Inception ฝังความคิดด้วยจิตพิฆาต - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Inception ฝังความคิดด้วยจิตพิฆาต

ถ้าให้นึกถึงหนังสักเรื่องที่ติดอันดับแห่งความประทับใจคงต้องยกให้กับ “Inception” ของคริสโตเฟอร์โนแลนด์ ผู้กำกับสร้างชื่อจากภาพยนตร์แบทแมนไตรภาคอันโด่งดัง Inception นั้นออกฉายในปี 2010 สร้างปรากฏการณ์เสียงชื่นชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมไปแบบล้นหลาม ด้วยบทอันคมคาย การดำเนินเรื่องชวนติดตาม วิธีเล่าเรื่องอันเฉียบแหลมซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสไตล์โนแลนด์ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวซับซ้อนให้ออกมาเข้าใจง่าย ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ Inception กลายเป็นภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายคนรวมถึงทีมงาน The Macho ด้วย

 

“ความคิด ตายยาก แพร่ระบาดง่าย”

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ คุณลุง Michael Cain  หนึ่งในนักแสดงในเรื่องนี้ได้ออกมาเปิดเผยความหมายในตอนจบของเรื่องที่มีการถกเถียงกันท่ามกลางหมู่แฟนคลับของหนังเรื่องนี้ว่าท้ายที่สุดบทสรุปนั้นเป็นเช่นไรกันแน่ หลังจากที่ภาพยนตร์ Inception ได้ลาโรงไปนานถึง 8 ปี ข้อสงสัยทั้งหมดก็ได้คลี่คลายปลายปมออกมาในที่สุด จนทำให้เราอดไม่ได้ที่จะหยิบหนังเรื่องโปรดนี้มาเปิดดูอีกครั้งเพื่อไขปริศนาให้กระจ่าง

คำเตือน : บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของหนังบางส่วน (สปอย) 

 


จุดเริ่มต้นภารกิจล่าฝัน


“คุณกล้าท้าทายโชคชะตาไหม หรือจะรอวันเป็นตาแก่ จมอยู่กับความเสียใจ รอความตายเพียงลำพัง”

ไซโตะเอ่ยวาจาท้าทายให้ค็อปได้ลองทบทวนคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะทำการอินเซ็ปชั่นหรือการฝังความคิดของเป้าหมาย ซึ่งเป็นภารกิจที่ไม่เคยมีใครสามารถทำสำเร็จมาก่อน หากทำได้สำเร็จค็อปจะได้รับเว้นโทษที่ตนเองคดีที่ต้องหนีอยู่และสามารถกลับไปกับลูกสองคนได้

ค็อปอยู่ในสถานการณ์ไร้ทางเลือกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากเลือกที่จะหนีไปอีกเรื่อยๆก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกจมปลักอยู่ความฝันที่ห่างไกลความเป็นจริง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ค็อปซึ่งนำแสดงโดยดารารางวัลมากฝีมืออย่าง ลีโอนาโอ ดีคาปรีโอ ออกรวบรวมทีมเพื่อทำภารกิจล่าฝันนี้ให้ลุล่วง


การฝังความคิดเป็นไปได้จริงหรือ?

“ความคิด” ตายยาก แพร่ระบาดง่าย เมื่อความคิดเกาะติดหนึบอยู่ที่สมองแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะลบให้สิ้นซาก แม้จะพยายามอย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะความเจ็บปวดนั้นจะยังคงตกค้างอยู่ในจิตใจ การสร้างความคิดให้เกิดขึ้นกับใครสักคนจึงเป็นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากมีหลักจิตวิทยา เข้าใจระบบของสมองแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดที่จะเปลี่ยนความคิดคนได้ ต้องอาศัยความละเอียดละออในการสร้างสถานการณ์ขึ้นมา สร้างบริบทที่น่าเชื่อถือ หว่านล้อมด้วยอารมณ์ ผสมกับความความเชื่อมโยงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง

