เจาะ 4 แข้งผู้ปิดทองหลังพระ พาหงส์ฟอร์มลิ่วในศึกพรีเมียร์ลีก 2018 - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
เจาะ 4 แข้งผู้ปิดทองหลังพระ พาหงส์ฟอร์มลิ่วในศึกพรีเมียร์ลีก 2018

ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 15 กันยายน บุคคลผู้ปวารณาตนเป็นแฟนหงส์คงจะนั่งชิดขอบจอ คอยเป็นกำลังใจให้ทีมรักทำศึกสัตว์ปีกระหว่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล กับ ไก่เดือยทอง ทอตแนมฮอตสเปอร์ ณ นิวเวมบลีย์ – เมกกะสถานของวงการฟุตบอลแห่งถิ่นผู้ดี อันเป็นสนามต้องอาถรรพ์ที่เจอร์เกน คลอปป์ไม่เคยมาคว้าชัยได้เลยใน 3 นัดที่ผ่านมา

นอกจากจะเป็นบิ๊กแมตช์ครั้งแรกของลิเวอร์พูลในการเจอกับทีม Big 6 แล้ว ยังถือเป็นการเริ่มต้นนัดแรกที่พลพรรคหงส์แดงต้องเจอโปรแกรมแข่งสุดโหดตลอดทั้งเดือน ก.ย. ยาวเหยียดไปจนถึงต้นเดือน ต.ค.โน้นเลย

สำหรับผลการแข่งขันนัดเจอสเปอร์ที่จบลงด้วยสกอร์ 1-2 คงจะทำให้หลายท่านยิ้มไม่หุบ ลูกทีมของเจอร์เกน คล็อปป์ คว้าชัย 5 นัดรวด เก็บได้ 15 คะแนนเต็ม เป็นครั้งที่ 3 ที่ทำได้ในประวัติศาสตร์สโมสร เรียกได้ว่าเป็นการเปิดหัวของโปรแกรมหฤโหดได้อย่างยอดเยี่ยมและถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนการเปิดบ้านทำศึกนัดแรกของ UCL ต้อนรับการมาเยือนของทีมดังจากลีกน้ำหอมอย่างเปเอสเชได้เป็นอย่างดี

ด้วยผลงานสุดหรูขนาดนี้ ทำให้ทุกสายตาต่างจับจ้อง สปอตไลท์ทุกดวงต่างส่องไปหาแต่เหล่าซุปเปอร์สตาร์ดังของทีมอย่างโมฮาเม็ด ซาลาห์, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, ซาดิโอ มาเน่ หรือแข้งใหม่อย่างนาบี เกอิต้า และ อลิสซอน เบคเกอร์ แต่หารู้ไม่ ยังมีบรรดานักเตะผู้ปิดทองหลังที่ไม่ค่อยได้รับการยกย่องมากเท่าที่ควร ถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของฟอร์มสุดหรูนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลอย่างแท้จริง จะมีใครกันบ้าง หลายท่านคงเดาไม่ยาก ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าครับ

 

1. เจมส์ มิลเนอร์

 

เจมส์ มิลเนอร์ นักเตะวัย 32 ปี ผู้มากประสบการณ์และเปี่ยมไปด้วยพลังขับเคลื่อนในระบบการเล่นกองกลาง 3 ตัวของคลอปป์อย่างแท้จริง ด้วยการมาของนักเตะหน้าใหม่ในตำแหน่งเดียวกับอย่างนาบี เกอิต้า หรือ ฟาบินโญ่ หลายคนคงคิดว่าเขาคงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนม้านั่งสำรองเสียแล้ว แต่หารู้ไม่ ท่านรองของเรากลับกลายเป็นเล่นดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

มิลเนอร์มักจะมาช่วยอุดรูรั่วอยู่เสมอในยามที่ทีมต้องการเขา ในฤดูกาลแรกที่คลอปป์คุมทีม เขาก็ต้องเล่นเป็นแบ็คซ้ายจำเป็น แต่ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมได้ที่ติ แม้ว่าตำแหน่งที่เขาถนัดคือมิดฟิลด์ตัวกลางก็ตาม ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำผลงานได้ดีขนาดนั้น

จาก 5 นัดแรก เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครบทุกเกม โดยทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทำได้ 2 แอสซิสต์ถวายพานให้เพื่อนยิงในเกมที่พบกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดกับเกมที่พบกับสุนัข จิ้งจอก เลสเตอร์ ซิตี้ และทำได้อีก 1 ประตูในเกมที่พบกับคริสตัล พาเลซ แถมยังเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในเกมล่าสุดกับสเปอร์อีกด้วย


2. โจ โกเมซ

 

ด้วยอาการบาดเจ็บของโจเอล มาติปและเดยัน ลอฟเรนที่เป็นของแถมมาจากฟุตบอลโลก ทำให้โจ โกเมซ แบ็คขวาที่เสียตำแหน่งตัวจริงให้กับเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เมื่อฤดูกาลที่แล้วต้องกลายยืนเป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับเวอร์จิล ฟาน ไดค์อย่างไม่มีใครคาดคิด

