5 สุดยอดวรรณกรรมระดับโลกที่ชั่วชีวิตลูกผู้ชายควรอ่านสักเล่มหนึ่ง - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
5 สุดยอดวรรณกรรมระดับโลกที่ชั่วชีวิตลูกผู้ชายควรอ่านสักเล่มหนึ่ง

เชื่อไหมว่าการอ่านหนังสือสักเล่มทำให้ผู้ชายดูเซ็กซี่ขึ้น ? 

เดี๋ยวนี้แค่ความหล่อมันไม่พอจริงๆสำหรับการจะมัดใจสาวๆ เพราะผู้หญิงยุคนี้เขาชอบคนมีทัศนคติดี มีความรู้ และฉลาดในการพูดรวมถึงการวางตัว ซึ่งหนุ่มๆรักการอ่านเนี่ยแหละมักจะมีพฤติกรรมเข้าทางตามสเปคของพวกเธอเป๊ะ

ที่สำคัญการอ่านหนังสือยังเป็นอีกหนทางหนึ่งในการมองหาแรงบันดาลใจให้ชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องออกเดินทางท่องโลก เพียงแค่หยิบหนังสือสักเล่มนั่งหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ แล้วปล่อยจินตนาการให้ผจญภัยไปกับตัวอักษรคุณก็เติมพลังแก่ตัวเองได้ไม่แพ้กัน

วันนี้ The MaCho เลยขออาสาตามหาสุดยอดวรรณกรรมระดับโลกที่ชีวิตนี้ต้องอ่านสักครั้งหนึ่งมาเปลี่ยนชายหนุ่มธรรมดาให้เป็นชายหนุ่มผู้เซ็กซี่ทางความคิดกัน

1. จะเป็นผู้คอยรับไว้ ไม่ให้ใครร่วงหล่น

ผู้เขียน :เจ.ดี. ชาลินเจอร์

ผู้แปล : ปราบดา หยุ่น

หนังสือเล่มนี้ถูกจัดให้เป็นวรรณกรรมเล่มหนึ่งที่คนทั้งโลกควรอ่าน แต่ขณะเดียวกันก็ถูกจัดให้เป็นหนังสือต้องห้ามเหมือนกันเพราะเต็มไปด้วยคำหยาบคาย แถมมีพลังปลุกปั่นให้คนบางกลุ่มเกิดกระแสต่อต้านสังคม ซึ่งเจ้าหนังสือเล่มนี้แหละว่ากันว่าเป็นแรงบันดาลใจให้มือปืนยิง จอห์น เลนน่อน รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับจอห์น ฮิงคลีย์ จูเนียร์ ลอบยิงประธานาธิบดีโรนัลด์ วิลสัน เรแกน ด้วย แต่ตั้งแต่ตีพิมพ์ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันนั้นก็ยังคงมีการถกเถียงกันเรื่องนัยยะอันซ่อนไว้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าคนอ่านจะตีความเข้าใจไปแบบไหน  

เรื่องราวในหนังสือพูดถึง “โฮลเดน คอลฟีลด์” หนุ่มน้อยที่เบื่อหน่ายกับสังคมเสแสร้ง ชีวิตเขาแทบจะร่วงหล่นไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิตเมื่อสอบตกอีกครั้ง และนั่นเป็นผลให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน การถูกไล่ออกครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ชีวิตของโฮลเดนวนเวียนกับการเปลี่ยนโรงเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาหลายฤดูกาล และในวันที่เขาจะต้องเดินทางกลับบ้านในนั้น เขากลับตัดสินใจออกเดินทางก่อนกำหนด แต่จุดหมายปลายทางนั้นไม่ใช่บ้านของเขา เขาตั้งใจจะทำอะไร? เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องอ่านเอง

2. วัยเยาว์อันสิ้นสูญ

ผู้เขียน: วิลเลียม โกลดิ้ง  

ผู้แปล: ต้องตา สุธรรมรังษี

หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายเล่มหนึ่งที่ถูกหยิบไปวิเคราะห์ศัพท์แสงทางสังคมและปรัชญายากๆ อยู่เสมอ แต่กลับกันมันไม่ได้เข้าถึงยากขนาดนั้น เนื้อเรื่องสามารถชวนให้ติดตาม ลุ้นระทึกและระแวงไปกับสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ ที่แม้พวกเขาจะเป็นเด็กแต่ความป่าเถื่อนอันยั่งลึกภายในจิตใจมนษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่

เรื่องราวในหนังสือพูดถึงเด็กๆชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งที่เกิดซวยเครื่องบินตกในเกาะร้าง พวกเขาจึงต้องหาหนทางใช้ชีวิตให้รอดบนเกาะนั้นจนกว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเหลือออกไปจากเกาะร้างแห่งนี้ แต่จากความรัก ความสามัคคี กลับแปรเปลี่ยนเป็นเผยด้านมืดของแต่ละคนออกมาเพราะสถานการณ์อันบีบบังคับ เหตุการณ์ในหนังสือล้วนจึงคือภาพสะท้อนให้เห็นสังคมที่มีแต่ความขัดแย้งทางความคิด การหาทางออกเพื่อเอาตัวเองรอด หรือการชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเหนือผู้อื่นโดยไม่คำนึงว่าวิธีการได้มาจะโหดร้ายสักเพียงใด

