Movie Reviews | Breaking Bad....จากครูสอนเคมี สู่อาชญากรค้ายาสุดโฉด!! - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Movie Reviews | Breaking Bad….จากครูสอนเคมี สู่อาชญากรค้ายาสุดโฉด!!

“Breaking Bad” เรียกว่าเป็นซีรีย์ที่เป็นอันดับ 1 ครองใจใครหลายๆคนเลยก็ว่า เพราะเรื่องนี้เค้าทำมาดีจริงๆ ทั้งเนื้อหาในเรื่อง แต่ละฉากที่ แสดงให้เห็นถึงความบัดซบของชีวิตคนๆหนึ่งได้ดี และชัดเจนเอามากๆ เรียกว่าเก็บรายละเอียดได้ละเอียดมากกก ทำให้เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้ดีมากๆ ขอเล่าแบบจากความเห็นส่วนตัว ที่แบบไม่ใช่นักวิจารณ์ หรือหลักการใดๆ เล่ากันง่ายๆจากความร้สึกคนที่ชอบดูหนังคนนึงก็แล้วกันเนอะ^^

“Breaking Bad” ซึ่งมีด้วยกันถึง 5 season (จบ) ซึ่งในเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความล้มเหลวของครูสอนเคมีคนหนึ่ง ที่เหมือนหน้าที่การงานจะดี แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับ ชีวิตแมร่งโคตรดราม่าสุดๆ คุณจะได้เห็นเลยว่ายามที่คนเราตกอับถึงขีดสุด ชีวิตมันโหดร้ายแค่ไหน และในเรื่องนี้คุณจะได้เห็นเส้นทางชีวิตของตัวละครเอกอย่าง Mr.White

ใครจะคิดล่ะว่า จากครูสอนวิชาเคมี ที่มีความฉลาดเป็นเลิศ แถมยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทใหญ่ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับการให้เครดิต ทำให้เกิดมีปัญหาด้านการเงินที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง ซ้ำยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแล อย่างลูกชายพิการ ยังไม่พอเมียยังมาท้องแบบไม่ได้วางแผนอีก เอ๊อออ..ชีวิตมันจะโหดร้ายไปไหนว๊าา

จากผู้ชายวัยกลางคน หัวหน้าครอบครัว ที่รักครอบครัวมาก ประกอบกับจังหวะชีวิตที่ค่อนข้างบัดซบ แล้วจะจบปัญหาได้ยังไง?  ก็ในเมื่อชีวิตคนเรามันไม่ได้มีคู่มือในการใช้ชีวิตนี่นะ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Mr.White ผันตัวเองเข้าสู่ด้านมืดของชีวิตโดยการเริ่มนำความรู้ทางด้านเคมีที่มีติดตัว เข้ามาประยุกต์ใช้ในการผลิตยาไอซ์ ซึ่งมันก็กลายเป็นผลงานชั้นเลิศ และเป็นยาไอซ์ที่ดีที่สุดที่เคยมีในวงการยาเสพติด และยังได้รับความร่วมมือกับลูกศิษย์เก่า อย่าง Jesse ในพลิกผลันตัวเองเข้าสู่วงการยาเสพติด และเป็นผู้ร่วมขบวนการแบบไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่

จากความกดดันจากสถานการณ์ในชีวิต Mr.White ใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้าง หลอกตัวเองว่าทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แต่ในความเป็นจริงแล้วเค้าไม่รู้ตัวเลยว่า เค้ากำลังทำเพื่อตัวเองมากกว่า และสุดท้ายเขาได้รับบทเรียนของชีวิตอย่างสาสม ไหนจะต้องเผชิญกับโรคร้าย ไหนจะปัญหาครอบครัวที่มันไม่ได้ถูกแก้ไขอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก เมื่อรสชาติของเงิน มันไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิด จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้

เรื่องนี้ค่อยๆเพิ่มจากความเข้มข้นของเนื้อหาไล่เรียงจากระดับน้อยจนไปถึงคำว่า “พีคสุด” จากความดราม่าที่เข้มข้นตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง ทำให้เห็นที่มาที่ไปของปมปัญหาหลักที่เกิดขึ้นกับชีวิตคนๆนึงได้อย่างชัดเจน  ซึ่งบางปัญหาก็ถือว่าเป็นปัจจัยในการปลุกด้านมืดในตัวคนๆนึงขึ้นมา บวกกับประเด็นยาเสพย์ติด ทำให้เห็นวิธีแก้ปัญหา และการจัดการปัญหาชีวิตที่ผิดพลาดของคนแต่ละคน ซึ่งนี่เป็นจุดที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้มีความน่าติดตามจนไม่อยากจะลุกไปไหน