การจะฝังความคิดลงไปในจิตใต้สำนึกของใครสักคนจึงจำเป็นต้องอาศัยทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยม ค็อปนั้นรู้ดีว่าการจะทำงานให้ลุล่วงต้องใช้มืออาชีพเฉพาะด้านที่เก่งที่สุดเท่าที่จะหาได้ โดยในทีมจะต้องประกอบไปด้วย

สถาปนิก” ผู้สร้างสภาพแวดล้อมให้ได้สมจริงในทุกรายละเอียด
นักปลอมแปลง” ผู้สามารถเลียนแบบบุคลิกหน้าตาจนเหยื่อตายใจหลงเชื่อได้
นักปรุงยา” ผู้ผลิตคิดค้นสูตรยาในการนอนหลับได้ตามเวลาที่ต้องการ
นักวางแผน” ผู้กำหนดแบบแปลนแผนการณ์โดยต้องคำนวณเวลาปลุกตื่นให้ตรงเวลา
หัวหน้าทีม” ผู้คอยบริหารจัดการให้การจารกรรมความฝันเป็นไปตามเป้าหมาย

เราจึงต้องระวังเรื่องการมีความคิดฝังแน่นโดยเฉพาะจากใครก็ตามที่พยายามจะพูดกรอกหู พูดบ่อยครั้ง ยัดเยียดความคิดให้กับเรา หากขาดการคิดโดยใช้ปัญญาแล้วเราจะสร้างปัญหาด้วยการรับความคิดนั้นไปเก็บฝังไว้ในสมองส่วนรับรู้ พอรู้ตัวอีกทีก็คิดแบบเดียวกันไปเสียแล้ว


ฝันซ้อนฝัน

ธรรมชาติของมนุษย์ต้องพักผ่อนด้วยการหลับนอนเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นในพื้นพิภพนี้ ถึงแม้จะนอนหลับไปแล้วแต่สมองเองก็ยังทำงานอยู่ในรูปแบบของคลื่นไฟฟ้าซึ่งเรามักจะเรียกว่า “ความฝัน”

ใน Inception นั้นขณะฝันทุกสิ่งอย่างจะช้าลงห้านาที ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงเท่ากับเวลานานนับชั่วโมง ความฝันคือสิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกเราจึงไม่สามารถควบคุมได้ แต่หากได้รับการเรียนรู้ฝึกฝนก็สามารถควบคุมความฝันจนเกิดเป็นทักษะในการเข้าไปล้วงลับจารกรรมความคิดผู้อื่นผ่านทางความฝันได้

การจะตื่นจากฝันที่ใช้ยานั้นเป็นไปได้ 2 แบบด้วยกัน หนึ่ง ยาหมดฤทธิ์ตามปริมาณยาที่ได้ให้ไว้ สอง ตายในขณะอยู่ในฝัน เพื่อให้การตื่นจากฝันเป็นระบบมากขึ้น เหล่านักจารกรรมจะใช้สัญญาณเตือนจากเสียงเพลงให้รู้ว่าใกล้ถึงเวลาเตรียมตัวตื่น หากไม่ตื่นก็จำเป็นต้องใช้การปลุกด้วยน้ำ หรือการสังหารให้ตาย

ความเหนือชั้นที่ทีมจารกรรมฝันของค็อปมีนั้นสามารถสร้างความฝันหลายชั้นซ้อนกันได้เพื่อสร้างปมเรื่องราวให้ดูสมจริงจนเหยื่อที่กำลังกลายเป็นเป้าหมายตายใจไม่รู้ตัว แต่การจะสร้างความฝันซ้อนในความฝันนั้นต้องอาศัยทีมวางแผนที่เก่งกาจ มีการกำหนดระยะเวลาของเหตุการณ์สมมติได้ตรงตามขั้นตอนอย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบ


จริงหรือลวง

เพื่อจะแยกแยะสภาวะจิตสับสนที่ไม่รู้ว่าขณะนั้นกำลังอยู่ในความฝันหรือโลกแห่งความเป็นจริงจำเป็นต้องพึ่ง “โทเท็ม” หรือสิ่งของเทียมเทียบในการระบุแบ่งแย่งโลกทั้ง 2 ออกจากกัน ในเรื่องตัวเอกอย่างค็อปนั้นต้องอาศัยโทเท็มที่คล้ายลูกข่างโลหะขนาดเล็ก หากลูกข่างนั้นหมุนไม่หยุดก็แสดงว่ากำลังอยู่ในความฝัน หากลูกข่างหมุนแล้วหยุดก็อยู่ในโลกแห่งความจริง