3. 1984  มหานครแห่งความคับแค้น

ผู้เขียน: จอร์จ ออร์เวลล์

ผู้แปล: สรวงอัปสร กสิกรานันท์

เป็นหนังสือที่อยู่ในรายการจัดอันดับแทบทุกสถาบัน ไม่ว่าจะหนึ่งใน 100 นวนิยายภาษาอังกฤษดีที่สุด นวนิยายดีที่สุด 100 เรื่องของหอสมุดสมัยใหม่ หรือนิยายที่นิยมอ่านสูงสุด รวมถึงเป็นหนังสือต้องห้ามบางประเทศเช่นกัน เพราะนี่คือวรรณกรรมการเมืองแสนคลาสสิกที่ทั่วโลกต่างยกนิ้วให้  ทั้งในแง่เนื้อหา โครงเรื่อง ลีลาการประพันธ์ อันโดดเด่น เข้มข้น เสียดสีการปกครองได้ถึงพริกถึงขิง  ซึ่งในแต่ละคำนั้นนอกจากสื่อความหมายอย่างมีนัยยะแล้ว ยังแฝงไปด้วยอารมณ์เยาะหยัน และขัดแย้งในเวลาเดียวกัน

หนังสือเล่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตข้างหน้า เมื่อโลกถูกแบ่งออกเป็น “สามรัฐมหาอำนาจ”  ห้ำหั่นทำสงครามชิงพื้นที่และทรัพยากรซึ่งกันและกันตลอดหลายสิบปีโดยบอกเล่าผ่านตัวละคร “วินสตัน สมิธ” สมาชิกพรรคการเมือง และดำเนินเรื่องบนพื้นการวิพากษ์ระบอบเผด็จการทางการเมือง ซึ่งดึงให้เห็นประเด็นของกระบวนการล้างสมอง การบิดเบือนความจริงเพื่อครอบงำสังคม ตลอดจนใช้ทุกหนทางบีบบังคับให้นักโทษทางการเมืองสารภาพความผิดที่ไม่ได้ก่อ โดยมี ‘พี่เบิ้ม ’เป็นสัญลักษณ์ความเผด็จการ คอยจับตามองประชาชนทุกคนอยู่ตลอดเวลา

4. คนนอก

ผู้เขียน : อัลแบร์ต กามูส์

ผู้แปล : อำพรรณ โอตระกูล

นวนิยายชั้นเอกของนักเขียนรางวัลโนเบล ประจำปี 1957 โดยแปลมาจากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศส  ที่มีชื่อว่า ” L’Étranger ” ผู้เขียนใช้เทคนิคโศกนาฏกรรมในการสร้างความสง่างามให้แก่ตัวละคร  แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ดำเนินผ่านมุมมองโลกซึ่งไร้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มายึดเหนี่ยวจิตใจ มนุษย์ต้องพึ่งพาตัวเองในช่วงสุดท้ายของชีวิต โดยสอดแทรกแนวคิดให้เกิดการเปรียบเทียบว่าผู้เชื่อในพระเจ้ากับผู้ไม่มีพระเจ้าในหัวใจใครกันจะสามารถเป็นที่พึ่งให้แก่ตนเองได้ดีกว่า

เรื่องราวในหนังสือเล่าถึงผู้ชายคนหนึ่งผู้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุขในชีวิตธรรมดา วันหนึ่งดันพลาดพลั้งฆ่าคนตาย แต่ความผิดของเขาถูกเพิ่มโทษเพียงเพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาไม่ร้องไห้แสดงความเสียใจตอนมารดาเสียชีวิต ทั้งอัยการและสังคมจึงทำหน้าที่เป็นคณะลูกขุนนำเรื่องมาผูกโยงกันเพื่อจะชี้ให้เห็นว่าตัวเอกมีความเลวฝังลึกในสันดานและตีความเกินเลยไปว่าเขาเป็นคนไม่ให้ค่ากับชีวิตของผู้อื่นจนสามารถฆ่าคนตายได้โดยไม่รู้สึกผิดบาป  อ่านแล้วชวนให้นึกถึงผู้คนจำนวนมากในสังคมที่ชอบทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินชีวิตคนอื่นโดยยัดเยียดความผิดให้ตามใจชอบเพียงเพราะแค่คิดต่าง

5. เพื่อนยาก

ผู้เขียน : จอห์น สไตน์เบ็ค

ผู้แปล : ณรงค์ จันทร์เพ็ญ

วรรณกรรมชิ้นสำคัญของโลกผลงานนักเขียนรางวัลโนเบล ที่ได้รับการยกย่องจากสถาบันต่างๆ มากมาย และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์รวมถึงละครเวทีด้วย  โดยเล่าเรื่องราวแก่นแท้แห่งมิตรภาพ การพึ่งพา และความใฝ่ฝันของชายคู่หนึ่งซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงผ่าน “จอร์จ มิลตัน” นักวางแผนร่างเล็กผู้แคล่วคล่อง กับ “เลนนี สมอลล์” ผู้เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลังแต่สมองเชื่องช้าทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็ก ตั้งใจทำงานเพื่อไล่ล่าความฝันแบบอเมริกันดรีม แต่จนจุดพลิกพลันของเส้นทางต้องเปลี่ยนไปเมื่อเลนนีพลั่งฆ่าคนตายโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงหนีไปด้วยความกลัว สุดท้ายชายผู้เสียชีวิตกลับเป็นจอร์จเพื่อนยากของเขาเอง

หนังสือเล่มนี้ต้องการสะท้อนให้เห็นภาพของความสัมพันธ์ภายนอกทั่วไป อันแฝงความนัยว่ามนุษย์ล้วนไม่มีใครเพอร์เฟค ทุกคนต่างขวนขวายหาสิ่งที่ขาดหายมาเติมเต็มให้ชีวิตตัวเองสมบูรณ์ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่างทำให้ไม่สามารถจะหาทุกอย่างมาเติมเติมได้ดั่งใจ เราเลยต้องจำต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนร่วมโลกที่ขาดๆ เกินๆ พอกัน แก้ขัดไปก่อนดีกว่าไม่มีใครเลย

 

Photo & Source : readery| se-ed | arrow|themanual|booooks
Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save