบขายดี ขายได้ตลอดการซะด้วย เพราะสิ่งเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนตัวแทนในการอธิบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดที่อยากระบายออกไป

หากพูดถึงโลกภาพยนตร์ผู้คร่ำหวอดในวงการเหงาก็ต้องยกให้ หว่องกาไว  (Wong Kar Wai) ผู้กำกับและนักเขียนบทภาพยนตร์ชาวฮ่องกงที่มีสไตล์ชัดเจน จัดจ้านในการเล่าเรื่องแบบดราม่า เซื่องซึม เหงา เปล่าเปลี่ยว แต่เต็มไปด้วยสีสันและงดงามราวบทกวีจนใครๆต่างก็พากันเปลี่ยนคำว่าเหงา เป็นใช้คำว่าหว่องแทนไปเลย

และถ้าเป็นในสายวรรณกรรม ฮารุกิ มุราคามิ (Haruki Murakami) นักเขียนชาวญี่ปุ่นคนนี้จัดว่าเป็นเจ้าพ่อวรรณกรรมโพสต์โมเดิร์นเลย เสน่ห์งานเขียนของเขาอดุมไปด้วยความเหงาที่สะท้อนความรู้สึกโดดเดี่ยวและโหยหาความรัก โดยกลั่นอารมณ์เหล่านั้นออกมาเป็นเรื่องราวอันแฝงไปด้วยนัยยะให้ชวนตีความแตกต่างกันไปซึ่งเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับของมุราคามิ

ส่วนในแวดวงดนตรีนั้น เดเมียน ไรซ์ (Damien Rice) คือศิลปินหนุ่มผู้ได้รับการกล่าวขานกันว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งบทเพลงเหงา ด้วยเนื้อหาและทำนองเพลงแบบไอริชโฟลค์ที่ดึงเอาอารมณ์เหงา เศร้า โรแมนติกออกมาผสมผสานกับเสียงอันไพเราะทำให้ทุกบทเพลงของเขาเปรียบเสมือนบทกวีที่พร้อมจะพาด่ำดิ่งไปกับความเหงาแบบหม่นๆ  

นอกจากนั้นยังมีผลงานจากอุตสาหกรรมความเหงาอีกมากมายที่สามารถเข้าไปครอบครองพื้นที่ภายในจิตใจของเราได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเพจเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์จำนวนหลายแอคเคาท์ที่ใช้ความเหงาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดคนเหงาให้ไปรวมตัวกัน และมันก็ช่างบาดลึกกินใจเราเหลือเกิน

ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้อาจกำลังทำให้คุณเสพติดความเหงาแบบไม่รู้ตัว เคยไหมทั้งๆ ที่ไม่ได้อกหักแต่กลับน้ำตาไหลเวลาฟังเพลงเศร้าหรือเห็นประโยคเด็ดๆในเฟสบุ๊คแล้วอยากแชร์ทั้งที่คุณไม่ได้เผชิญเหตุการณ์นั้นอยู่ราวกับว่าเราถูกกระตุ้นให้เกิดความเหงาบ่อยๆ จากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ บางครั้งก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งแต่บางครั้งอารมณ์นั้นกลับดำดิ่งเกินกว่าจะควบคุม

แม้ความเหงาจะไม่ทำให้ใครตายแต่ความหม่นหมองในใจนี่สิทำให้เราตายทั้งเป็นได้ อย่างที่บอกว่าหากปล่อยไว้นานๆ มันก็สามารถกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เพราะฉะนั้นเสพทุกอย่างที่ทำให้เหงาอย่างพอดี เอาแค่พอเป็นศิลปะ หากรู้ว่าเริ่มถล้ำลึกก็ถอยออกมาหน่อยเพื่อรักษาสภาพจิตใจของตัวเองให้ไม่ต้องเหงาแบบเรื้อรัง

Source : 1|2
Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save