จากกระแสที่ผู้คนยังโหยหาและคิดถึงยุค 90 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างมากมาย การเข้ามาของคอมพิวเตอร์ ก่อนจะมีวินโดว์หรือแมคอินทอช คนเริ่มได้ยินคำว่าอินเตอร์เน็ต และถือกำเนิดโปรแกรมแชทอย่าง Pirch 98 และ ICQ แล้วไหนจะแฟชั่นหรือแนวเพลงกระแสใหม่ที่เรียกว่า อัลเทอร์เนทีฟ หรือดนตรีทางเลือก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในประวัติศาสตร์โลกช่วงไหนจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เร็วขนาดนี้ และโชคดีที่ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ถือว่าได้อยู่ในยุคเปลี่ยนถ่ายที่สำคัญของโลก ได้เห็นโลกที่เปลี่ยนจากอนาล็อกสู่ดิจิตอลอย่างในปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้วมันเริ่มตั้งแต่ยุค 80 แล้ว ตั้งแต่การเข้ามาของคอมพิวเตอร์ระบบ DOS และแฟมิคอม!

เด็กผู้ชายยุค 80

โลกของเด็กในยุค 80 มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการออกไปเล่นกับเพื่อน ขี่จักรยาน การมีจักรยาน BMX สักคันถือเป็นการเปิดโลกผจญภัยของเด็กสมัยนั้นเลยนะ นึกไม่ออกก็อย่างในหนังเรื่อง แฟนฉัน นั่นแหละ เรายังใช้ร่างกายในการเล่นและปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน การเขี่ยสติกเกอร์หรือการ์ด การสะสมของเล่นหรือสติกเกอร์ที่แถมมาจากขนมต่างๆ จนกระทั้งการมาถึงของเครื่องวีดีโอเกมอย่าง แฟมิคอม

แฟมิคอม เครื่องเกมเปลี่ยนโลก

คุณลองจินตนาการถึงตอนได้รู้จักเจ้าแฟมิคอมครั้งแรกสิ

ในยุค 80 สิ่งที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของเด็กผู้ชายยุคนั้นคือเครื่องวีดีโอเกมที่ได้รับความนิยมอย่าง Famicom หรือ Family Computer ที่มาพร้อมกับเกมอย่าง มาริโอ หรือ คอนทร้า ที่บอกเลยเด็กผู้ชายยุคนั้นต้องเคยผ่านมา ซึ่งจริงๆ ก่อนหน้านั้นอาจเคยได้เล่นเกมตู้ (เด็กในสมัยนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าเค้าเรียก เกมอาเขต) ถ้าจำไม่ผิดเกมดังตอนนั้นคือ การาก้า (Galaga) ซึ่งเล่นแต่ละครั้ง 5 บาทในตอนนั้นถือว่าโหดมากสำหรับเด็ก และมันมีเครื่องที่เรียกว่า อาตาริ (Atari) ที่มีตัวคอบคุมที่เรียกว่า จอยสติ๊ก (Joystick) เพราะมันมีแท่งโผล่มา จนเมื่อเราไปเล่นเครื่องแฟมิคอม เรายังคงเรียกคอนโทรลเลอร์ว่า จอย นั่นเอง ซึ่งมันทำให้โลกของเด็กยุคนั้นเปลี่ยนไป คุณลองจินตนาการถึงตอนได้รู้จักเจ้าแฟมิคอมครั้งแรกสิ เครื่องเล่นที่ต่อเข้าทีวีแล้วเปลี่ยนมีตัวละครที่เราบังคับได้อยู่ที่บ้าน แถมมีเกมให้เล่นหลายหลาย เล่นกับเพื่อนได้อีกคนด้วย (ถ้าจำไม่ผิดยุคนั้น ทีวีจะเริ่มมีหลังเวลาเลิกเรียนโน่น)  แฟมิคอมกลายเป็นที่รวมตัวของเด็กผู้ชายใหม่อีกอย่างหนึ่ง

เด็กผู้ชายในสมัยนั้นต้องได้เรียนรู้กับคำว่า เค (หน่วยความจำ) ซึ่งเป็นหน่วยแสดงความเจ๋งของเกมและเป็นค่าในการซื้อขายและแลกเปลี่ยนเกมด้วย เกมเคสูงๆ อย่าง 256K จะแพงกว่านั่นแอง ต้องศึกษาด้วยว่ามันเป็นตลับแท้หรือก๊อปปี้ แต่เครื่องและเกมในสมัยนั้นถือว่าแพงมาก สมัยนั้นบางบ้านทีวียังไม่จอสีเลยมั้งครับ ทางออกของเด็กในสมัยนั้นคือการไปต่อคิวเล่นร้านเกม มันก็อารมณ์ร้านเน็ตคาเฟ่ยุคนี้แหละ และหนังสือเกมก็เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เรารู้ความคืบหน้าของเกมในสมัยนั้น นิตยสาร MEGA น่าจะเป็นหนังสือเกมเล่มแรก (บอกเลยผมทันเล่มแรกนะครับ น่าจะ 10 บาท) ทุกอาทิตย์ต้องไปรอหนังสือออก

การ์ตูนเด็กผู้ชายและหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์

ก่อนหน้านั้นการ์ตูนส่วนใหญ่จะเป็นแนวเด็กหน่อยอย่าง โดราเอมอน,นินจาฮาโตริ หรืออิคคิวซัง แต่ในยุคนี้มีการเข้ามาของหุ่นรบอย่าง กันดั้ม และถือกำเนิดการ์ตูนตลอดกาลอย่าง ดราก้อนบอล และมีการ์ตูนอย่าง หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ, เซนต์เซย่า และคินนิคุแมน ซึ่งในปัจจุบันยังมีวัฒนธรรมการ์ตูนเหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะการ์ตูน เกม หรือของเล่น

และแน่นอนเด็กยุคนั้นยังไม่มีการ์ตูนออนไลน์ เด็กผู้ชายยังต้องอ่านการ์ตูนเล่ม ยุคนั้นมีการ์ตูนอยู่ 3 ค่ายใหญ่ได้แก่ วิบูลย์กิจ มิตรไมตรี และหมึกจีน มันเป็นยุคที่การ์ตูนยังไม่มีลิขสิทธิ์ แต่ละเจ้าทำการ์ตูนรายสัปดาห์ออกวางจำหน่ายขนการ์ตูนที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นมารวมกันในเล่มเดียว โดยของวิบูลย์กิจคือ เดอะซีโร่ (The Zero) ส่วนมิตรไมตรีคือ เดอะทาเล้น (The Talent) วันการ์ตูนออกแต่ละเล่มเป็นอะไรที่โคตรตื่นเต้นเลย ไปยืนรอหน้าร้านเพื่อจะได้อ่านต่อไป

ถ้าบอกว่ายุค 90 คือยุคของวัยรุ่นที่น่าสนใจและมีอะไรให้คิดถึงกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ผู้คนเริ่มค้นหาความเป็นตนของตัวเอง ยุค 80 ก็คือยุคเด็กของคนเหล่านั้น ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงเริ่มเข้ามาทีละน้อยก่อนเป็นรากฐานความคิดแปลกใหม่ในยุค 90 นั่นเอง