แฟนหงส์หลายคนคงกังวลใจว่ากองหลังวัย 21 ผู้นี้จะกลายเป็นบ่อน้ำมันของทีมหรือไม่ แต่เปล่าเลย นี่คือตำแหน่งที่เขาถนัดตั้งแต่สมัยเริ่มค้าแข่งกับชาร์ลตัน และเป็นตำแหน่งที่เขาต้องการจะเล่นมาโดยตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมหงส์แดง

โกเมซยืนคู่กับฟาน ไดค์ได้อย่างลงตัว ‘โกเมซเข้า ฟาน ไดค์ซ้อน’  และด้วยสปีดต้นอันรวดเร็ว รวมถึงการมีลูกหนักและทางบอลที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ 5 นัดแรก ลิเวอร์พูลเก็บคลีนชีตได้ถึง 3 นัดเลยทีเดียว ทั้งในเกมพบกับเวสต์แฮม, คริสตัล พาเลซและไบรท์ตัน

และผลงานเกมรับอันยอดเยี่ยมของ โจ โกเมซ ทำให้แฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกโหวตเขาให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์จากการเก็บ 3 คะแนนที่เลสเตอร์อีกด้วย โดยในเกมนั้นเขามีสถิติสุดแจ่ม ผ่านบอลสำเร็จ 82.8%, สัมผัสบอลทั้งหมด 76 ครั้ง, จ่ายบอลทั้งสิ้น 58 ครั้ง แถมยังไม่มีใบเหลือง ใบแดงติดตัวเลยสักนัด คงต้องมาลุ้นกันว่าถ้าลอฟเรนหายเจ็บกลับมา จะเบียดตำแหน่งตัวจริงจากโกเมซได้สำเร็จหรือไม่


3. จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

 

สำหรับจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กองกลางจอมเทคนิคเลือดดัตช์น่าจะกรณีเดียวกับเจมส์ มิลเนอร์ที่ใครต่อใครต่างฟันธงว่าคงหมดอนาคตกับลิเวอร์พูลอย่างแน่นอน จากการมาของนาบี เกอิต้า และ ฟาบินโญ่ แต่เขากลับเล่นดีอย่างผิดหูผิดตา โดยเฉพาะใช่ช่วงพรีซีซั่นที่สอดขึ้นมาทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ไม่เหลือคราบนักเตะที่ชอบหายไปจากเกมอยู่บ่อยๆ ในฤดูกาลที่แล้ว

และผลงานยิ่งมาเห็นเด่นชัดและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นไปอีก นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2018 – 2019 เป็นต้นมา โดยเฉพาะใน 3 เกมแรกที่มีบทบาทสำคัญในการเล่นแบบ Pivot วิ่งขึ้นลงเพื่อเชื่อมเกมในแดนกลางได้แบบไม่หมด ช่วยบีบไล่ในแดนกลางและทำให้การต่อบอลของทีมได้อย่างไหลลื่น

แถมในเกมล่าสุดกับสเปอร์ยังช่วยโหม่งทำประตูเป็นลูกเปิดกล่องในช่วงปลายครึ่งแรก ทำให้ทีมเล่นได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่ากลายเป็นฟันเฟื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ในระบบกองกลาง 3 ตัวของคลอปป์ไปเสียแล้ว


4. แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

 

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายที่โลกเคยลืม แต่ฟื้นแล้วเกิดใหม่ ผู้ที่ทำให้นิยามของคำว่า Underdog  ชัดเจนยิ่งขึ้น จากที่ยังไร้งานเมื่อ 6 ปีก่อน เคยค้าแข้งอยู่ในลีกล่างของสก็อตแลนด์ หากในวันนั้นไม่ไปเคาะห้องทำงานของคลอปป์ นายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์เพื่อขอคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงไม่ได้เป็นตัวจริง ก็คงจะหมดกำลังใจ ไม่มีโรเบิร์ตสันในวันนี้

ด้วยความทุ่มเทและเลือดนักสู้ที่มีอยู่ในตัวอย่างเปี่ยม ภาพการไล่บอลจากแดนหลังของตัวเองไปจนถึงเส้นหลังของแมนซิตี้เมื่อฤดูกาลก่อน ยังคงตราตรึงอยู่ในใจใครหลายคน แปรเปลี่ยนเป็นคำชื่นชมในความมุ่งมั่นของเจ้าหนุ่มเลือดสก็อตผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

แต่ความมุ่งมั่นและความทุ่มเทอย่างเดียวคงไม่พอ ฟอร์มที่คงเส้นคงวา, การยืนตำแหน่ง, การวิ่งสอดตัดแนวหลังฝ่ายตรงข้าม และการเปิดบอลจากริมเส้น ยังถือจุดเด่นที่ทำให้แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันมายืนในจุดนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

และด้วยผลงานอันลือลั่นจากฤดูกาลก่อนยังส่งต่อมาถึงฤดูกาลนี้ ใน 5 นัดที่ผ่านมา, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ ในเกมแรกที่พบกับขุนค้อน เวสต์แฮมและกับเกมที่พบกับจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ แถมยังเก็บคลีนชีตได้ถึง 3 เกมเลยทีเดียว


 

Chatchai Tongkarn

Freelance,Writer

Every cloud has a silver lining

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save