ไขทุกข้อข้องใจ..ประเทศไทยพร้อมแค่ไหนสำหรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ไขทุกข้อข้องใจ..ประเทศไทยพร้อมแค่ไหนสำหรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ขณะที่ทั่วโลกตื่นตัวอย่างหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนโดยการรณรงค์ลดการใช้พลาสติก กระแสการใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนรถยนต์  ( Electric Vehicle หรือ EV)แทนพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรต่อโลกก็เพิ่มความนิยมขึ้นเช่นกัน

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในประเทศไทย หลายปีที่ผ่านมารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตีตลาดในไทยไม่น้อยเลยซึ่งถือเป็นทางเลือกสำคัญในการหันไปใช้พลังงานสะอาดของคนไทย โดยงาน หกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” (The 35th Thailand International Motor Expo 2018)  ที่กำลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พ.ย-10 ธ.ค 2561 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์เมืองทองธานีนี้แบรนด์รถยนต์จากค่ายดังต่างก็ตอบรับแนวคิด “ขับสนุก ! ก่อนยุคไร้คนขับ” ด้วยการขนรถยนต์ไฟฟ้ามาโชว์ทีเด็ดจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ Mercedes-Benz Concept EQA”  รถยนต์ไฟฟ้าขนาดคอมแพ็ค ดีไซน์ทันสมัยที่เน้นลดรูปลักษณ์เป็นสันเป็นเส้นแล้วโชว์ความเรียบมนไร้รอยต่อ โดยรองรับการขับขี่ระยะไกลได้ถึง 400 กม. ทั้งยังสามารถชาร์จไฟฟ้าผ่านการเหนี่ยวนําแม่เหล็กไฟฟ้าและรองรับการชาร์จเร็วได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นรุ่นที่โดดเด่นลบหลายข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี

แต่หากมองอีกมุมหนึ่งเราพร้อมกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจริงๆ หรือ ? สัดส่วนของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งบนท้องถนนในปัจจุบันยังน้อยมาก แม้ นายยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จะคาดการณ์ว่าไม่เกิน 5 ปี รถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอนเพราะต้นทุนแบตเตอรี่ซึ่งคิดเป็น 40% ของต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งคันปรับตัวลง ทำให้ราคารถยนต์ปรับลงตามด้วย แต่ความกังวัลเรื่องข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้านอกจากราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ยังมีปัญหาเรื่องระยะทางวิ่งที่จำกัด ใช้เวลาชาร์จนาน รวมถึงสถานีชาร์จไม่พร้อมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ในความเป็นจริงความกังวลว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะขับไปไม่ถึงปลายทางเพราะระยะทางที่จำกัดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้น้อยมากถ้าไม่ขับระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตรขึ้นไป ผลการศึกษาของ MIT เกี่ยวกับพฤติกรรมการขับรถของชาวอเมริกันในหนึ่งวัน พบว่ารถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf สามารถวิ่งได้ไกลถึง 135 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเลยทีเดียว ซึ่งครอบคลุมระยะทางที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ขับโดยปกติในหนึ่งวันหรือประมาณ 72.5 กิโลเมตร คือถ้าคุณไม่ได้ขับไกลมากอย่างการออกไปต่างจังหวัดอะไรแบบนั้น เรื่องระยะทางก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าวันไหนมีธุระต้องไปต่างจังหวัดละก็เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที ซึ่งมันไปสัมพันธ์กับเรื่องสถานีชาร์จไม่เพียงพอด้วย  

หากคุณลองเสริ์ชกูเกิ้ลว่า “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” คุณจะพบผลการค้นหาที่บอกจุดชาร์จน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นแค่แผนงานว่ากำลังจะทำแต่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะ เพราะปัจจุบันสถานีชาร์จประจุไฟฟ้ามีติดตั้งที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน, Siam Car Park, คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, Max Valu สาขาคู้บอนและหลักสี่, วัฒนาออโต้เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และครัวคุณอ้อม รามอินทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอีกมากมาย

ทั้งยังมีโครงการเร่งสร้างสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” เพิ่ม อีก 1,000 สถานี ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทย่อยของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กับ การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และพันธมิตรอีก 22 ราย หนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท ซีพี ออลล์ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในปี 2561  ซึ่งสถานีชาร์จทุกแห่งจะต้องครอบคลุมทุกๆ ระยะทาง 5 กิโลเมตรในกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลเพื่อขจัดความกลัวว่าแบตเตอรี่รถจะหมดลงกลางทางอันเป็นปัญหาให้ของคนไม่กล้าหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า แน่นอนจุดตั้งเหล่านั้นก็คงไม่มีที่ไหนเหมาะและครอบคลุมไปเท่าร้านสะดวกซื้อ 7-11 อีกแล้ว

กฟน.จึงนำร่องติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาจรัญสนิทวงศ์ 11 และสาขาบ้านสวนลาซาล ศรีนครินทร์ ก่อนจะขยายให้ครอบคลุมครบทั้ง 1000 จุดตามที่ตั้งเป้าไว้  นอกจากนั้นบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ก็สนับสนุนพลังงานบริสุทธ์โดยมีโครงการ “ChargeNow”  ติดตั้งสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าภายในคอนโดมิเนียม 6 โครงการด้วยกัน ได้แก่ VITTORIO, RHYTHM รางน้ำ, RHYTHM เอกมัย, LIFE ปิ่นเกล้า, LIFE อโศก และ LIFE สุขุมวิท 48 พร้อมอำนวยความสะดวกสบายสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าสาธารณะทั่วประเทศไทยอีกกว่า 50 สถานีภายใต้เครือข่าย ChargeNow ที่สามารถค้นหาสถานีได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Greenlots หรือทางเว็บไซต์ http://chargenow-th.greenlots.com/ ในระยะแรกลักษณะการติดตั้งสถานีชาร์จคงจะกระจุกตัวในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน จากนั้นจึงกระจายออกไปตามเมืองใหญ่ที่มีกำลังซื้อและขยายไปสู่เส้นทางหลักเพื่อรองรับการเดินทางระยะไกล

ส่วนเรื่องการใช้เวลาชาร์จนานนั้นขึ้นอยู่กับหัวชาร์จและขนาดของแบตเตอร์รี่รถยนต์ด้วย ถ้ามีขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมงหากที่ชาร์ตภายในรถยนต์ไฟฟ้าให้พลังงาน 30 กิโลวัตต์ คุณชาร์จในบ้านจะใช้เวลาประมาณ 8 ชม. เทียบเท่ากับการชาร์จแบตโทรศัพท์ในตอนกลางคืนที่เราทำกันปกติเป็นประจำอยู่แล้ว แต่หากชาร์จด้วยเครื่อง EV Charger ตามสถานีชาร์จปะจุไฟฟ้าจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชม. ถ้าเครื่องชาร์จมีกำลังไฟ 20- 25 กิโลวัตต์ ยิ่งกำลังวัตต์เยอะยิ่งชาร์ตได้เร็ว

การตื่นตัวเรื่องการใช้พลังงานบริสุทธิ์ถือเป็นเรื่องดี ตอนนี้เราคงต้องรอให้สถานีชาร์จประจุไฟครอบคลุมทุกพื้นที่ก่อน หาก กฟน.สามารถทำตามที่ตั้งเป้าไว้ได้ ไม่เกิน 5 ปีตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอาจเปลี่ยนไปจริงๆ และคงเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของวงการรถยนต์ที่สำคัญทั่วโลกไม่ใช่แค่ที่ในไทยเท่านั้น

Source : 1|2|3|4|5|6
Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save