จากซีซั่นแรก ซึ่งตัวละครหลัก 2 ตัว ที่ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ คือ Mr.White (Bryan Cranston) ซึ่งเป็นตัวอย่างของคนดีที่กลับกลายเป็นคนชั่วได้ชั่วข้ามคืน เพราะถูกบีบด้วยสภาพแวดล้อม สถานะสภาพทางการเงิน ปัญหาชีวิตครอบครัว กับอีกคนคือผู้ร่วมชะตากรรมแบบตกกะไดพลอยโจน อย่าง Jesse (Aaron Paul) ซึ่งเป็นอีกตัวละครหลักที่บรรยายนิยามของเด็กบ้านแตก หัวร้อน วู่วามในการใช้ชีวิต ได้ชัดเจนมาก และเป็นตัวละครที่ส่งความดราม่าให้ผู้ชมได้เสพกันตลอดๆทั้งเรื่อง  

บรรยากาศความดราม่าที่เกิดจากการกระทำของดหล่าตัวละคร ความรัก ความผูกพันธ์ ความสูญเสีย ความกดดันจากสถานการณ์ต่างๆที่ตัวละครแต่ละตัวได้พบเจอ ความไม่แน่นอนทางสภาพอารมณ์และจิตใจของตัวละคร ที่ทำให้เราเครียดตามจริงๆ (นึกภาพตามเหมือนเวลาเราจะทำผิด แต่จิตสำนึกที่ดีมันมีไม่พอไรงี้ หรือนึกภาพว่ามีตัวมาร กับเทวดากำลังเถียงกันอยู่ข้างหู นึกออกมะ… แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อความถูกใจมันเอาชนะความถูกต้อง)

และนอกจากนี้ยังมีตัวละครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกซีซั่น ซึ่งตัวละครทุกตัวก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นกุญแจสำคัญที่เป็นตัวแปรทำให้ Mr.White (Bryan Cranston) และ Jesse (Aaron Paul) นั้นต้องขับเคลื่อนในวงการยาเสพติดต่อไป เรียกได้ว่าค่อยๆถลำลึกไปเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างนั้นก็จะมีอุปสรรคปะปนกันไปหลายรูปแบบ แต่ถึงแม้ว่าในเรื่องนี้จะไม่ค่อยมีฉากแอ็คชั่น ยิงกันสนั่นจอมากเท่าไหร่นัก แต่บอกได้เลยว่า รับประกันความสนุก และยังได้รับการการันตีจากผู้ชมทั่วโลกเลยนะ ใครไม่ดูนี่พลาดมาก

ขอบอกตรงนี้เลยว่า Breaking Bad คือหนึ่งในซีรีย์ที่ควรค่าแก่การนั่งดูมากๆ นอกจากจะเป็นซีรีย์ที่สื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างศีลธรรมกับความกิเลสในตัวมนุษย์ การจัดการปัญหาระหว่างครอบครัว การรับมือกับความเลวทรามของมนุษย์ หรือแม้กระทั่งการเอาชนะความกลัวที่มีอยู่ในตัวเรา ความเห็นแก่ตัว และผลประโยชน์ด้านมืด ทำให้ซีรีย์ชุดนี้ตอบโจทย์ ครบรส และเห็นความดิบเถื่อนในตัวมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม

และที่สำคัญคือ การสื่อให้เห็นว่า คนเรามักมีทั้งด้านสว่างและด้านมืดในตัวทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับว่า อะไรจะเป็นตัวกระตุ้น และปลุกด้านมืดในตัวคุณขึ้นมา จาก”คนที่ดีที่สุด” ก็กลายเป็น”คนที่เลวที่สุด” ได้เหมือนกัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ความมืดเข้าปกคลุมในใจคุณมากเท่าไหร่ แสงสว่างก็จะยิ่งน้อยลงไปมากขึ้นเท่านั้น… เอาล่ะ พูดมาขนาดนี้แล้ว รีบๆไปหามาดูกัน แล้วมาเม้ากันว่าคุณได้อะไรจากซีรีย์เรื่องนี้??!!

Sharry

Writer, Project Editor, Photographer

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save