โทเท็มจึงกลายเป็นไอเทมประจำกายของเหล่านักจารกรรมความฝันที่แต่ละคนจะมีโทเท็มแตกต่างกันไป ถ้าติดอยู่ในความฝันนานเกินไปจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าโลกที่อยู่เป็นแบบไหน อาจจะเผลอฆ่าตัวตายเพื่อให้ตัวเองตื่นจากความฝัน หากอยู่ในโลกแห่งความจริงแล้วดันไปฆ่าตัวตายก็เท่ากับว่าเราได้จากโลกนี้ไปอย่างถาวร ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น โทเท็มจึงมีบทบาทความสำคัญมาก

การหลงทางอยู่ในความฝันกลายเป็นเรื่องอันตรายเพราะทำให้เราจมลงไปในโลกแห่งความหลอกลวง ไม่สามารถใช้สติวิจารณญาณในการแยกแยะระหว่างความจริงหรือความฝันได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเราเเสพติดกับการอยู่ในโลกแห่งความฝันจอมปลอม เลือกหลีกหนีกลับไปอยู่โลกแห่งการมโนสร้างภาพหลอกตัวเองไปวันๆ ไม่กล้าตื่นเพื่อออกมาต่อสู้กับความเป็นจริง การมีเครื่องมือเตือนสติให้เกิดการฉุกคิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในชีวิตของเรานั้นโทเท็มที่ดีที่สุดก็คือการมี “สติ” หรือการมีกัลยาณมิตรที่ดีสักคนคอยช่วยเตือนสติให้เราได้ยั้งคิดเพื่อหวนกลับมาทบทวนพิจารณาให้รอบคอบ โดยต้องระวังควบคุม “อารมณ์” ที่มีผลต่อการกระทำและการตัดสินใจ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวถ้าโชคไม่ดีก็ไม่สามารถปรับตัวแก้ไขได้


การฝังความคิดในชีวิตจริง

การถูกยัดเยียดความคิดในชีวิตจริง เราถูกหว่านล้อม โฆษณาชวนเชื่อด้วยสื่อจากทุกทิศทุกทาง ไม่เว้นแม้แต่เวลาขึ้นลิฟท์ เข้าห้องน้ำ นั่งกินข้าว ผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารมากมายอย่างมือถือสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ป้ายบิลบอร์ด เมื่อเสพติดกับการคิดชีวิตจะตกอยู่ในวังวนของการคิดซ้ำวนไปมาจนกลายเป็นคนคิดมาก เกิดความเครียดจากการรับข้อมูลข่าวสารมีเรื่องให้คิดจนสับสนตลอดเวลา

ความคิดที่ฝังลงไปแบบผิดทางจะแพร่ลามได้เหมือนโรคร้ายโดยเฉพาะ “ความเชื่อ” ที่หากไม่ใช่ปัญญาไตร่ตรองกลั่นกรองก่อนจะปักใจเชื่อจะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เราหลงผิดคิดว่าสิ่งที่รู้กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่ร่ำไป เราจึงได้เห็นผลเสียของการเชื่อโดยขาดการหาข้อพิสูจน์หลักฐานอันน่าเชื่อถือได้ ส่งผลต่อสภาพจิตใจ ร่างการรวมไปถึงทรัพย์สิน แถมยังเอาความเชื่อผิดเหล่านั้นไปส่งต่อสื่อสารให้กับผู้อื่นอีกทอด

การเข้าไปยังความฝันเพื่อช่วยใครสักคนคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเตือนให้เขาได้รู้สิ่งสำคัญที่สุดว่าโลกแห่งความฝันนั้นไม่ใช่ของจริง การเปิดใจยอมรับความจริงและพร้อมจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคปัญหาน่าจะเป็นทางออกที่กล้าหาญ แม้จะผิดพลาด ล้มเหลวไปบ้าง แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริงจะกลายเป็นแผลเป็นที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น

การยึดติดกับความคิดหรือหลักการบางอย่างทำให้เราจมลงอยู่กับที่เปรียบดั่งการฝังความคิดให้กับตัวเอง บางครั้งก็ก่อตัวสูงจนกลายเป็นกำแพงขวางปิดกั้นตนเองจนมองอออกไปไม่เห็นอะไร การเรียนรู้ฝึกฝนเพื่อหัดมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเองจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการก้าวเดินไปข้างหน้าที่สำคัญ

เมื่อชีวิตแยกความแตกต่างระหว่างความฝันกับโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้ ความคิดจึงติดกับดักในโลกแห่งการหลอกลวงตนเอง ความจริงนั้นอาจดูโหดร้าย แต่การไม่เปิดใจยอมรับความจริงเป็นความเลวร้ายที่กลับกลายเป็นคมมีดทำร้ายตัวเราเองได้ การเลือกวิ่งหนีความจริงด้วยการสร้างโลกแห่งความฝันหลอกตัวเองไปวันๆจึงก่อเป็นผลร้ายบ่อนทำลายจิตใจของเราเองในระยะยาว

กลไกในการป้องกันตนเองจากการจารกรรมความคิดของคนอื่น เจ้าของสินค้า นักการตลาด สื่อมวลชน ตลอดจนคนใกล้ตัวของเราเองนั้น คือต้องมั่นสำรวจจิตตัวเอง คอยกำชับสติให้เกิดปัญญา เมื่อเจอปัญหาต้องไม่รีรอที่จะพุ่งเข้าชนเพื่อแก้ไขทันที เป็นการฝังความคิดเพื่อสร้างกลไกป้องกันตนเอง


เนื้อเรื่องย่อ Inception

“ค็อป” ตัวเอกที่รับบทโดยลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ เป็นนักจารกรรมทางความคิดมืออาชีพที่สามารถลักลอบเข้าไปในความคิดผ่านความฝันยามหลับของผุ้อื่นได้ โดยเค้ามีเป้าหมายที่ต้องการจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับลูกทั้งสองคน หลังจากต้องหลบหนีจากคดีที่โดนกล่าวหาว่าสังหารภรรยาของตนเอง

ค็อปจึงได้รับข้อเสนอจาก “ไซโตะ” นักธุรกิจร่ำรวยที่เสนอให้เขารับงานเปลี่ยนความคิดทายาทธุรกิจพลังงานรายใหญ่เพื่อให้ยอมเลิกทำธุรกิจหวังลดการผูกขาดในอุตสาหกรรมนี้ โดยไซโตะได้เสนอว่าจะลบล้างคดีของค็อปให้และสามารถกลับบ้านไปอยู่กับลูกได้เหมือนเดิม เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นภารกิจอันซับซ้อนในการฝังความคิดหรือ “อินเซ็ปชั่น” ที่ไม่เคยเคยมีใครทำได้มาก่อน



บทสรุปที่เพิ่งเฉลย

8 ปี หลังการการฉาย Inception ชวนให้ขบคิดว่าในท้ายที่สุดตอบจบนั้น พระเอกของเรื่องหรือ “ค็อป” นั้นคงติดอยู่ในโลกแห่งความฝันหรือความจริง เพราะทิ้งภาพของโทเท็มที่หมุนไม่หยุดเอาไว้ จนกระทั่งคุณลุง Michael Cain ได้ออกเฉลยเผยบทสรุปว่าแท้ที่จริงแล้วตอนจบของเรื่องพระเอกนั้นอยู่ในชีวิตจริง ไม่ได้ฝันไป โดยลุงบอกว่าฉากไหนก็ตามที่มีตัวแกอยู่ด้วย นั่นแหละคือโลกแห่งความจริง

Macha
หนุ่มสายมินิมอล ผู้ชื่นชอบการถ่ายรูป | เล่นเกม | อ่านหนังสือ | งานเขียน | การตลาด | เศรษฐศาสตร์ | และชาเขียว

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save